สินค้าพื้นเมือง

by นพดล @22 ม.ค.49 12.16 ( IP : 203...11 ) | Tags : กระดานข่าว

นานๆมาที หวัดดีปีใหม่ครับพี่ มีบทกวีตกรอบ
และบทกวีไม่มี "ที่ลง" มาให้อ่าน กล้อมแกล้มเอา พอได้นะ.....

สินค้าพื้นเมือง

เที่ยงวัน-ตลาดนัดกลางเมืองหลวง
พ่อค้าชาวเมืองเหนือ เหงื่อร่วงหยด กี่รายรอต่อราคา ลด-ไม่ลด
สินค้าจะหมดไหม...ในวันนี้

เขาว่า...ยุคนี้เศรษฐกิจรุ่ง
ใครล่ะพุ่ง ใครร่วง-ติดบ่วงหนี้
ขายค้าอยู่ดักดานมานานปี
โอ้..แววเศรษฐีช่างห่างไกล

“รับมั้ยข้าวเกรียบปลาปะนาเระ”
เสนอขายเอะอะกว่าวันไหน “ช่วยซื้อเถิดพี่น้องกินของไทย กำไรช่วยชาวใต้เมืองชายแดน

น้ำบูดูสายบุรี ก็มีนะ ลูกหยีเมืองยะหริ่ง-กล้วยไม้แก่น ตันหยงมัสลองกองของฝากแฟน กรงนกแขวนเรียงรายซื้อใช้กัน

ประดานกกระดาษเคยวาดปีก ปานฟ้าฉีกหล่นร่วง-ห้วงสวรรค์ เถิดพับใหม่แล้วใส่เข้ากรงพลัน
สันติภาพจะเรืองรองตามต้องการ

เร่เข้ามาอย่าลังเล...เร่เข้ามา อาจสินค้าขายแพงกินแรงท่าน เถิดเราร่วมระดมต่อลมปราณ ญาติพี่น้องร่วมบ้าน-ด้ามขวานไทย

ในวิกฤติอย่าร้างสร้างโอกาส เถิดช่วยชาติอย่าดูเบา-เอาใจใส่ ของจากเมืองตานีนี้มาไกล
บวกราคาเสี่ยงภัย-ใช่ขายแพง…

(ของจากเมืองนรานี้มาไกล
บวกราคาเสี่ยงภัย-ไม่แพงเลย...) (ของจากเมืองยะลานี้มาไกล บวกราคาเสี่ยงภัย-เข้าใจนะ...”) ......................................
*บทกวีนี้เคยส่งประกวดกวีการเมือง "รางวัลพานแว่นฟ้า 2548"
แต่ปรากฏว่าตกรอบแรก... สงสัยยัง "การเมือง" ไม่พอ
เพราะไม่มีคำว่า "นักการเมือง" ประชาธิปไตย หรือคำว่า สิทธิเสรีภาพ...

Comment #1
Posted @24 ม.ค.49 20.29 ip : 203...111

555555555555


รางวัลพานแว่นฟ้าปีที่มีปัญหาใช่เป่า?

จะเอาอะไรกันนักกันหนากะท่านประธานกรรมการตัดสิน    งานการเมืองของท่านเองก็ใช่ว่าจะโดดเด่นในแง่ของประชาธิปไตย  หรือในแง่ของสังคม  ยิ่งเคยอยู่พรรคประชากรไทย ของท่านสมัคร สุนทรเวช  ช่วงปีนั้นก็เป็นปี่เป็นขลุ่ยไปกับเจ้าของพรรค  รางวัลพานฯปีที่ว่าเลยดูทะแม่งๆแต่ไม่แปลกใจอันใดเลย  ยิ่งตอนนี้เธอสังกัดค่าย ไทยรักไทย ด้วย  หัวหน้าค่ายอ่านแต่หนังสือ ฮาว - ทู  แล้วพยายามยัดเยียดใครต่อใครให้อ่านด้วย  คิดดูละกัน    ไอ้พวกคิดเองไม่เป็น แล้วอาศัยบทสรุปสำเร็จรูปขากคนอื่นมาใช้  แล้วโอ้อวดว่าตนเหนือคนอื่นเพราะอ่านมามากนี่  ก็เหมือนเขาฉีกซองมาม่า  แล้วเทน้ำร้อนใส่  ปิดฝา 3 นาทีนั่นแหละ  กล้อมแกล้มพออิ่มท้องได้บ้างอยู่  แต่รสชาตินั้นโหลยโท่ยสิ้นดี !


