เมื่อเราไม่ต้องการสงคราม แต่ทำไมสงครามยังมีอยู่?

by ภู @11 พ.ค.50 23.22 ( IP : 203...48 ) | Tags : กระดานข่าว

มีหลายคนกำลังเข้าใจผิดไปหรือเปล่าว่ามนุษย์เราในโลกปัจจุบันได้ถูกแบ่งแยกโดยอาณาเขตประเทศ และสัญชาติในพาสปอร์ต มันเป็นความยินยอมอยู่หรือที่เราเกิดมาเป็นคนไทย คนอเมริกัน คนอัฟกัน หรือคนมาลี ภายใต้คำว่า “สัญชาติ...” ที่เราสังกัด ยังประกอบไปด้วยความแตกต่างและหลากหลายอีกมากอยู่ในคำที่ทางการเรียกว่า “พวกเดียวกัน” และเราควรรู้มาตั้งนานแล้ว ว่าแทบทุกประเทศในโลก เกิดขึ้นมาจากการทำสงครามแบ่งแยกดินแดน

คนที่มีกองกำลังกล้าแข็งที่สุด และสามารถเอาชนะกลุ่มอื่นๆ มาได้ จะเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ซึ่งแน่นอนว่าโดยหลักประกันความมั่นคงแล้ว กลุ่มผู้นำโดยส่วนใหญ่มักจะสร้างกลไกที่เรียกว่า “การสืบทอดอำนาจ” เอาไว้ให้กับพวกของตัว และในการได้สิทธิ์ปกครองเป็นประเทศนั้น ไม่มีรัฐบาลใดในโลกที่จะไม่ละโมบในดินแดน ดังนั้น ภายใต้คำว่าอาณาเขตประเทศ(ซึ่งส่งผลไปในทางเดียวกับคำว่า-สัญชาติ) จึงไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เพราะนั่นจะถือเป็นเรื่องท้ายๆ ของสิ่งที่ต่อไปจะถูกเรียกว่า “ชุมชนชายขอบ”

คำว่าชุมชนชายขอบในที่นี้ ไม่ได้มีความหมายเดียวกับคำว่า “ชายแดน” แต่ชุมชนชายแดนโดยส่วนหนึ่งก็มักจะเป็นชุมชนชายขอบด้วย ชุมชนชายขอบก็คือ-เขตแดนที่ความเป็นมาตรฐานแบบรัฐเข้าไปไม่ถึง เช่น มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกับคำจำกัดความที่รัฐบัญญัติ มีวันสำคัญของชุมชนที่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในปฏิทิน หรือการมีภาษาพูดที่ไม่ใช่ภาษากลางซึ่งรัฐกำหนด เหล่านี้จะทำให้เกิดความเป็นชุมชนชายขอบขึ้น และมีผลต่อการพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ ที่มักจะติดขัดกว่าที่อื่นๆ งบประมาณเข้าไปไม่ถึง แต่กลับต้องปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐทุกประการ เช่น การเป็นทหารในนามของรัฐ ,การเสียภาษีในอัตราเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเป็นการ “ได้ไม่คุ้มเสีย” สำหรับชุมชนชายขอบ และจะส่งผลพอกพูนไปสู่การต่อต้านอำนาจรัฐมากขึ้นเป็นลำดับ

ประเทศโดยส่วนใหญ่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือกำเนิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2488) ซึ่งก็กว่า 60 ปีมาแล้ว คนรุ่นใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นในรุ่นหลังจึงอยู่ห่างไกลจากความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชุมชนชายขอบ ทั้งที่โดยความเป็นจริงการแบ่งแยกดินแดนก็ยังคงดำเนินอยู่ตลอดในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่สำเร็จไปแล้วอย่างติมอร์ตะวันออก และที่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ขับเคลื่อนขบวนการของตนอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มาบูซายาฟ ,พยัคทมิฬอีแลมป์ ,จาอาร์อิสลามิยะ และกลุ่มพูโล เป็นต้น

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาบางส่วน ของประเทศไทย ก็เกิดขึ้นจากชนวนอันเดียวกันกับที่กล่าวมา คือเป็นตัวแทนของความแตกต่างที่ดำรงอยู่ในรัฐไทย และพยายามจะแยกตัวออกไปเป็นอิสระ หรือไปรวมกลุ่มกับรัฐที่ให้ความกลมกลืนและคิดว่าจะให้สิทธิได้มากกว่า ความคิดเห็นเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันทั้งหมดในชุมชน ขอเพียงแต่เป็นความคิดเห็นของกลุ่มจัดตั้งที่เข้มแข็ง และอาศัยความเป็นพวกเดียวกันนำพาผู้คนในชุมชนสู่สงครามปลดปล่อยที่กลุ่มแกนนำเป็นผู้กำหนด ไม่มีสงครามไหนเกิดจากความเห็นด้วยของทุกคน และไม่มีสงครามไหน..ที่หยุดลงได้ด้วยการประณาม

