ก๊วนซอฟท์แวร์ </softganz> SoftGang (Gang Software)

Web &amp; Software Developer Gang.

ความปลอดภัยให้ Debian Linux

by Little Bear @3 เม.ย. 55 17:07 ( IP : 122...68 ) | Tags : Server , Linux , Debian

อันนี้ copy มาล้วน ๆ ครับ ยังไม่มีความสามารถพอที่จะเขียนอย่างนี้ได้

เอามาจาก www.thaihosttalk.com ตามนี้นะครับ

นี่เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่จะช่วยปรับแต่งให้เครื่อง Linux มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นครับ โดยตัวอย่างที่ให้เป็นคำสั่งบนเครื่อง debian ถ้าใครใช้ distro อื่นๆก็อาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป (ส่วนใหญ่จะคล้ายๆกันแต่ต่างกันที่สถานที่เก็บ config ไฟล์ต่างๆ) ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ

แบ่งขั้นตอนคร่าวๆได้ดังนี้

  1. สร้าง user ขึ้นมาใหม่ - เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าเป็น root ตลอดเวลา ช่วยทั้งเรื่องความปลอดภัยและป้องกันความซุ่มซ่ามของตัวเองทำเครื่องพังจากการใช้คำสั่งอย่างไม่ระมัดระวัง
  2. เปลี่ยน root password - โดยเฉพาะคนที่ได้ root password มาจากคนอื่น (แต่ถ้าเราเปลี่ยนแล้ว คนๆนั้นก็จะเข้า root ไม่ได้นะครับ เว้นแต่ว่าจะให้สิทธิ์ใน sudoers ไว้ตามข้างล่าง)
  3. ปิด service ต่างๆที่ไม่ได้ใช้ - เพื่อลดจำนวนช่องโหว่ลง
  4. ลง sudo - จะได้ไม่ต้อง login เข้า root ตามข้อ (1) ข้างบน
  5. ตั้งค่า SSH - ไม่ให้ login โดยใช้ root และทำ public key authentication (ถ้าต้องการ)
  6. ตั้งค่า iptables - เพื่อเปิดใช้เฉพาะ port ที่จำเป็นจริงๆ

มาเริ่มกันเลยดีกว่า..

1. สร้าง user โดยใช้คำสั่ง adduser

$ adduser username
$ passwd username

2. เปลี่ยน root password

$ passwd

3. ปิด service ต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้

ปกติผมจะไปเพิ่มหรือลบ symbolic link ตาม /etc/rcX.d/ เอาด้วยความเคยชิน แต่เดี๋ยวนี้ใช้สคริปต์ update-rc.d ได้ครับ (สำหรับ debian) หรือ 'service' สำหรับ Centos

$ update-rc.d -f service_name remove

4. ลง sudo

$ apt-get install sudo

หรือใครใช้ Centos ก็ให้ใช้ yum เอา

จากนั้นก็ให้ใช้ visudo เพื่อแก้ไฟล์ sudoers อยากให้ใครใช้คำสั่งที่ต้องใช้ root privilege ได้ก็ใส่บรรทัดนี้เข้าไป

username ALL=(ALL)

5. ตั้งค่า SSH

อันดับแรกที่ผมทำเลยคือปิด root login ครับ ให้เข้ามาเป็น user ธรรมดาแล้วมา sudo เอา เปิดไฟล์ /etc/ssh/sshd_config โดยใช้ editor ที่ถนัด แล้วมองหาบรรทัด PermitRootLogin yes แล้วเปลี่ยนเป็น PermitRootLogin no แทน

จากนั้นก็เช็คว่าให้ใช้ SSH version 2 เท่านั้น โดยดูในไฟล์เดิมแล้วหาบรรทัด Protocol 2,1 แล้วเปลี่ยนเป็น Protocol 2 แทน ถ้าเป็น Protocol 2 อยู่แล้วก็ไม่ต้องไปยุ่งอะไรมันครับ

ถ้าอยากจะเปลี่ยน port SSH ด้วยก็ทำได้ครับ หาบรรทัด Port 22 แล้วเปลี่ยนเลข 22 เป็น port อื่นที่เราต้องการ

สำหรับคนที่โรคจิตวิตกจริตอย่างผมก็อาจจะอยากใช้ public key authentication แทน ก็ทำได้ครับ ก่อนอื่นก็สร้าง public/private key บนเครื่องตัวเองก่อน

$ ssh-keygen -t rsa

และควรจะใส่ password ให้กับ key นี้ด้วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัย (ไม่งั้นถ้า private key โดนขโมย คนที่ขโมยก็จะสามารถเข้าเครื่องเราได้ทันที)