บทกวีการเมืองบ้านเรามันก็จริงอย่างที่หลวงว่า  มันต้องมีคำที่ยกมานั่นแหละถึงจะดูดีบ้าบอคอแตกไปตามเรื่อง  พอๆกับบทกวียุค 14 ตุลา  ที่อะไรๆก็ต้องจบที่ "... ... ประชาชน"  น่าเศร้ามากมาย....


ชิ้นนี้ก็โอเคนะ  เสียดสีเย้ยหยันได้ดี  แต่ผมไม่เคยได้อ่านชิ้นอื่นๆที่ร่วมส่งประกวดด้วยเลย      เลยไม่รู้ว่าทำไมจึงตกรอบแรก


สำหรับท่านอื่น  นพดล ผู้โพสต์กระทู้นี้ไม่ใช่นักกลอนหัดเขียนครับ  เป็นกวีหนุ่มที่มีชื่อพอควรเมื่อสักประมาณ 10 ปีที่ผ่าน  ในนาม  คมศร  ทักษิณประเทศ    และเมื่อไทยรักไทยก้สวขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง  หกลวงหรือนพดลก็ตัดสินใจเลิกใช้ชื่อนี้ทันที  ด้วยนามสกุลมันออกจะไม่มงคลสักเท่าไหร่ (ฮา)  ช่วงปีนั้นคมศรอยู่กลุ่มกวีหน้ารามฯ  กลุ่มเดียวกับ ศิริวร แก้วกาญจน์ , พิเชฐ  แสงทอง, อภิชาติ จันทร์แดง , และอีกหลายนาม  เป็นกลุ่มที่ลั่นเลื่อนและมีพลังวรรณกรรมมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง  ปัจจุบันนพดลทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. แต่ขออภัยด้วยที่จำหน้าที่การงานไม่ได้  


ขออธิบายนิดนึงเกี่ยวกับบทกวีชิ้นนี้นะครับ----


"น้ำบูดูสายบุรี ก็มีนะ ลูกหยีเมืองยะหริ่ง-กล้วยไม้แก่น"


กล้วยไม้แก่น  หมายถึง กล้วย  จากอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี  ขึ้นชื่อพอควรละครับ  สายบุรี ,ยะหริ่ง ก็เป็นอำเภอในปัตตานีเหมือนกัน  และบูดูสายบุรีนั้นขึ้นชื่อนัก  เป็นโลโก้เป็นยี่ห้อของปัตตานีไปในตัวแล้วด้วยครับ


ว่าแต่--  ก็ในเมื่อพ่อค้าเป็นผู้จุดไฟเผาเสียเองยังงี้  เขาจะเอาสินค้าที่ว่ามาขายได้ยังไงหว่า? 

Comment #2
นพดล (Not Member)
Posted @24 ม.ค.49 21.32 ip : 203...117

แหม...พี่ ทำหน้าที่เจ้าของบ้านซะผมเขิลลล
ทั้งบอกที่มาที่ไปคนเขียนพร้อมสรรพ ทั้งไขคำในบทกวีสำหรับคนพื้นเพอื่น

ที่สาธยายชีวประวัติผมมายืดยาว จริง ๆ ไม่มีไรหรอกครับ
ก็อาศัย "เกาะชายผ้าเหลือง" พี่ ๆ มานั่นแหละ ยังห่างไกล... แต่ใจมันก็รัก (เป็นพักๆ)

ว่าก็ว่า ถ้าชิ้นนี้เกิดเข้าตากรรมการพาลแว่นคว้า จับพลัดจับผลูต้องไปรับรางวัลจริง ๆ พี่ว่าผมควรยืด-อกไปรับได้ล่ะหรือ เลอะเทอะเปรอะเปื้อนปานนั้น (จะว่าองุ่นเปรี้ยวก็ยอม...)

ดีแล้วแหละตกรอบไป ใจผมจะได้ไม่ต้องมาต่อสู้ระหว่างโลภเงินรางวัล กับสปิริต ศักดิ์ศรี อะไรประมาณนั้น... ก็ยังหลงไหลได้ปลื้มกับความรู้สึกว่า ตัวเองช่างเป็นคนดี๊คนดีเสียนี่กระไรต่อไป

แต่ขอเอามาห้อยท้ายเป็นเครดิตบทกวีหน่อยก็แล้วกัน ไหน ๆ ปีนี้รางวัลพาลก็ดังเปรี้ยงปร้างไปแล้ว เผื่อดังกับเขาบ้าง

