last supper .. ของพระเจ้าแห่งบอร์ดหลุดโลก

by จสอ.โจ @20 ต.ค.49 2.05 ( IP : 210...220 ) | Tags : กระดานข่าว

เสียงเคาะประตูเบา ๆ สองสามครั้ง ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงลั่นของลูกบิดประตู

เป็นประตูของห้องเล็ก ๆ ทาสีขาวสะอาดสะอ้าน ห้องเล็ก ๆ ที่สุดระเบียงทางเดินของหอพักผู้ป่วย ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ห้องที่แดดยามสายส่องทอดประกายอุ่น ๆ กระจาย ไปทั่วห้อง บนเตียงมีชายคนหนึ่งนอนทอดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวที่มีโลโก้เล็ก ๆ ของโรงพยาบาล
ขวดน้ำเกลือใส ๆ แขวนอยู่บนเสาแสนเลสเงาวับด้านข้างเตียง หยดน้ำในขวดค่อย ๆ ไหลเอื่อย ๆ
ไปตามสายยาง ก่อนจะบีบตัวผ่านความแหลมคมของปลายเข็มที่แทรกตัวผ่านเลือดเนื้อที่หลังมือ เข้าไปละลายในกระแสเลือด

" สวัสดีครับพี่ .. "

ชายบนเตียงมองดูผู้มาเยือนยามสาย ที่พาตัวเองผ่านประตูเข้ามาภายในห้อง ผมทรงรองทรงสูง เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีครีมที่พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก กางเกงสแล็คสีดำ รองเท้าหนังเงาวับ ในมือ ถือกระเช้าใบย่อม ๆ มีกล่องอาหารเสริม นมจืดตราหมี ซูปไก่สกัด ผลแอปเปิ้ลสุกผลั่งอีก 5-6 ลูก
และรอยยิ้มละมัยบนใบหน้า

ในความทรงจำ เขาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักผู้ชายคนที่แต่งต้วคล้ายเจอร์เก้น คลิ้นส์มัน ยืนถือกระเช้า ยิ้มน้อย ๆ อยู่ปลายเตียงผู้ป่วยคนนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าไอ้หมอนี่มันเป็นใคร

" เอ่อ .. คุณ ผมคิดว่าผมไม่รู้จักคุณนะ เข้าห้องผิดรึเปล่า "

" ไม่ผิดหรอกครับ พี่เอ้บอกผมเองว่าพี่พักอยู่ห้องนี้ " ผู้มาเยือนหันไปวางกระเช้าของเยี่ยมผู้ป่วย บนหลังตู้เก็บของที่อยู่ข้างเตียง บนนั้นมีแจกันดอกไม้สีสดที่ยังไม่มีวี่แววอ่อนระโหยโรยแรง ราว กับจะเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่อ่อนล้า และกำลังขมวดคิ้วปักเข้าหากัน

" เอ้ .. เอ้ไหน ? "

" เอ้ บางกะปิ " ชายบนเตียงจับจ้องผู้มาเยือนอย่างตื่นตะลึง ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงยิ้มละมัย

ความเยียบเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ดูจะลดต่ำวูบจนเกือบถึงจุดเยือกแข็งในความรู้สึก ของชายบนเตียง แต่สีหน้าของเขากลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว ในสมองของเขากำลังทำการ ประเมินสถาณการณ์เฉพาะหน้าถึงจุดประสงค์ของผู้มาเยือนแปลกหน้าที่ยืนประชิดเตียงผู้ป่วย

" คุณมาเยี่ยมใคร ? "

" ผมมาเยี่ยม .. พระเจ้า "

ชายบนเตียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าจากผู้มาเยือนมองทอดออกไปนอกประตูระเบียง

" มาผิดที่แล้วคุณ จะไปหาพระเจ้าก็ไปที่โบสถ์สิ ไม่ใช่ที่นี่ "

ผู้มาเยือนยังคงยืนอย่างสงบ แววตายังจับจ้องดูการเคลื่อนไหวทุกส่วนบนใบหน้าของผู้ป่วยที่นอน อยู่บนเตียง ในห้วงเวลาที่ดูเหมือนทุกสิ่งจะหยุดนิ่ง ความเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นก็คือ หยดใส ๆ ของน้ำเกลือในขวดที่กำลังทิ้งตัวลงมาทีละหยด

" ไม่ผิดหรอกครับ ผมมาเยี่ยมพระเจ้าแห่งบอร์ดหลุดโลก พระเจ้าแห่งบอร์ดผูกพัน พระเจ้าแห่งบอร์ด บางกะปิ ... ผมมาเยี่ยมพี่นั่นแหละ พี่โอ๊ค "

ถึงแม้สีหน้าจะสงบนิ่ง แต่จังหวะการเต้นของหัวใจของชายบนเตียงผู้ป่วยกลับเต้นในจังหวะที่แรงขึ้น ยามได้ยินประโยคที่ผ่านออกมาจากปากผู้มาเยือน เขาถอนหายใจยาวเพื่อเรียกสติและการควบคุม ตัวเองกลับมา เขาไม่ต้องการให้ผู้มาเยือนล่วงรู้ความวิตกกังวลที่ก่อขึ้นในใจเขาขณะนี้ และตราบใด ที่เขายังไม่แน่ใจถึงเจตนาการมาของชายแปลกหน้า เขาก็จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดของเขา เป็นอันขาด

" คุณเป็นใคร ? "

ผู้มาเยือนเปิดยิ้มกว้าง บางครั้งการสนทนาสั้น ๆ ก็เหมือนการวางหมากในเกมส์หมากรุกที่ต้องชิงไหว ชิงพริบกันตลอดเวลา เมื่อฝ่ายตรงข้ามถามว่าเขาเป็นใคร ก็เท่ากับว่าเขายอมรับแล้วว่าเขาคือพระเจ้า เมื่ออีกฝ่ายเปิดช่องให้เยี่ยงนี้ ผู้มาเยือนจึงเดินหมากโคนทิ่มเข้าไประหว่างช่องว่างของเกมส์ด้วยการ พลิกหลังมือขวาเข้าไปให้ชายบนเตียงดู

มันมีรอยสักเล็ก ๆ ขนาดเพียง 2-3 เซนติเมตร ราวกับเป็นเครื่องหมายอะไรบางอย่าง ตรงขอบโดยรอบ มีลักษณะคล้ายช่อของกิ่งไม้หรือใบไม้อะไรสักชนิดหนึ่ง ดวงตาสีแดงปั๊ดแม้จะเล็กแต่ทรงไว้ซึ่งอำนาจ คุกคามต่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอยู่บนใบหน้าที่ดำสนิท ...

