นิทาน เทวดา ..... ห้วงที่ ๑
แต่เบื้องสิวาลัยในแดนทิพย์
สุวิมลระยิบระยับแสง
สังคีตแห่งคนธรรพ์สรรค์แสดง
วิไลแจ้งแจ่มห้วงสรวงเทวา
ราตรีแห่งเทพไท้ไหวกำซาบ
สุรภาพเสกสรรค์แต่ตัณหา
รจิตเติมในทรามกามกามา
โลมรพาเผดียงสำเนียงกาม
ปหังสกาลแห่งไท้เทวัญ
ชื่นประชันภิรมณ์เกินข่มข้าม
เสกแสวงในหนโดยมนต์ทราม
สังวาสตามกิเลสเพศเทวา
ปรตเยกแห่งทวยทวิชงค์
บริกรรมดำรงกามคาถา
สรรเสริญสรเทวดา
ณ เบื้องฟ้าสูงส่งอย่างลงใจ
บัดหนึ่งในหนห้วงแห่งสติ
วาดดำริมุ่งตรงอย่างสงสัย
โวสานแห่งกิเลสเภทภัย
จักสิ้นลงอย่างไรในภูมิภพ
จึงพกพาความเขลาแห่งเจ้านั้น
ลงสวรรค์หวังผู้รู้ประสบ
เป็นครูแห่งเทพเทวามานพ
แจงรู้ลบศงกาอันคาจินต์
มีไหมใครเล่าในแหล่งหล้า
สิเปิดตาหมองหม่นนี้จนสิ้น
ใครเล่าในทางล้างมลทิน
เราจักน้อมชีวีนนี้มอบภักดิ์
โดยฤทธิ์เทวามาสู่เบื้อง
ด้วยอยากเปลื้องกามดำริอันวิษักต์
ถามหาผู้รู้คลายที่หมายทัก
ชี้ทางคลายความหน่วงหนักแห่งกามา
สากิยบุตร
คือผู้หลุดจากคืนวันแห่งตัณหา
ยลแลเหล่าทวยเทพไท้เทวา
ด้วยเมตตาจึงแจ้งแสดงธรรม
ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ..!
วิถีอันท่านเพลิดเพลินลวงถลำ
ยากจะลี้หนีพ้นจากกลกรรม
กามจะนำท่านเวียนว่ายมิคลายคลอน
ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ..!
ท่านจงเดินลี้ด้วยใจที่ไถ่ถอน
อาศัยธรรมเป็นเครื่องเปลื้องสันดอน
แล้วจักจรไกลพรากไปจากกาม
ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ...!
หากยังเพลินอารมณ์มิข่มข้าม
หรือจักลี้หนีพ้นจากมนต์ทราม
ยังแต่ลามโดยกระแสพ่ายแพ้ไป
ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ...!
หากยังเพลินกับมารยาสาไถย
แม้นสิ้นกาลอายุอันลุไป
ท่านสิยังวนในวัฏฏะนี้
โดยธรรมแห่งพุทธบุตร
ได้รั้งฉุดมรรคาปัญญาวิถี
เปลี่ยนมิจฉาเป็นสัมมาอันดี
เบิกเนตรซึ่งควรมีแก่เทพเทวา
รังแรกโดยธรรมรังสรรค์
แปรเทวันไหวซึ้งไปถึงค่า
ละกามิศจริตแฝงอันแต่งพา
โดยสัมมาทิฐิดำริตรอง
จึงกรานกราบซาบซึ้งถึงคุณพระ
ผู้สอนละในกามทรามผยอง
เลิกเมามัวในกรรมอันลำพอง
ละครรลองตัณหากามาวจร
-------- จบห้วงที่หนึ่ง -------
-----------------------------------
ลานเทวา
เทวดาได้สดับธรรมแล้ว
เปลี่ยนแปลงตนเองจากที่เคยเป็นพวกมิจฉาทิฐิ
กลายมาเป็นพวกสัมมาทิฐิแทน
หากจะละกามารมณ์ให้ได้ขาดเลยนั้น
มันเป็นขั้นของ พระอนาคามี ขึ้นไป
เหล่าเทวดาซึ่งอาศัยกินบุญเก่า
จึงมิอาจ กระทำให้ถึงได้
เพราะภพภูมิที่สามารถสร้างสม
อบรมในบารมีนี้
มีเพียงแต่ภพภูมิแห่งมนุษย์เท่านั้น
เพราะเหตุแห่งกรรมทั้งหลาย
เกิดก่อได้ก็แต่แต่ภพภูมินี้เท่านั้น
ว่ากันง่ายๆ คือภูมิแห่งมนุษย์นั้น
สร้างได้ทั้งเหตุ และรับได้ซึ่งผล
ส่วนภพภูมิอื่นนั้นเป็นภพภูมิที่รับผลอย่างเดียว
ไปสวรรค์ ก็คือรับผลบุญ คุณงามความดีที่เคยก่อ
ไป นรก ก็คือไปรับผลกรรม ที่เคยสร้างก่อไว้เช่นกัน
ฉนั้นเราเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว
จะช้าอยู่ไยเล่า
ทำไปเถอะคุณงามความดีหนะ
เอาไว้เป็นทุนในภายภาค
หากไม่อยากไปนรก