อ้อ...ผมลองทำบล็อกไว้เล่น ๆ
ว่างจากโหลดคลิบ
เชิญแวะชมนะครับพี่

http://viradharma.bloggang.com

Comment #3
Posted @25 ม.ค.49 19.40 ip : 203...155

คลิปที่โหลดน่ะหนังชีวิตทั้งเพแหละ  เอามาเป็นต้นทุนงานเขียน  โหลดมาซะเครื่องจะซีดอยู่แล้วเนี่ย

viradharma.bloggang.com

เอ้า  ทำลิงค์ให้

การเมืองยุคนี้มันก็เข้าใจกันอยู่  ว่าอะไรที่เขาคิดว่าจะเกิดแรงกระทบ  เป็นต้องเข้าไปแทรกแซงจัดการเองซะหมด  การขายหุ้นชินฯ 73,000 ล้าน  ต้องตามดูในภายหน้าว่าการเตลิดหนีไปนั้น  เขาไม่ได้คิดตื้นๆไปแค่ตัว  แต่ไปแล้วสุขสบายมโหฬารทั้งโคตร  เขาไม่ได้โง่อย่าง พล.อ.ถนอม  พล.อ.สฤษดร์(ชื่อนี้มันเขียนไงวะ?)  แต่เรื่องหน้าด้านนั้น - เยอะกว่าแน่ๆ

สงสัยก็แต่ชนชั้นกลางนี่แหละ  ทำไมมันเงียบยังกะขี้ลอยน้ำยังงี้  หรือเพราะเขาไม่โดนกระทบรุนแรงจนรู้สึกสูญเสีย  เลยเฉยๆไม่ใช่ธุระ  รึป่าว?  หรือเพราะชนชั้นกลางเขาเองก็โดนสลายพลังซะจนง่อยเปลี้ยนเสียขา?

ไม่ได้หมายถึงให้รวมตัวกันเดินขบวนขับไล่ใครต่อใครเหมือนที่สนธิทำลงไปนั้นหรอก  สนธิกระทำลงไปเหมือนเด็กไร้เดียงสา  ร้องไห้งอแงจะเอาโน่นเอานี่  แต่ไม่มีประเด็นหลักๆในการเรียกร้อง  ไอ้ที่เรียกร้องก็ไม่ได้ใหญ่โตจนประชาชนรู้สึกร่วม  หรือรู้สึกกำลังสูญเสียแม้แต่น้อยนิด  แต่ถ้าสนธิขับเคลื่อนขบวนการก่อนวันที่ 4 ธันวา ที่ผ่านนะ  โอกาสที่สนธิจะกระทำสำเร็จมีอยู่สูงเลยล่ะ

ว่าแต่ 73,000  ล้านนี่  มันใช้กันกี่ชาติจึงจะหมดวะเนี่ย?

Comment #4
นพดล (Not Member)
Posted @30 ม.ค.49 20.36 ip : 203...8

เรื่องคลิปหนังชีวิต ผมต้นทุนยังน้อย มีอะไรก็แบ่ง ๆ กันมั่งนะพี่

ขอบคุณที่ช่วยทำลิงค์บล็อกให้ครับ

เห็นพูดถึง 73,000 ล้าน อยากรู้มหาศาล ใช้ได้นานแค่ไหน อ่านนี่ครับ

รายงาน : มหากาพย์ 7 หมื่นล้าน จินตนาการของคนอยากรวย "คม ชัด ลึก" วันนี้ ขอเปลี่ยนจากเรื่องเครียดๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาหาเรื่องเบาสมองกันมั่งดีกว่า

เพราะหลายคนอาจเครียดจากอาการ "อิจฉาตาร้อน" ลูกบังเกิดเกล้าของ "ตระกูลชินวัตร" ที่ฟาดเงินสดๆ ไปถึง 73,000 ล้านบาท

จากการขายหุ้นชินคอร์ป "แบบปลอดภาษี" ให้กับกองทุนเทมาเซคของรัฐบาลสิงคโปร์

ทีนี้ลองลืมเรื่องเงื่อนงำต่างๆ ของการขายหุ้นยกลอต ไม่ว่าจะเป็นเจตนาในการขาย เลี่ยงภาษีหรือเปล่า ซุกหุ้นรอบสองหรือไม่ ...

แล้วหันมาจินตนาการกันเล่นๆ ว่า เงิน "73,000 ล้านบาท" นั้น มันหน้าตาเป็นยังไง มหาศาลขนาดไหน และใช้กี่ชาติถึงจะหมด ???