ในระหว่างสองเขี้ยวที่แสยะอ้าออก กัดศาสตราวุธที่มีปลายแหลม !

แววตาของพระเจ้าที่นอนทอดกายบนเตียงสาดประกายจ้า เมื่อระลึกออกว่ารอยสักที่เห็น คือเครื่องหมาย ที่ถูกติดบนหน้าอกเบื้องซ้ายของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรจู่โจมของศูนย์สงครามพิเศษ สัญลักษณ์ เสือคาบดาบอันเกรียงไกร ราวกับจะพิฆาตศัตรูทุกผู้ทุกนามที่บังอาจขวางทาง

" ไอ้เหี้ยจ่า ... "

" โอ๊ะ .. โอ๊ะ ... พูดไม่เพราะเลยนะพี่โอ๊ค " ผู้มาเยือนรั้งมือกลับก่อนจะเดินไปหยุดที่ประตูระเบียงห้อง แดดยามสายส่องทอดประกายอุ่น ๆ อยู่เบื้องนอก เขาจ้องมองไปยังท้องฟ้าสีครามที่ไกลลิบ ๆ

" สมแล้วที่เป็นพระเจ้าแห่งบอร์ดหลุดโลก ผมเชื่อว่าพี่ต้องเดาออกว่าผมเป็นใคร "

" ผมคือ จสอ.โจ หรือจ่าโจ หรืออีกนัยหนึ่ง นามที่พี่เพิ่งเรียกผมไปเมื่อตะกี้นี้ ... ไอ้เหี้ยจ่า "

จ่าโจ หันกายกลับมามองพระเจ้าที่นอนอยู่บนเตียง แม้จะเป็นครั้งแรกของการพบกันในโลกของความ เป็นจริง แต่ทั้งสองคนกลับไม่เหมือนคนแปลกหน้า อย่างน้อยที่สุดต่างฝ่ายต่างรู้ว่ามีจุดร่วมที่คล้ายกัน อยู่บ้าง ...

ทั้งสองคน เป็นนักเขียน

............................................................................

เรื่องราวในโลกไซเบอร์สเปช ไม่ได้แตกต่างจากถนนจอมยุทธสักเท่าใดนัก มันเต็มไปด้วยตัวประหลาด ร้อยสีพันอย่าง มีคนขี้เหงา สาวช่างพูด ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงเมเนเจอร์บริษัท ผู้คนนับแสน นับล้านเดินทางเข้าออกในโลกอินเตอร์เน๊ตอย่างวุ่นวายทุกวัน ราวกับผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบิน สุวรรณภูมิ และถ้าใครบางคนพยายามบอกว่าสนามบินแห่งนี้เป็นฮับของการบินย่านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

บอร์ดหลุดโลก .. ก็เป็นฮับของความเลวทรามต่ำช้าในโลกไซเบอร์สเปช

ทุกอย่างที่กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศบอกว่าเป็นอันตรายต่อการใช้งานอินเตอร์เน๊ตของเยาวชนไทย คุณจะพบได้ที่นี่ จะเอาอะไรล่ะ รูปโป๊ คลิปวีดีโอ คำหยาบคายที่ด่าทอกันชนิดที่ครูสอนภาษาไทยอ่านแล้ว อยากมุดกลับเข้าไปยังช่องคลอดของแม่ตัวเอง เพื่อขอไปเกิดใหม่ยังประเทศอูกานด้า วัฒนธรรมหลุดโลก คือเสรีภาพในด้านมืดของความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในหน้าเวปเพจสีเหลือง ๆ กลับก่อกำเนิดงาน เขียนสวนกระแสที่ถูกบัญญัติศัพท์เสียสวยหรูว่า ..

ทารุณกรรมทางภาษา และขีดฆ่าจินตนาการ

ในยุคสมัยแห่งความเกรียงไกร จนมีคนขนานนามว่า หลุดโลกเรอเนอซองค์ เวปบอร์ดใต้ดินแห่งนี้ก่อให้เกิด ความตื่นตัวของงานวรรณกรรมใต้ดินราวกับการออกประกาศของคณะปฏิรูปฯ ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า งานเขียน ที่มีแต่ความลามกจกเปรต เรื่องราวด้านมืดของจิตใจมนุษย์ ความคิดอ่านของคนโรคจิคที่ชอบโชว์อวัยวะเพศ ของตนต่อที่สาธารณะ ไปจนถึงวินาทีปาดคอหอยของฆาตกรต่อเนื่อง จะได้รับการตีพิมพ์ด้วยวิธีการที่หยาบ ราวกับเอาฝ่าตีนเข้าเล่มเช่นเดียวกับเนื้องาน ไปเสนอหน้าอยู่ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติภายใต้ชื่อ

" จิ้งจกทัก "

ปฏิบัติการเย้ยภาพลักษณ์ของสังคมที่สร้างภาพความเป็นเมืองพุทธ และเปื้อนรอยยิ้มบนใบหน้า เกิดจากน้ำมือ ของคนที่ใช้ยูสเซอร์เนมว่า .. พระเจ้า

ไม่มีใครในช่างเวลานั้นปฏิเสธความยิ่งใหญ่ในงานเขียนของพระเจ้า ไม่มีใครในบอร์ดหลุดโลกกล้าต่อปากต่อ คำกับพระเจ้า พระเจ้าจะสั่งสอนอบรมให้คนผู้นั้นอยากเอามีดหั่นผักแทงสวนทวารตัวเองด้วยความเจ็บแค้นใจ ที่ด่าสู่แม่งไม่ได้จนอยากไปเกิดในภพภูมิใหม่ ที่ไม่ต้องมาเจอกับวลีจังไรเยี่ยงนี้

งานเขียนของพระเจ้า เหมือนสารเสพติดรูปแบบหนึ่งที่มีฤิทธ์กระตุ้นต่อจิตและประสาท ใครได้ลองอ่านสักหน จะติดไปจนตาย ต่อให้ไปอ๊วกจนหมดท้องหมดใส้ที่วัดถ้ำกระบอกก็เลิกอ่านไม่ได้ รูปแบบการเล่าเรื่องที่มีจังหวะ จะโคน ดึงผู้อ่านให้เตลิดไปกับจินตนาการราวกับเห็นภาพปรากฏอยู่เบื้องหน้า กว่าจะรู้ตัวเรื่องราวทั้งหมดก็ซึม ซับผ่านกระบวนการคิดไปฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้อ่านจนเหมือนกับคราบเมนส์บนผ้าอนามัยแบบมีปีก

สายตรวจจากสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย เคยจับกุมชายคนหนึ่งที่ยืนสำเร็จความใคร่อยู่ที่โคนเสาไฟฟ้าในซอย โชคชัย 4 ภายหลังจากการสอบสวนค่อนคืน ชายคนนั้นยอมรับสารภาพว่า .. เขาชักว่าวให้มดแดก เหมือนอย่าง ที่อ่านมาจากในอินเตอร์เน๊ต !