จากนั้นก็ upload public key ขึ้นไปบน server

$ scp id_rsa.pub username@server:id_rsa.pub

แล้ว log เข้าไปที่ server เพื่อตั้งให้ใช้ key นี้สำหรับ login

$ cd (ไปที่ home ของ user ที่ต้องการ)
$ mkdir .ssh
$ chmod 700 .ssh
$ cat id_rsa.pub >> .ssh/authorized_keys
$ chmod 600 .ssh/authorized_keys

แล้วเปิดไฟล์ /etc/ssh/sshd_config ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อตั้งให้ใช้ public key เท่านั้น

หาบรรทัด PasswordAuthentication yes แล้วเปลี่ยนเป็น PasswordAuthentication no

หาบรรทัด UsePAM yes แล้วเปลี่ยนเป็น UsePAM no

ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ทำการ restart sshd

$ /etc/init.d/ssh restart

*** ควรจะทำที่หน้าจอหรือผ่าน iKVM เพราะถ้า config พลาดอาจจะทำให้เข้าเครื่องไม่ได้ (เตือนแล้วนะครับ) หรือถ้าจำเป็นจริงๆที่ต้องทำจากข้างนอกก็ต้องไม่ปิด session ssh ปัจจุบันจนกว่าจะมั่นใจว่าสามารถเข้า session ใหม่ผ่าน public key ได้ ***

6. ตั้งค่า iptables

โดยปกติผมจะปิดทุก port ยกเว้นแต่ port ที่ต้องใช้จริงๆ ขั้นตอนต่อไปจะทำในไฟล์หรือใส่ command เข้าไปเลยก็ได้ ถ้าสร้างไฟล์ก็ให้เริ่มไฟล์ด้วย *filter เพื่อบอกว่าเรากำลังแก้ filter table อยู่ ดังนี้

$ vi /etc/iptables.test.rules
*filter
-A INPUT -i lo -j ACCEPT
-A INPUT -i ! lo -d 127.0.0.0/8 -j REJECT
-A INPUT -m state --state ESTABLISHED, RELATED -j ACCEPT
-A OUTPUT -j ACCEPT
-A INPUT -p tcp --dport 80 -j ACCEPT
-A INPUT -p tcp -m state --state NEW --dport 22 -j ACCEPT
-A INPUT -p icmp -m icmp --icmp-type 8 -j ACCEPT
-A INPUT -m limit --limit 5/min -j LOG --log-prefix "iptables denied: " --log-level 7
-A INPUT -j DROP
-A FORWARD -j DROP

COMMIT

อธิบาย rules ต่างๆ

  1. อนุญาต traffic จาก loopback interface
  2. ถ้ามี traffic มาที่ 127.0.0.0/8 ต้องมาจาก loopback interface เท่านั้น
  3. อนุญาต incoming traffic ที่เริ่มจากเครื่องนี้
  4. อนุญาต outgoing traffic ทั้งหมด
  5. อนุญาต tcp traffic ที่มาที่ port 80
  6. อนุญาต tcp traffic ที่มาที่ port 22 (SSH)
  7. อนุญาต ping
  8. เก็บ log traffic ที่ไม่ได้รับอนุญาต
  9. drop incoming traffic อื่นๆ
  10. drop traffic อื่นๆ ที่จะต้องถูก forward

เสร็จแล้วก็ load เข้า iptables โดยคำสั่ง

$ iptables-restore < /etc/iptables.test.rules

หรือถ้าไม่ทำใส่ไฟล์ก็ให้ใช้คำสั่ง iptables นำหน้าแทนครับ เช่น

$ iptables -A INPUT -i lo -j ACCEPT

แล้วใส่เข้าไปทีละบรรทัด

จากนั้นก็ดูความเรียบร้อย

$ iptables -L

และลองดูว่า port ที่ต้องการจะใช้ใช้ได้จริงหรือเปล่า และ port อื่นๆได้ถูกปิดไปจริงหรือไม่ (สำหรับคนที่เปลี่ยน port ssh ก็อย่าลืมเปลี่ยนตามนะครับ) ถ้าเรียบร้อยดีก็ save ไป

$ iptables-save > /etc/iptables.up.rules

แล้วสร้าง script ขึ้นมาเพื่อโหลด rules ตอน boot

$vi /etc/network/if-pre-up.d/iptables
#!/bin/bash
/sbin/iptables-restore < /etc/iptables.up.rules

save ไฟล์แล้วเปลี่ยน permission ให้เป็น executable

$ chmod +x /etc/network/if-pre-up.d/iptables

เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

(ลอกมาจาก blog ตัวเอง + update นิดหน่อย) original ที่นี่ http://just-another-...ลอดภัยให้-debi/

ที่มา www.thaihosttalk.com

Relate topics