พูดง่ายๆ ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยมีเงินเยอะๆ อยู่ในมือมาก่อน สิ่งแรกที่ทุกคนน่าจะทำคือ "นั่งนับเงิน"

มีสถิติที่น่าสนใจจาก "พนักงานธนาคาร" ที่เชี่ยวชาญการนับแบงก์บอกว่า...

เงิน 1 ล้านบาท ใช้เวลานับ 4 นาที !!!

หมายความว่าในจำนวนนี้ ประกอบไปด้วยแบงก์พัน 10 ปึก ปึกละ 100 ใบ หรือเท่ากับ 1 แสนบาท

และจะต้องนับซ้ำถึง "สองครั้ง"

"ครั้งแรก"...จะให้พนักงานใช้มือนับก่อน เพื่อเป็นการตรวจหาแบงก์ปลอมไปในตัวด้วย การนับด้วยมือนั้นจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3 นาที ซึ่งก็แล้วแต่ความสามารถเฉพาะบุคคลว่าจะนับเร็วนับช้า

"ครั้งที่สอง" จะนำไปนับด้วยเครื่อง ซึ่งจะใช้เวลา 1 นาที รวมเบ็ดเสร็จ ก็ใช้เวลา 4 นาทีต่อการนับเงิน 1 ล้านบาท

นั่นก็แปลว่า ถ้านั่งนับเงิน 73,000 ล้านบาท จะต้องใช้เวลามากถึง 293,200 นาที หรือ 4,886.67 ชั่วโมง

หรือ 203.61 วัน หรือ 6.79 เดือน

คิดง่ายๆ ก็ตกประมาณ "ครึ่งปี" นั่นแหละ !!!

กรณีนี้อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าใช้คนเพียง "คนเดียว" นับตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการลุกไปไหนเลย ไม่ต้องกินข้าวกินปลา หรือแม้แต่ลุกไปเข้าห้องน้ำกันเลย

ทีนี้ลองมาวัดน้ำหนัก เปรียบเทียบความกว้าง ความยาวของแบงก์จำนวน 73,000 ล้านบาทกันดูมั่ง

เคยรู้มาก่อนหรือไม่ว่า เฉพาะ "แบงก์พัน" รวมกัน 1 ล้านบาท มีน้ำหนักอยู่ประมาณ 0.4 กิโลกรัม

ถ้า 73,000 ล้านบาท ก็จะมีน้ำหนักมากถึง 29,320 กิโลกรัม

หรือ 29.32 ตัน เลยทีเดียว !

หากจะทดลองขนย้ายเงินที่มีน้ำหนักมากถึง 29.32 ตัน อาจจะต้องใช้บริการรถสิบล้อ 28 ตันจากค่าย ส.เทียนทอง ของ "ป๋าเหนาะ" เผื่อจะได้ส่วนลดค่าขนส่งลงมาได้บ้าง

แต่ครั้นขนเงินกลับมากองไว้ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว แน่ใจหรือว่าจะมีที่เก็บ ???

เพราะหากนำแบงก์พันมาต่อกันเป็นขบวน จะเท่ากับความยาวถึง "11,874.6 กิโลเมตร" เลยทีเดียว

เทียบเท่ากับขบวนรถไฟที่วิ่งเหนือสุดแดนสยามที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยันใต้สุดดินแดนด้ามขวานที่ อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีระยะทางรวม 1,640 กิโลเมตร ได้ถึง 7.2 เที่ยว !

แล้วถ้าอยากรู้ว่าเงินก้อนมหึมานั้นจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนแล้วละก็

ให้ลองคำนวณดูจากข้อมูลของแบงก์ชาติ ที่ระบุขนาดของธนบัตรใบละ 1,000 นั้น มีขนาด 7.2 x16.2 เซนติเมตร

หากนำเงิน 73,000 ล้านบาท มาวางต่อกันก็จะกินพื้นที่ถึง 85,497.12 ตารางกิโลเมตร

สามารถวางทับจังหวัดที่มีเนื้อที่มากที่สุดของประเทศคือ "จ.นครราชสีมา" ที่มีเนื้อที่มากถึง 20,493.964 ตารางกิโลเมตร ได้ถึง 4 เท่า!!!

หรือพูดง่ายๆเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ก็คือเงินจำนวนที่ว่านั้นเกือบจะปูทับภาคกลางของประเทศไทยได้เกือบหมด

ถ้าเทียบกับตัวเลขประมาณ 90,100 ตารางกิโลเมตร ก็กินพื้นที่ถึง 22 จังหวัด

ลองมาจินตนาการต่อว่า เงินก้อนนี้สามารถเอาไปลงทุนทำอะไรได้บ้าง ???