แต่ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมไหน พลิกล่างพลิกบนอย่างไร พระเจ้า ก็ยังดูยิ่งใหญ่ราวกับเทพผู้ปกครองดูแล เหล่ามนุษย์ผู้หลงทางในทะเลทรายอันเวิ้งว้างของบอร์หลุดโลก .. จนมาวันหนึ่ง

พระเจ้า หายไป ...

ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงของการจากไปแห่งพระเจ้าของบอร์ดหลุดโลก โลกไซเบอร์สเปซมีผู้คนผลุบเข้า ผลุบออกวินาทีละหมื่น นาทีละแสน การไม่มีพระเจ้าก็ไม่ต่างกับการที่ขนหน้าแข้งร่วงไปเส้นหนึ่ง ฝูงมนุษย์ ผู้หิวโหยยังคงก่นด่าอย่างกึกก้อง รุมจิกทึ้งเพศเมียที่มาโพสต์กระทู้ สำเร็จความใคร่กับภาพสองพวงนมของ มิยาบิ

นาฬิกาดิจิตอลในชิพเซ็ต ยังคงเดินต่อไป กลุ่มยูสเซอร์เล็ก ๆ ของบอร์ดหลุดโลกก่อตัวกันโพสต์งานเขียน หลากรูปแบบตามความถนัดของตัวเอง แลกเปลี่ยนทรรศนะในงานเขียน สร้างสรรค์วรรณกรรมใต้ดินจนถูก ขนานนามในเวลาต่อมาว่า " หลุดโลกนิวเอจ " หลังจากการพบปะกินเหล้ากันจนเมาแทบไม่เป็นผู้เป็นคน พัฒนากลายเป็นหนังสือรวมงานเขียนใต้ดินที่ราวกับจะเดินตามทางหนังสือรุ่นพี่อย่างจิ้งจกทัก

" ดักเหี้ย "

หนึ่งในกลุ่มหลุดโลกนิวเอจ ปรากฏนาม จ่าโจ ....... รวมอยู่ในนั้นด้วย

............................................................................

" จ่า .. ต้องการอะไร ? "

พระเจ้าเอ่ยถามขณะที่สายตายังคงมองไปยังแสงขาวนวลใต้ฝ้าเพดาน ประสพการณ์ที่ผ่านมาบอกกับตัวเอง ว่าบรรดานักเขียนต่างมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวร่วมกันอย่างหนึ่ง คือการเป็นคนช่างสังเกตุ ไม่ว่านักเขียนคนนั้น จะเขียนแนวบทความ แนวจินตนาการ หรือแนวเรื่องจริง การระลึกรู้ถึงสัมผัสรอบกายย่อมนำมาซึ่งการบรรยาย บรรยากาศผ่านทางตัวอักษร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ในงานเขียน ยิ่งทำให้คนอ่านซึมซาบผ่านทางรูปประโยค เท่าใดก็เท่ากับว่าทำให้คนอ่านเห็นภาพเช่นเดียวกับในสมองผู้เขียนเท่านั้น ลักษณะพิเศษเฉพาะของนักเขียนนี่เอง ที่ดันไปพ้องกับงานหลายด้านอย่างเช่น นักจิตวิทยาที่กำลังรับฟังปัญหาของผู้ป่วยโรคจิต สารวัตรสืบสวนสอบสวน ที่กำลังเค้นหาที่ซ่อนของกลางจากผู้ต้องหา หรือแม้แต่ทนายความที่กำลังซักฟอกจำเลยคดีเช็คเด้ง

เขาชอบอ่านใจผู้อื่น สังเกตุผู้อื่น แต่ไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาอ่านใจเขา สังเกตุเขา แต่ในสภาพที่ต้องนอน หยอดน้ำเกลือบนเตียงเยี่ยงนี้ อย่างน้อยที่สุด การเลี่ยงไม่สบตาฝ่ายตรงข้ามที่ยังคาดเจตนาการมาเยือนไม่ออก คนนี้ ก็น่าจะไม่ทำให้เขาเปิดช่องว่างมากนัก

" ผมมาดี ... หนึ่งก็คือมาเยี่ยมพี่ "

" สอง ผมมีคำถามบางอย่าง ได้คำตอบแล้วผมก็จะกลับ "

พระเจ้าดึงสายตาจากฝ้าเพดานมามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างจริงจัง แววตาที่เด็ดเดี่ยวใต้คิ้วดกหนา ริมฝีปากที่เหยียดขึงราวกับเป็นเส้นตรง บ่งบอกถึงความเป็นคนช่างคิดอยู่ในที เสื้อผ้า หน้าผม ที่ถูกดูแลอย่าง คมกริบราวกับคมดาบปลายปืนที่ถูกสักอยู่ที่หลังมือ จนมองเห็นภาพได้ว่าเขาไม่ควรแทรกตัวอยู่ในเสื้อเชิ๊ตแขน ยาวพับแขน กางเกงสแล๊ต แต่น่าจะอยู่ภายใต้เครื่องแบบลายพรางบนรถฮัมวี่

" หน้าตาพี่ดูไม่เหมือนคนเป็นโรคไตเลยนะ "
จ่าโจพูดพลางหันตัวไปยังกระเช้าของเยี่ยม ก่อนจะหยิบผลแอปเปิ้ลสุกปลั่งสีแดงอมเหลืองขึ้นมาหนึ่งลูก

" พี่ยังจำครั้งแรกที่พี่กินแอปเปิ้ลได้มั้ย ? " จ่าโจพลิกหมุนแอปเปิ้ลลูกนั้นไปมาเบื้องหน้าพระเจ้า ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องน้ำภายในห้องพักผู้ป่วย ที่ติดประตูทางเข้า เสียงซู่ของหัวก๊อกคอตโต้เหนืออ่างล้างมือในห้องน้ำ จ่าโจจ่อผลกลมมนเข้าไปขวาง ละอองสายน้ำจากหัวก๊อก

" นี่เป็นคำถามข้อแรกรึเปล่า ? " พระเจ้าถาม เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังแว่วออกมาจากหลังประตู ก่อนที่จะมีเสียงปิดน้ำ
และเดินกลับออกมาของจ่าโจ

" พี่เนี่ย .. สมกับที่ใครบอกว่าเป็นทนายเลยนะ "

