[ แฟนฉัน ... ]
...
ทันที่ไฟในห้องค่อย ๆ หรี่ลง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ค่อย ๆ จรดปลายมีดลงบนชิ้นเค๊ก
ในแสงสลัว ผมกวาดตามองเพื่อน ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะ ผมเห็นอะไร ...
ผมเห็นเด็กชายหญิง ในชุดเสื้อสีขาว กางเกงขาสั้น บางคนผูกคอซอง กระโปรงบานมีจีบ
นั่งเรียงรายสลอน ไอ้หนุ่ยเสือเตี้ย นังฝนปากจัด ไอ้ปุ๊เจ้าสำอางค์ นู๋บุ๋มวิชาการ ไอ้ฟอสซ์ ขี้อำ สายเจตน์ขาโจ๋ ..
ผมเงยหน้าไปบนเวที เจ้าสาววันนี้ เป็นเพื่อนที่นั่งเรียนอยู่ข้างหลังผมในวันนั้น
ผมเหมือน .. ไม่รู้จักใครเลย ...
22 ปีผ่านไป ความสูงของไอ้หนุ่ยก็ดูจะไม่เพื่มขึ้น นังฝนก็ยังไม่ลดราวาศอกกับการต่อล้อ ต่อเถียงกับเพื่อน ๆ ไอ้ปุ๊แม่งก็หล่อไม่เสร็จอยู่นั่นแล้ว นู๋บุ๋มแจกนามบัตรที่มีตำแหน่งเป็น ภาษาอังกฤษยาวเหยียด ไอ้ฟอสซ์ยังอำไอ้หนุ่ยเรื่องที่แอบไปซอย 4 รัชดา สายเจนต์เป็น ทหารนั่งกล้ามใหญ่เท่าฟักทอง
เจ้าสาวตัดเค๊กบนเวที ยังคงรักษาความกลมป้อมบนใบหน้าไว้เหนือสิ่งอื่นใด แถมด้วยความ กลมป้อมของชิ้นส่วนในร่างกายส่วนอื่น ๆ ด้วย
... เวลา ทำให้บางอย่างเปลี่ยนไป ... ในขณะเดียวกัน ก็รักษาสภาพของบางอย่าง ให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ...
เพื่อนผมบางคน เป็นเจ้าของกิจการ บางคนทำงานในองค์กร บางคนรับราชการ
บางคนตกระกำลำบาก .. ผมเป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกทำฟรีแลนซ์
บางคนหน้าตาเปลี่ยนไป รูปร่างเปลี่ยนไป บางคนอ้วนขึ้น บางคนสวยขึ้น บางคน .. ยังคงสภาพเดิม
22 ปีผ่านไป .. ผมนั่งถามตัวเองว่า เราผ่านอะไรกันมาบ้างหนอ
บางคนคงผ่านความปวดร้าว บางคนคงเคยล้มลุกคลุกคลานกับการมีชีวิตอยู่ บางคนเคยหลอกลวงคนอื่น บางคนเคยถูกคนอื่นหลอกลวง
บางคนดำเนินชีวิตเป็นขั้นเป็นตอน บางคนไต่เต้าไปหาความสำเร็จ บางคนเดินทางไปตามความฝัน บางคน .. จมอยู่กับความอ้างว้าง และไถ่ถามหาความทรงจำวัยเยาว์
22 ปี ผลักดันเราไปกันคนละทิศละทาง ถีบเราห่างออกจากกันด้วยเงื่อนไขของสังคม และการดำรงชีวิต
...
22 ปี กลับแช่แข็งมิตรภาพของเราให้คงอยู่ ราวกับสุสานฟาโรห์
...
ผมนั่งยิ้ม ตอนที่ดูไอ้หนุ่ยเสือเตี้ยยกเหล้าเทเข้าปาก ดูนังฝนต่อปากต่อคำกับชัยยุทธ ดูไอ้ปุ๊แต่งชุดหล่อ ผูกไทด์สีเข้มรัดคอ ดูไอ้ฟอสซ์อำไอ้อำพันธ์เรื่องไปตีหม้อ .. ดูสายเจนต์ถูกเพื่อนบีบเค้นหน้าอกที่เปล่ง ไปด้วยมัดกล้าม ...
...
" ไปไหนกันต่อดีวะ " ไม่รู้ใครคนหนึ่งในโต๊ะถาม แต่ผมจำได้ว่าผมตอบไปว่า
" ไปกินน้ำแข็งไสที่โรงอาหารกันเหอะ ... "
...