ถ้าวิธีที่ง่ายที่สุดคือเอาเงินฝากแบงก์กินดอกเบี้ย

"สองพี่น้อง" ตระกูลชินวัตร ก็จะได้ดอกเบี้ยจากการฝากเพียงแค่ 3 เดือนในอัตราร้อยละ 3.25 หลังหักภาษีแล้วอีก 15% เป็นเงินถึง 506.23 ล้านบาท

นั่นหมายความว่าจะมีเงินช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่ฮ่องกงเพลินๆ เดือนละ 168.74 ล้านบาท หรือ 5.62 ล้านบาทต่อวัน

ตกชั่วโมงละ 234,365 บาท หรือนาทีละ 3,906 บาท หรือวินาทีละ 65 บาท

ถ้าสมมติเราเชื่อตามที่ "ทักษิณ" บอก ว่าเขาไม่คิดจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนทำธุรกิจอะไรอีกแล้ว

กี่ชาติมันถึงจะใช้กันหมดเนี่ย ???

ลองมาสมมติกันอีกที... หากนับอายุเฉลี่ยของคนไทยแล้วก็อยู่ที่ประมาณ 72 ปี หรือ 26,280 วัน

ขณะนี้ "หนุ่มโอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร อายุ 27 ปี แปลว่าเขาจะยังเหลือเวลาใช้เงินอีก 45 ปี หรือ 16,425 วัน

เฉพาะในดีลนี้ "หนุ่มโอ๊ค" ได้เงินไปถึง 22.58 หมื่นล้านบาท

คิดง่ายๆ ก็จะได้ใช้ "เศษเงิน" ถึงวันละ 1.37 ล้านบาท หรือชั่วโมงละ 57,280 บาท หรือ 954 บาทต่อนาที หรือวินาทีละ 15 บาท

นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่ "หนุ่มโอ๊ค" จะได้ต่างหากด้วยนะพ่อเจ้าประคุณรุนช่อง

เห็นหรือยังว่ามันมหาศาลขนาดไหน !!!

มิน่าล่ะ "ทักษิณ" ถึงได้มั่นอกมั่นใจนักว่าพวกที่จ้องขัดขาเป็นพวก "อิจฉาตาร้อน" ...................................... เป็นสกู๊ปที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมในช่วงนี้ ได้อารมณ์เย้ยหยันเสียดสีที่ทันสถานการณ์

.............................. หว่านเงินภาษีไปที่รากหญ้า
ดูดเงินนั่นกลับมา อย่างเหมาะสม
เพราะรู้ว่าคนไทยล้วนโง่งม
ฉลาดจริง ขอชม ทั้งโคตร...ตระกูล

(ลอกเขามา-ไม่รู้ใครเขียน)

Comment #5
Posted @31 ม.ค.49 21.09 ip : 203...201

เวลาทักษิณตายนั้น  ผมอยากให้ใช้เงิน 73000ล้านบาทไทยนี่ยัดปากเจงๆ  เป็นเงินปากผีไปเลย

จะได้ตายไปพร้อมกับเงินยทองที่สู้อุตส่าห์ "หามา" ได้

เงินทองน่ะมันไม่ได้ตกมาจากฟ้า  หรือผุดงอกขึ้นมาเองได้  เมื่อใครบางคนมีเงินกำในมือ  ก็หมายควายว่าเงินที่เหลือที่เผื่อแผ่คนอื่นนั้นย่อมหดหาย  แหม  บรรยากาศชักคล้ายๆยุค จอมพล ส. เข้าไปทุกทีแฮะ  เดี๊ยะเหอะ  ไอ้เสือไอ้สางมันก็เต็มเมืองแหงๆ


ทานโทษทีนะ  ตอนนี้ผมเริ่มได้ยินคำอุทาน และสบถว่า  เจ็ดแม่ทักษิณ ! แล้วล่ะ

Comment #6
นพดล (Not Member)
Posted @1 ก.พ.49 8.19 ip : 210...232

อ้าว...แถวนั้นเพิ่งได้ยินหรือครับ ไม่น่าเชื่อ ได้ข่าวว่าคนใต้ไม่มีนายกมา 3-4 ปีแล้วมิใช่หรือ

ผมอยู่แถวนี้ยังได้ยินเขาด่า "เช็ดแม่" ทักษิณ เสียชิน ไม่รู้แกไปทำเลอะเปรอะเปื้อนอะไรไว้

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 66 user(s)

User count is 2442812 person(s) and 10254170 hit(s) since 28 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).