" หมอเขาว่าไงมั่งล่ะ .. เรื่องไตของพี่อ่ะ " จ่าโจดึงมีดออกมาจากกระเช้าที่วางอยู่ข้างเตียง ประกายเงาวับบ่งบอก ถึงความคมกริบ ใบมีดยาว 4 นิ้วที่มีคมเบาบางราวกระดาษ ยามกดลงบนผลแอปเปิ้ล กลับเดินทางผ่านอย่างนุ่มนวล จากฝั่งหนึ่ง ไปสู่อีกฝั่งหนึ่ง เหมือนการร่อนลงโฉบเหยื่อของนกนางแอ่น

เพียงชั่วเวลาถอนหายใจเข้าออก 3 ครั้ง จ่าโจผ่าแอปเปิ้ลลูกนั้นออกเป็น 8 ซีก แต่ละซีกดูเหมือนจะมีขนาดเท่ากัน ราวกับเอาไม้บรรทัดวัดขนาดแล้วตัด ชิ้นส่วนแอปเปิ้ลทั้ง 8 ซีกถูกวางเรียงเป็นระเบียบอยู่บนจานรองแก้วกาแฟที่ พระเจ้ากินหมดไปเมื่อช่วงเช้า จ่าโจหยิบชิ้นแอปเปิ้ลขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะจรดคมมีดออกปอกเปลือกสีแดงอมเหลือง คมมีดวิ่งผ่านผิวเนื้อเปล่งปลั่งเป็นมัน สไลด์ผิวเปลือกออกมาบางเฉียบราวกับเศษขี้กบไสไม้ของช่างมืออาชีพ

ในสายตาของคนทั่วไป จ่าโจกำลังนั่งปอกแอปเปิ้ล .. แต่ในสายตาของพระเจ้ากลับแตกต่างออกไป

ไม่ว่าใครต่างก็เคยใช้มีด มีดเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าบ้านไหน ๆ ก็มีมีดอยู่ในครัว มีดมีหลากหลาย ขนาด บ้างสั้นเพียง 2 นิ้ว บ้างยาวเป็นฟุต มีดถูกผลิตจากวัสดุนานาชนิด บ้างผลิตจากเหล็กกล้า บ้างทำจากสแตนเลส มีดบางเล่มถึงกับใช้โลหะเยี่ยงเดียวกันกับชิ้นส่วนที่เป็นองค์ประกอบของยานอวกาศ น้ำหนัก ความหนาบาง วัสดุที่นำมา ผลิต ไปจนถึงวิธีการผลิตมีดแต่ละเล่มล้วนแตกต่างกัน จุดประสงค์ของการใช้งานของมีดแต่ละเล่มก็แตกต่างกัน

แต่ไม่ว่ามีดเล่มไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับ .. คนใช้มีด !

มีดปังตอเล่มหนาหนัก ยามอยู่ในมือของพ่อครัวผู้ชำนาญการสามารถหั่นชิ้นเนื้อของหูหมูได้ความหนาเพียง 3 มิลลิเมตร ในขณะที่มีดทำครัวยาว 8 นิ้ว ที่ผลิตจากโรงงานชั้นดีเยี่ยมในประเทศเยอรมัน กลับไม่สามารถสับชิ้นเนื้อสะโพกของหมู ตัวเดียวกันให้ละเอียดนุ่มนวลจนกลายเป็นหมูสับต้มตำลึงในครัวของแม่บ้านที่จบปริญญาตรี

จ่าโจวางชิ้นแอปเปิ้ลที่ปอกเปลือกเสร็จบนฝ่ามือซ้าย ก่อนจะกดคมมีดผ่านเนื้อละเอียดสีขาวอมเหลือง แบ่งมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ อีก 5 ชิ้น จัดวางในจานรองแก้วกาแฟ ก่อนจะหยิบชิ้นแอปเปิ้ลถัดไปขึ้นมาปอกเปลือก ในขณะที่พระเจ้ายังจับจ้องคมมีดที่วิ่ง สไลด์ผ่านเปลือกมันวาว ช่วงเวลาไม่เกินต้มมาม่า 1 ซอง แอปเปิ้ลผลนั้นก็กลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ พูนอยู่บนจานรองแก้วกาแฟ ไม้จิ้มฟัน 3 อัน ถูกจิ้มลงไปบนชิ้นแอปเปิ้ลที่อยู่ด้านบนสุด จ่าโจถือขอบจานด้านหนึ่งยื่นส่งมาถึงเบื้องหน้าของพระเจ้า แววตากลับแฝงความวิงวอนเหมือนเด็กขอกินไอติม

... อย่างช้า ๆ พระเจ้าเอื้อมมือไปหยิบก้านไม้จิ้มฟัน
แอปเปิ้ลชิ้นน้อยติดตามขึ้นมาเหมือนปลาสวายที่ถูกเบ็ดดึงให้ขึ้นมานอนกองอยู่บนฝั่ง ก่อนจะส่งชิ้นสีขาวอมเหลืองเข้าปาก

อย่างน้อยที่สุด ในแววตาของจ่าโจก็ไม่มีความปราถนาร้าย ในความหวานอมเปรี้ยวน้อย ๆ ของชิ้นแอปเปิ้ล พระเจ้า กำลังถามตัวเองว่า เขารู้จักจ่าโจสักแค่ไหนกันเชียว ...

............................................................................

ดูเหมือนการปรากฏกายของจ่าโจในโลกไซเบอร์สเปซในช่วงแรก ๆ จะไม่ได้รับความสนใจเท่าใดนัก เขาบอกแต่ เพียงว่าเขามาตามหาซิลี่บั๊ก หนึ่งในนักเขียนเรื่องที่ถูกกล่าวขานในยุคหลุดโลกเรอเนอซองค์ และเป็นหนึ่งในทีม จิ้งจกทัก ใครจะมาสนใจอะไรกันนักกันหนา ถึงการคงอยู่หรือหายไปของใครสักคนในโลกไซเบอร์ คำถามของจ่าโจ จึงเหมือนเสียงหอนของหมาลงทางกลับบ้านไม่ถูก ในช่วงเวลาที่หนังสือจิ้งจกทักกำลังสร้างชื่อ ถึงขนาดวางขาย ในอเมซอนดอทคอม ใคร ๆ ต่างก็ขวยขวายทุกวิถีทางเพื่อจะให้ได้ครอบครองงานเขียนที่แสนสถุลอุบาทว์ ปลื้ม ปิติที่ได้พลิกอ่านข้อความบนกระดาษซีร๊อกซ์ที่แลดูไม่ต่างกับถุงกล้วยแขก แล้วโพสต์ข้อความในบอร์ดหลุดโลก อย่างภาคภูมิใจว่า .. กูไปซื้อจิ้งจกทักมาแล้วโว๊ย

เสียงลือ เสียงเล่าอ้างอันใด พี่เอย ..