คงเป็นเพราะการแบ่งแยกดินแดนครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกิดขึ้นเมื่อกว่า 60 ปีมาแล้วนี้เอง ที่ทำให้หลายคนไม่สามารถนึกเห็นภาพการตั้งประเทศขึ้นมาใหม่ หรือการย้ายไปรวมกับประเทศอื่น ดังนั้น เพื่อให้จินตนาการในเรื่องเวลาใกล้เข้ามาสู่ยุคปัจจุบัน จึงขออนุญาตนำเสนอภาพ “สงครามคอโซโว” ซึ่งเป็นสงครามแบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.2539-2542(และถึงปัจจุบัน) มาเปรียบเทียบให้เห็นถึงขั้นตอนการแบ่งแยกดินแดน ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างรุนแรงในบริเวณภาคใต้ตอนล่างของรัฐไทยขณะนี้

บนดินแดนแห่งความขัดแย้งทางเชื้อชาติของชาวยูโกสลาเวียเดิม (ประกอบด้วย เซอร์เบีย โครเอเชีย สโลวีเนีย มาซิโดเนีย บอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา มณฑลวอยวอดีนา และมณฑลคอโซโว) รัฐเซอร์เบียมีเชื้อสายส่วนใหญ่เป็นชาวเซิร์บเชื้อสายเดียวกับสลาฟ (ใกล้ชิดกับรัสเซียนับถือคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์) และมีชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมอันได้แก่ มาซิโดเนีย บอสเนียเฮอร์เซโกวีนา และคอโซโว

ในอดีตที่ผ่านมายูโกสลาเวียปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ มีผู้นำที่มีความสามารถในการปกครองและสามารถผสานความเป็นสมานฉันท์ระหว่างเชื้อชาติ คือพลเอกยอซีป บรอซ ตีโต ทำให้ความขัดแย้งทางเชื้อชาติไม่มีปัญหามากนัก แต่เมื่อตีโตถึงแก่กรรม ผู้นำที่ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่ง คือ สลอบอดาน มีโลเซวิช ซึ่งเป็นคนเชื้อสายเซิร์บหัวรุนแรง ได้ก่อชนวนปัญหาเชื้อชาติให้เกิดขึ้นมาอีก ภายหลังระบบคอมมิวนิสต์ในรัสเซียล่มสลายปลายปี พ.ศ. 2534 มีหลายสาธารณรัฐที่ต้องการแยกเป็นอิสระ

ประเทศที่แยกตัวไปส่วนใหญ่จะมีปัญหาเนื่องจากชนเชื้อสายเซิร์บในประเทศไม่ต้องการแยกประเทศ ทำให้เกิดการปะทะกันหลายพื้นที่ แต่ท้ายที่สุด โครเอเชีย สโลวีเนีย มาซิโดเนีย ก็สามารถแยกตัวได้สำเร็จ และได้รับการรับรองจากนานาชาติให้จัดตั้งรัฐบาลของตน

บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเองก็ต้องการแยกตัวออกไปเป็นประเทศใหม่ แต่มีปัญหามากเพราะประเทศเหล่านี้มีประชากรชาวเซิร์บอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าประเทศอื่นๆ จึงมีการรวมกำลังต่อต้านการแยกประเทศเพื่อจะเข้ารวมกับรัฐบาลเซอร์เบีย ปัญหาทวีความรุนแรงหนักมากในปี พ.ศ.2538 อันนำไปสู่การสังหารหมู่เพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จนองค์การสหประชาชาติต้องเข้าไกล่เกลี่ยและยุติศึก

มาถึงคราวของคอโซโวจะแยกตัวบ้างเพื่อไปรวมกับแอลเบเนีย ทางรัฐบาลเซิร์บไม่ยินยอม และได้ทำการโจมตีขับไล่ชาวมุสลิมเชื้อสายแอลเบเนียในคอโซโวอย่างโหดเหี้ยม ในปี พ.ศ.2542 ทำให้กองกำลังนาโต้และสหรัฐอเมริกาต้องเข้ายับยั้ง โดยการโจมตียูโกสลาเวียทางอากาศอย่างหนักกว่า 90 วัน เพื่อกดดันให้นายมีโลเซวิชยอมถอนทหาร และอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมเชื้อสายแอลเบเนียกลับเข้าตั้งถิ่นฐานใหม่ได้ โดยมีกองกำลังชาติพันธมิตรคุ้มครองกระทั่งปัจจุบัน

และแม้ว่าขณะนี้ นายมีโลเซวิชจะถูกจับกุมและลงโทษโดยศาลโลกในฐานะอาชญากรสงครามแล้ว การก่อวินาศกรรมในคอโซโวก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง(เหมือนที่อิรักไม่มีซัดดัม แต่ระเบิดพลีชีพก็ยังไม่หมดสิ้นไป)