เวลาล่วงเลยมาอีกสักพักใหญ่ ๆ จ่าโจกลับมายังบอร์ดหลุดโลกพร้อมกับงานเขียนเรื่องสั้น หนึ่งในวัฒนธรรมของ บอร์ดหลุดโลกในการต้อนรับน้องใหม่ในวงวรรณกรรมคือการก่นด่า ชมรมวิจารณ์บรรลัยของหลุดโลกบอร์ด ร่วมมือร่วมใจกันวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนของจ่าโจอย่างสาดเสียเทเสีย บ้างก็ว่าน่าจะปริ๊นท์เอาไปยัดปากบรรพบุรุษ ที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ในหลุม บ้างก็ว่าน่าจะเอาหัวมุดรูตูดควายก่อนค่อยมาหัดเขียนเรื่องสั้น บางคนไปค้นหา รูปตัวเงินตัวทองแลบลิ้นยาวเฟื้อยมาโพสต์ประกอบกระทู้พลางยืนยันอย่างมั่นใจว่า ไอ้เนี่ยแหละ .. จ่าโจ

ไม่ว่าสังคมใดก็แล้วแต่ ฝูงคนล้วนชี้นำความเป็นไปของสังคมนั้น ไม่งั้นคงไม่มีเรื่องอย่างคำพิพากษาออกมา ให้เราอ่านถึงความคับแค้นของไอ้ฟัก ที่เอาเมียพ่อมาเป็นเมียตัวเองอย่างจำใจหรอก ในยุคสมัยที่พระเจ้า คือที่สุดของงานเขียนของบอร์ดหลุดโลก คนเยี่ยงจ่าโจก็ไม่ต่างกับจิ๊กโก๋ที่ขับวินมอเตอร์ไซค์ปากซอย ส่งสาย ตามองนักศึกษาสาวของมหาวิทยาลัยเอกชนที่นั่งมากับชายหนุ่มบนรถมิซูบิชิอีโวลูชั่น

แม้กระนั้น ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่มองงานเขียนของจ่าโจอย่าพินิจพิเคราะห์ หลาย ๆ เสียงในนั้นบ่งบอก ตรงกันว่า เรื่องสั้นของจ่าโจเหมือนเด็กอนุบาลที่นั่งมองตัวอักษร ก.ไก่ บนกระดานดำที่ครูสาวซึ่งจบการ ศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎ เขียนให้ดูเป็นตัวอย่าง งานเขียนที่ดูเหมือนเอารูปแบบที่เป็นที่ยอมรับของ รุ่นพี่คนนั้นคนนี้มาผสมผเสปนเปราวกับแกงจับฉ่าย คำติติงอย่างตรงไปตรงมากระเซ็นมาติดชายกระทู้ เรื่องสั้นของจ่าโจกระทู้ละเล็กละน้อย ..

จวบจนการมาถึงของ " เพื่อนตาย " กระทู้เรื่องสั้นที่พลิกรูปแบบงานเขียนเดิม ๆ ของจ่าโจไปจนหมดสิ้น งานเขียนที่ทำให้คนอ่านต้องหันกลับไปมองรอบตัว พลางคิดคำนึงถึงการละเลยถึงชีวิตของผู้คนรอบข้าง ที่ดำรงอยู่บนถนนสายเดียวกัน มองถึงความเป็นไปทางสังคมที่ผู้คนยังคงดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ อย่างทารุณ ในความรู้สึกที่แม้จะหยิบยื่นเศษเหรียญสักบาทใส่กระป๋องนมข้นหวานที่ขอทานคนนั้นหมอบกราบอยู่บน สะพานลอยแล้วยังคิดว่า .. ไอ้ห่านี่แม่งหลอกกูรึเปล่าวะ

( ใครยังไม่เคยอ่าน ลองใส่คีย์เวิร์ด " เพื่อนตาย " ลงในช่องเสริช์ของกูเกิ้ล แล้วกดเอนเทอร์ )

หลังจากการรวมตัวกันของ หลุดโลกนิวเอจ ชื่อของจ่าโจถูกยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ของบอร์ดหลุดโลกที่มีผู้ติดตามอ่านงานในจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง หลุดโลกเรอเนอซองค์ และ จิ้งจกทัก ก็ดูเสมือนกับจะเลือนหายไปกับกาลเวลา และการจากไปของ .. พระเจ้า

............................................................................

" พี่จะเขียนเรื่องสั้นอีกมั้ย ? "

จ่าโจถามพระเจ้าที่นอนขยับปากหยับ ๆ อยู่บนเตียง ก่อนจะหยิบก้านไม้จิ้มฟันส่งชิ้นแอปเปิ้ลเข้าปากของต้วเองบ้าง ความหวานอมเปรี๊ยวซาบซ่านไปตามแนวกระพุ้งแก้ม มันดูเหมือนการเดินทางบนถนนนักเขียน ที่มีรสชาติหลากหลาย คละเคล้ากันไป เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่างานเขียนเรื่องสั้นต้องตอบโจทย์ให้ได้อย่างหนึ่งว่า ผู้เขียนต้องการส่งสารอันใด กันแน่ไปยังผู้อ่าน และเพื่อการดำรงจุดมุ่งหมายนั้น ๆ มิต้องคำนึงถึงวิธีปฏิบัติใด ๆ ทั้งสิ้นในงานเขียน ไม่ว่าการวาง เค้าโครงเรื่อง บทสนทนาของตัวละคร หรือแม้แต่พรรณนาโวหารที่ดูสวยหรู การศึกษางานเขียนของนักเขียนที่มีชื่อเสียง อย่างอมราวดี อาจารย์หม่อมคึกฤิทธ์ หรือแม้แต่โกวเล้ง ทำให้เขารับรู้ถึงกระบวนการสื่อสารของนักเขียน แต่ละท่าน แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าคิดแต่จะเขียนตามแนวทางของคนอื่น งานเขียนเป็นเสมือนลายมือที่ต่างคน ต่างมี ถ้าจะบอกว่าหิว จะต้องพูดอะไรให้ยืดยาว แค่บอกเพียงว่า " ข้าวสารกูหมด " ใครอ่านก็รู้แล้วว่า ไอ้หมอนี่ มันหิว

แต่เขากลับไม่เคยเห็นใครที่บอกถึงความหิวได้ดีไปกว่า .. พระเจ้า

" เบื้อกเกื๊อก ๆ คลานมาจนถึงกองข้าว เอียงหัวบวมโตที่กำลังปริแตกยื่นปากเข้าหาเศษข้าว งับเบา ๆ แล้วกลืน โดยไม่เคี้ยว เป็นการกินที่เชื่องช้า เงียบเชียบ ไร้ความรู้สึกใด ๆ เป็นการกินที่ยากเกินบรรยายเพราะไม่มีอะไรให้พูดถึง จริง ๆ และโดยไม่ทันรู้ตัวเปลือกตาของเบื้อกเกื๊อก ๆ ลดปิดลง เบื้อกเกื๊อก ๆ สิ้นใจขณะที่งับเศษข้าวไว้เต็มปาก "

( ตอนหนึ่งจากเรื่องสั้น " ข้าวแกงยายเยี๊ยก " งานรวมเรื่องสั้น จิ้งจกทัก ฉบับที่ 3  พ.ศ.2546 )

ใครจะคาดคิดถึงความหิวได้เยี่ยงนี้ ใครจะใช้ภาษาไทยบ่งบอกถึงความหิวได้เยี่ยงนี้ .. !

บนถนนนักเขียนคือการดิ้นรนแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ เราไม่อาจเขียนเรื่องราวเดิม ๆ เขียนถึงผู้คนเดิม ๆ ได้ร่ำไป การดิ้นรนเช่นนี้คล้ายคลึงกับการแถกกายไปบนพื้นดินของปลาช่อนเพื่อหาแหล่งน้ำใหม่ ไม่ว่าจะพบเจอหรือ ไม่ เหล่าปลาตื่นน้ำฝนล้วนคาดฝันถึงบึงอันกว้างใหญ่ไพศาลกันทั้งนั้น

แต่งานเขียนของพระเจ้า เสมือนเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ เขื่อนเก็บน้ำที่อุดมไปด้วยฝูงปลาหลากชนิด ที่อุดมสมบูรณ์จนแทบจะเอาเข่งลงไปช้อนก็ได้ปลาติดขึ้นมาครึ่งเข่ง ไม่ว่ามองไปเบื้องหน้า หรือย้อนกลับ ไปข้างหลัง ความมหาศาลของจินตนาการในสมองของชายที่นอนให้เข็มน้ำเกลือจิ้มหลังมือเบื้องหน้า ดูเหมือนจะไม่มีจบสิ้น ..

" จ่าไม่น่าจะถามคำถามนี้กับผมนะ จ่าก็เป็นคนเขียนเรื่อง จ่าก็น่าจะผ่านสภาวะเขียนเรื่องไม่ออกมาแล้ว "

พระเจ้าจิ้มไม้จิ้มฟันลงบนชิ้นแอปเปิ้ล ก่อนจะส่งเข้าปาก จ่าโจยื่นจานเข้าใกล้พระเจ้าอีกนิด ปลายแหลม ของไม้จิ้มฟันในมือของพระเจ้าจ่อจรดลงบนชิ้นแอปเปิ้ลแต่ดูเหมือนจะชงักค้างอยู่อย่างนั้น ราวกับจะรอ คำตอบ

" เคยสิพี่ .. มันเหมือนสูญญากาศทางความคิดนะ มันว่างเปล่า ว่างจริง ๆ ไม่มีอะไรเหลือในนั้น หยิบจับอะไรก็ไม่ได้ ถามตัวเองว่าจะเขียนอะไร คิดอะไรอยู่ แต่จะเขียนอะไรได้ในเมื่อมันไม่มี อะไรให้เขียน เดินไปหน้าบ้านหลังบ้าน จุดบุหรี่ดูด กินเบียร์ เดินเข้าไปขี้ .. ก็นึกอะไรไม่ออก "

พระเจ้ากดไม้จิ้มฟันลงบนชิ้นแอปเปิ้ล ก่อนจะส่งเข้าปาก จ่าโจเป็นคนที่ละเอียดอ่นต่อความรู้สึก รอบตัว ตลอดเวลาที่พระเจ้าบดเคี้ยวชิ้นแอปเปิ้ลในซอกกราม เขาสังเกตุอากัปกิริยาของจ่าโจอยู่ ตลอดเวลา สิ่งที่เขาวิเคราะห์ได้ในขณะนี้ คือจ่าโจต้องเป็นคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีเยี่ยม ทักษะการใช้มีดที่ราวกับพ่อครัวในโรงแรม มือที่ถือจานอย่างนิ่งสนิท และแววตาที่จดจ้องความเคลื่อนไหว ของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยอมให้โอกาสใด ๆ ผ่านพ้น

แต่บทสนทนาของเขากลับดูเปิดใจ และผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ

" งานเขียน เหมือนสายฟ้าฟาดในคืนเดือนมืด มันสว่างวับแล้วจางหาย ไม่มีใครบอกได้ว่ามัน จะมาเมื่อไหร่ จะไปตอนไหน ในสายตาของคนธรรมดา สายฟ้าอาจปรารกฏได้ทุกเมื่อ แต่สำหรับ นักเขียน มันคือภาพที่ติดตรึงความรู้สึกจนแม้หลับตา ลืมตาก็มองเห็น ไม่ว่าผ่านพ้นไปกี่วันก็จำได้ วินาทีที่ลำแสงกรีดผ่านม่านดำมืดของรัตติกาล มีแต่สายตาของคนเขียนเรื่องเท่านั้นที่จับได้ทัน "

พระเจ้าส่งชิ้นแอปเปิ้ลเข้าปาก หลังจากฟังคำพูดของจ่าโจ ในขณะที่จ่าโจเปิดรอยยิ้มที่มุมปากและ มองพระเจ้าจิ้มชิ้นแอปเปิ้ลชิ้นถัดไป

" ดังนั้น งานเขียนของนักเขียนแต่ละคน จะมีต่อไปหรือไม่ มีแต่นักเขียนคนนั้นที่จะบอกได้ จะเขียน หรือไม่เขียน ไม่มีใครมาสั่งบังคับ ถ้าเขียนไม่ออก ต่อให้มีปืนมาจ่อหัวก็เขียนไม่ได้ ถ้าจะเขียน อดข้าวอดน้ำ 3 วันก็เขียนไม่หยุด " พระเจ้าหยุดการจิ้มชิ้นแอปเปิ้ลเมื่อจบคำพูด ก่อนมอง ไปเบื้องนอกห้อง ท้องฟ้าสีครามลิบ ๆ ดูจะเหมือนถนนนักเขียนที่ไม่มีวันจบสิ้น

จ่าโจ มองตามออกไป แสงสว่างจากแดดยามสายยังคลี่คลุมพื้นที่ของฟากฟ้า สองนักเขียน มองไปยังขอบฟ้าราวจะหาคำตอบที่ปลายแผ่นพื้นสีคราม

" คำถามของจ่าล่ะ ? "

จ่าโจ ถอนหายใจยาวก่อนจะเบือนหน้ามามองพระเจ้า มือข้างซ้ายพลิกเข้าดันไปใต้คาง ของพระเจ้าที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะดันให้หงายขึ้นไปจมหมอนหนุนหัว

มีดปอกผลไม้ที่ทำจากสแตนเลสยาว 4 นิ้ว ถูกถือกระชับในมือข้างขวา มันเป็นมีดธรรมดาที่ไม่ว่า จะเดินเข้าไปในห้างดิสเคาท์สโตร์แห่งไหนก็มีวางขาย ด้ามพลาสติกสีดำสนิทราวกับรอยสักที่ปรากฏ อยู่บนหลังมือ ภาพเสือดำที่แสยะปากอ้าคาบดาบปลายปืนคมกริบ ราวกับจะพิฆาตศัตรูทุกผู้ทุกนาม ที่บังอาจขวางทาง

..