ในจังหวัดชายแดนใต้ของไทยนั้น ย้อนกลับไปให้ดีเราจะเห็นความคล้ายคลึงกันบางประการ นั่นคือปัญหาความรุนแรงได้ทวีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้(ศอ.บต.)ออกไป เหมือนเป็นการเปิดมุ้งที่ครอบยุงเอาไว้ให้บินออกมาสูบเลือดอีกหน เช่นนี้แล้วก็ดังที่บอกไปหลายๆ หน ว่าคงมีแต่การเจรจาเท่านั้นที่สามารถยุติปัญหาได้ และดังที่เคยเสนอเงื่อนไขการเจรจาของกลุ่มก่อความไม่สงบไปแล้ว หากรัฐไทยรับไม่ได้ในข้อเสนอ ก็ต้องทำสงครามต่อสู้ หรือขอความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติ(ซึ่งคงมีการเสนอให้เจรจาอีกเช่นกัน และในเงื่อนไขเดียวกันอีกด้วย จึงทำให้รัฐไทยพยายามจำกัดให้เป็น “ปัญหาภายใน” และไม่ปะทะ)

เรายังจะต้องสูญเสียผู้คนไปอีกมากมายเท่าใด ถ้าไม่ต่อสู้ หรือยอมรับความจริง ผู้คนกำลังทวีความโกรธแค้น จากสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน ระวังถ้าตัวแทนรัฐไม่ยอมใช้ปากกา ทหารไม่กล้าใช้อาวุธ อีกไม่ช้าคนไทยจะจัดตั้งกองกำลังห้ำหั่นกันเอง กลายเป็นกองกำลังชาวพุทธ เหมือนที่พวกชาวเซิร์บเป็นกัน

โลกนี้มีสิ่งเป็นไปไม่ได้เหลืออยู่อีกหรือ โดยเฉพาะกับสงคราม!

Comment #1
Posted @12 พ.ค.50 7.33 ip : 203...245

สถานการณ์ชายแดนใต้ของเรา แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกรณีที่ยกมาอ้าง

การยุบ ศอ.บต. คือสาเหตุหลัก นี่เห็นด้วย

แต่เห็นต่างตรงที่มันไม่ใช่การเปิดมุ้งที่ครอบยุง

เพราะขบวนการแบ่งแยกไม่ว่าพูโลหรืออะไรต่อมิอะไร ตลอดจนกระทั่ง ดร.วัน  ก็ยังไม่ใช่

กลุ่มแบ่งแยนกยังมีอยู่จริง

แต่ก็เหมือนคอมมูนิสม์  นั่นคือมีเพียงอุดมการณ์ แต่ไร้ศักยภาพสิ้นเชิง

นอกเสียจากว่ามีใครบางคนไปป้อนน้ำป้อนข้าวให้เท่านั้น ที่โอกาสจะมีศักยภาพจะปรากฏขึ้นได้


ชายแดนใต้ไม่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนา ทุกกลุ่มสังคมกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี ดูได้จากวัดช้างไห้ วัดตุยง วัดทรายขาว ทึ่อยู่ท่ามกลางมุสลิมได้อย่างปกติสุข วัดที่นราฯของหลวงพ่อดำ ที่อยู่โดดเดี่ยวจากสังคมไทยพุทธ ท่านจะฉันอะไรจากใคร? ก็ได้ฉันจากอาหารที่มุสลิมเขาให้ การให้ที่ไม่ใช่การใส่บาตร แต่เป็นการให้ตามความเชื่อเรื่องบุญของมุสลิม เขาไม่ได้นับถือหลวงพ่อดำว่าเป็นพระ แต่เขานับถือหลวงพ่อดำในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่เขาและท่านสามารถอยู่ร่วมกันได้

สิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คือการเกลียดชังโดยไม่รู้สาเหตุไม่มีเหตุผล และไม่มีการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างถ่องแท้

โดยเฉพาะกับมุสลิม ที่เราถูกปลูกฝังมารุ่นต่อรุ่น ทัศนะเราจึงมีต่อเขาอย่างเหยีดหยาม จริงไหม? ที่ลึกๆแล้วพุทธรู้สึกเกลียดและกลัวมุสลิม ไม่ไว้ใจ ดักดาน โง่ ขี้เกียจ แล้วกีดกันเขาออกจากสังคม โดยเหตุผลแห่งความเชื่อที่แตกต่างว่ามุสลิมไม่กินหมู

เข้าใจประวัติศาสตร์ผิด เข้าใจความสัมพันธ์ทางภูมิประวัติผิด เข้าใจวิถีมุสลิมผิด เข้าใจตามที่รัฐพยายามบอก  นี่แหละที่จะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด กับคำว่าสงครามเชื้อชาติ

ลองสังเกตุพิรุธต่างๆให้ดี

ตั้งแต่การปล้นปืนไปจนถึงคลังแสงลพบุรีระเบิด

มันมีพิรุธ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 34 user(s)

User count is 2440629 person(s) and 10243964 hit(s) since 27 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).