พระเจ้า ยกสองมือขึ้นหมายจะผลักไสมือที่ดันอยู่ใต้คาง แรงดันมหาศาลกดทับจนลมหายใจแทบ ขาดห้วง เขารับรู้ถึงปลายอันแหลมคมที่จ่อจรดอยู่ชายโครงเบื้องซ้าย

..

จ่าโจ ดันปลายมีดให้แทรกตัวผ่านเข้าไปในร่างของพระเจ้าอย่างเชื่องช้า เป็นการแทงผู้คนที่เชื่องช้า
เงียบเชียบ ไร้ความรู้สึกใด ๆ เป็นการฆ่าที่ยากเกินบรรยายเพราะไม่มีอะไรให้พูดถึงจริง ๆ

..

พระเจ้าเอียงหัวไปมา ราวกับการดิ้นรนของปลาสวายที่ติดเบ็ดเบอร์ 12 ปลายมีดคมกริบผ่านเข้า ในร่างกายจนรู้สึกได้ถึงแต่ละมิลลิเมตรที่มีดแทรกลึก ดวงตาเบิกกว้าง แสงสว่างจากหลอดไฟบนฝ้า เพดานดูจะหมุนคว้าง

..

จ่าโจ มองแววตาที่จ้องมองสวนมายังเขาอย่างสงบนิ่ง สองมือของพระเจ้าทิ้งนิ่งสนิทลงที่ข้างตัว

..

ผ้าเช็ดมือผืนขาวสะอาดเล็ก ๆ ถูกหยิบมาเช็ดคราบเลือดที่ติดง่ามมือ จ่าโจก้มลงมองร่างที่นอนทอด กายอยู่บนเตียง มีดปอกผลไม้สแตนเลสยาว 4 นิ้ว จมหายเข้าไปบริเวณชายโครงด้านซ้ายอย่างหมดจด จนไม่เหลือคมวาวของใบมีดแม้แต่น้อย ยังคงมีแต่ด้ามมีดพลาสติกสีดำสนิทราวกับรอยสักที่ปรากฏ อยู่บนหลังมือ ภาพเสือดำที่แสยะปากอ้าคาบดาบปลายปืนคมกริบ ราวกับจะพิฆาตศัตรูทุกผู้ทุกนาม ที่บังอาจขวางทาง


" คำถามของผมก็คือ พระเจ้า .. จะมีวันตายมั้ย และผมคิดว่า ผมได้คำตอบนั้นแล้ว "

จ่าโจ เดินไปหยุดหน้าประตูทางออกของห้อง เป็นประตูของห้องเล็ก ๆ ทาสีขาวสะอาดสะอ้าน ห้องเล็ก ๆ
ที่สุดระเบียงทางเดินของหอพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ห้องที่แดดยามสายส่อง ทอดประกายอุ่น ๆ กระจายไปทั่วห้อง บนเตียงมีชายคนหนึ่งนอนสิ้นใจอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวที่มีโลโก้เล็ก ๆ ของ โรงพยาบาล ขวดน้ำเกลือใส ๆ แขวนอยู่บนเสาแสนเลสเงาวับด้านข้างเตียง หยดน้ำในขวดค่อย ๆ ไหลเอื่อย ๆ
ไปตามสายยาง ดูราวกับไม่มีวันหมดสิ้น

" คำถามข้อที่สอง .. พี่จำแอปเปิ้ลคำสุดท้ายที่พี่กินได้มั้ย ? "

............................................................................

( คนเรา มันต้องมีจินตนาการ )

Comment #1
Posted @20 ต.ค.49 15.50 ip : 58...170

บนถนนนักเขียนคือการดิ้นรนแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ เราไม่อาจเขียนเรื่องราวเดิม ๆ เขียนถึงผู้คนเดิม ๆ ได้ร่ำไป ผมชอบประโยคนี้ มันเป็นสัจธรรม!! ใครคิดเดินบนถนนเส้นนี้ ต้องหาอะไรใหม่ๆเสมอ มุขใหม่ๆ แนวคิดใหม่ เพื่อการนำเสนอที่น่าสนใจ และบทสรุปที่สอดคล้องกับบริบทแห่งสังคม (แน่ะ ทำเป็นจริงจังนะ ผม)

นักเขียนก็เหมือนนักวิชาการ และต้องทำงาน-การบ้านอย่างหนัก เพราะสิ่งที่เสนอให้กับสังคม มันต้องมีกลิ่นแห่งความสด ความใหม่ ทันสมัย ที่สำคัญ เพื่อไม่ให้งานเขียนตายไป มันต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้อ่าน ถ้าผู้อ่านไม่อ่าน มันก็จบเห่กัน

หลุดโลก?? มันประกอบไปด้วย นักอ่าน ผมว่าหลายคนในนั้น อ่านงานอย่างกว้างขวาง และมีแนวคิดที่เปิดกว้าง ฝูงชนในนั้นต่างก็ยอมรับในกันและกันในระดับหนึ่ง และไม่ดัดจริตที่จะมองว่า สังคมมีแต่ด้านสว่างด้านเดียว

พระเจ้า หึหึ No comment  มันเป็นทุกอย่างในหลุดโลก  ถ้าเขียนถึง ไอ้พระเจ้า -- ต้องไปอ่านงานของพระเจ้า หลายๆงานๆ แล้วตัด quote เด็ดๆ ของมันมา ให้ อีตัว แมงดา พระ นักเรียน ตำรวจ ชาวนา คนทำงานออฟฟิศ นักมวย นักธรรม นักโทษ มือปืน ครู บ่นและกร่นถึง ..  มันได้ประมาณนั้น .. ที่สำคัญ นิยายของพระเจ้า เปิดเรื่อง - นำเสนอโคตรน่าสนใจ ระหว่างคำ มันจะซ่อนอะไรต่ออะไร (หลายอย่างโคตรชั่วร้าย) ไว้อย่างมีรายละเอียด แถมด้วยบทสรุปที่สอดคล้องกับความต้องการของคนในหลุดโลก

แม้ผมจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ผมก็ยังอยากอ่านเรื่องแบบที่เคยมีให้อ่านในหลุดโลกว่ะ

Comment #2
Posted @20 ต.ค.49 16.37 ip : 203...116

www.geocities.com/o7a7k7/index.html

สำหรับผู้ที่อยากตามอ่านงานของพระเจ้า หรือ ทนายความสมชาย อสุจิจังไร ครับ(จำชื่อนามสกุลได้ถูกปะวะเนี่ย? )

หวังว่าพระเจ้าคงไม่ว่าไรที่เอาเวบของเนามาทำลิงค์


พูดถึงหลุดโลกต้องมีชื่อพระเจ้าอย่างชนิดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

สำหรับผมแล้ว  พระเจ้าคือนักเขียนที่ทำงานละเอียดละเมียดละไมยิ่ง  และเป็นคนแรกๆที่ผมทึ่ง  ว่าน้ำหน้าอย่างหลุดโลกนี่อะนะ  จะเขียนกันได้ขนาดนี้

และเฝ้ารอจิ้งจกทักเล่มใหม่จะมีโปรแกรมออกมาเสียทีครับ

Comment #3
From Hell (Not Member)
Posted @3 พ.ย.49 14.33 ip : 58...119

ใครคือพระเจ้าเหรอ แล้วหลุดโลกมันคืออะไรเหรอ

ฮะโหย ฮะโหย

Comment #4
Posted @3 พ.ย.49 18.31 ip : 210...122

ไอ้เฮล .. ตามมาอ่านถึงนี่เลยเหรอฟะ ...

Comment #5
Posted @4 พ.ย.49 1.12 ip : 202...12

ไอ้เหววววววววว

บอร์ดนี้ต้องสุภาพนะมึง

ถ้าไม่อยากโดนวรยุทธ์ตะเกียบพิสวาสเป็ด

Comment #6
Sefina (Not Member)
Posted @10 พ.ย.49 14.08 ip : 61...123

เหวอ .... โจฆ่าพระเจ้า!!!

ไม่เจอกันตั้งนาน เขียนได้เยี่ยมขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย

Comment #7
Posted @11 พ.ย.49 22.29 ip : 210...51

ไม่เจอกับพี่ไดฯ นานมากแล้วนะครับ

.. คิดถึงพี่เสมอ หวังว่าพี่และเด็ก ๆ คงสบายดี ผมยังคงเขียนงานเรื่อย ๆ ครับ หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง แต่ยังเขียนเรื่อย ๆ ..

สารภาพกับพี่ไดฯ ตามตรง ผมก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าผมจะไปได้ไกลแค่ไหน ตราบจนผมได้ออกก้าวเดินก้าวแรก ..

ผมพบว่า ผมไปได้ไกลกว่าที่ผมคิด

..

อยากไปให้ใกล้ ๆ เมฆก้อนนั้นด้วยซ้ำ .. แต่เขาลอยหนีผมไปจนลับสายตาแล้ว

Comment #8
ยัยต๊อง (Not Member)
Posted @7 พ.ค.50 12.47 ip : 203...8

คิดถึงหลุดโลก คิดถึงพี่พระเจ้า นะ...

จากคนติดตามผลงานที่บอร์ดหลุดโลก

Comment #9
นางสมทรงรักฟัก (Not Member)
Posted @3 ม.ค.51 22.04 ip : 76...185

นี่ ไม่แน่ใจว่า พระเจ้าไปโผล่ที่เนชั่นรึเปล่า ในนาม ปรัตยา โสมสืบสาย ลีลาใกล้ๆ กัน

ไม่ได้เข้าหลุดโลกนานแระ ไวรัสเยอะจริงๆ เวบนั้น

เล่นเอาคอมเดี้ยงไปหลายเดือน

Comment #10
ปราง (Not Member)
Posted @4 ม.ค.51 7.18 ip : 202...245

แถกขี้ตามาอ่านงานหลุดโลกคับบ .. ระวังตกทะเล หุหุ

...

อสุจิจังไร ? จะดีเหรอคร๊าบบบ ??

เพราะกระผ้ม - ชื่อ คุณ สุรปราง รังไข่ของกวี เหอๆๆ

Comment #11
สมเสียว (Not Member)
Posted @3 ก.ย.51 14.43 ip : 58...2

แมร่งเอ๊ย เวปโดยปิดไปแล้วนี่ ยังอุตส่าห์ หารูแหกกันมาได้ หรือว่ามีที่ใหม่? คิดถึงบอร์ด สีขี้ เหมือนกันหว่ะ

Comment #12
คน (Not Member)
Posted @19 ก.ย.51 18.51 ip : 203...48

ชอบอ่านบอร์ดนี้มากมากอ่ะ  อ่านมันเป็นชั่วโมง....แต่ทำไงได้  ย้ายไปอยู่ไหนกันอ่ะเปล่าอ่ะ

Comment #13
Brand New Wave Upper (Not Member)
Posted @25 ก.ย.51 0.06 ip : 202...18

แว่บมาดู อิอิ คิดถึงหลุดโลกที่เป็นตำนาน

Comment #14
ไนน (Not Member)
Posted @6 ต.ค.51 3.23 ip : 124...178

......................................................

Comment #15
ส่อหล่อ (Not Member)
Posted @22 ม.ค.52 9.25 ip : 58...82

อยากเป็ฯนักเขียนเหมือรกันครับ  แต่คิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เป็น นักเขียนที่มีผลงานดีครับ แต่ก็จะพยายามอ่านเรื่องยาวๆที่หลายๆคนเขียนนะครับ ผมชอบเรื่องสั้นๆจบไวไว เหมือนเซ็กส์ มีอารมณ์มะไรขอให้ได้ใส่ๆให้เสร็จหลังจากนั้นจะได้ไปทำอย่างอื่นครับ แต่เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น แฟนผมปัจจุบันนะครับ ไม่ยอมให้เอา จนกว่าเธอจะมีอารมณ์ เธออ่านหนังสือโป้ตั้งแต่เช้ายังตีสองเธอยังถึงจะยอมให้เอา . ตอนนั้นผมสาปแช่งเธอไปเยอะแล้ว ไม่คิดว่าผมจะเอาเธอลงแต่ผมก็ต้องปลุกไข่ของผมให้ตื่นนตีสองเพื่อปลดปล่อยมัน เพราะถ้าไม่เอาตอนนี้ คงต้องรอไปอีกนาน ถ้ามีสาวๆคนใดเห็นใจอยากช่วยเหลือผม ก็เมลทิ้งไว้ผมจะแอ๊ดเองครับ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 77 user(s)

User count is 2441386 person(s) and 10247381 hit(s) since 27 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).