การตายของยายมา

by เดอะแหลม @30 พ.ย.50 7.24 ( IP : 203...129 ) | Tags : กระดานข่าว

ศพของยายมา ดอกเฟื้อง ถูกยกขึ้นรถกระบะเพื่อไปจัดพิธีศพตามประเพณี  ท่ามเสียงร่ำไห้ของลูกหลาน  เมื่อเช้ายังบ่นให้ลูกหลานอยู่แท้ๆ ตกบ่ายมานอนตายที่ดอนตาปู่เสือ ไม่ได้ร่ำได้ลา ที่สำคัญมรดกอันเป็นผืนนานั้นยังไม่ได้แบ่งให้ลูกให้หลาน

เมื่อตำรวจและชาวบ้านกลับกันหมดแล้ว หน้าศาลเจ้าพ่อดอนตาปู่เสือว่างเปล่าอีกครั้ง กระแสลมแรงพัดกรรโชก ได้ยินเสียงกิ่งไม้ใหญ่หัก ได้ยินเสียงหริ่งหรีดเรไรร้อง นกที่ซ่อนตัวก็ต่างส่งเสียงกันเซ็งแซ่ ฝูงมดคันไฟที่ช่วยกันแบกเนื้อปลาทูยังคงทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เดินเป็นสายยาวลงรูของมัน ด้านหน้าของศาลดอนตาปู่เสือ คือทุ่งนาแล้ง ข้าวยืนต้นตายบนผืนดินแตกระแหง ในนาไม่มีน้ำสักหยด ไม่มีปลาสักตัว ซึ่งผืนนาดังกล่าวเป็นของยายมา ดอกเฟื้อง


ยายมา ดอกเฟื้อง เป็นคนบ้านคำแฮด ตั้งแต่บรรพบุรุษอพยพโยกย้ายโดยเกวียนเทียมวัวผ่านมาที่บ้านคำแฮดซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงผืนป่าดงดิบที่อุดมไปด้วยไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งสัตว์ใหญ่อย่างช้างและเสือ บรรพบุรุษของยายมาเห็นดอนดินน่าปลูกตั้งบ้านเรือน จึงลงแรงกันหักล้างถางป่า ด้วยขวาน ด้วยเลื่อย ด้วยมีดพร้าที่มีอยู่  ด้วยแรงแห่งกำลังวังชาของคนหนุ่ม จากผืนป่ากลับกลายมาเป็นผืนนา จากครอบครัวเดียวกลายมาเป็นหลายๆ ครอบครัวจนเกิดเป็นชุมชนขึ้น และให้ตั้งชื่อบ้านตามชื่อของเฒ่าคำแฮดบรรพบุรุษของยายมา ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกคนแรก ตำนานเล่ากันต่อไปว่า ดอนตาปู่เสือนั้น ก็มาจากเรื่องราวของเสือโคร่งที่ออกอาละวาดหนักในตอนนั้น มันเข้ามาคาบวัวของชาวบ้านไปกิน มันมาสร้างความสะพรึงกลัวให้กับทุกคน มันจะฝากรอยตีนขนาดมหึมาเอาไว้ บางคนเอามือสองข้างไปวางไว้ในรอยตีนมันได้อย่างสบาย มันจะส่งเสียงร้องคำรามที่ตีนบ้าน บางคืนเดือนหงายฉายดวง มันจะไต่ไม้ล้มนอนนิ่งเฝ้ามองผู้คนในหมู่บ้านเพียงหยิบมือด้วยแววตาอาฆาต กลางคืนชาวบ้านจัดเวรยามมาเฝ้าระวังภัย วัวควายเป็นอันตื่นตระหนกตกใจเมื่อได้กลิ่นสาบเสือลอยมากับลมดึก


ภาระยิ่งใหญ่นี้จึงตกอยู่กับเฒ่าคำแฮดผู้มีคาถาอาคม สักเลขยันต์เขียวพรืดเต็มตัว ว่ากันว่าเฒ่าคำแฮดกินว่านบางอย่างเข้าไปจนอยู่ยงคงกระพัน ว่ากันว่าแกไปร่ำไปเรียนคาถาอาคมมาจากพระธุดงค์ผู้เคร่งใน จริยวัตร ผู้ถือธุดงค์เป็นวัตร ว่ากันว่าเนื้อหนังของแกมีดพร้าปืนผาไม่อาจทำอะไรได้  ว่ากันว่าในวัยหนุ่มนั้นแกถูกรุมฆ่าจากนักเลงต่างบ้าน และว่ากันว่าพวกนักเลงต่างบ้านเหล่านั้นล้วนตายด้วยมือแกสิ้น คืนเดือนหงายนั้นเฒ่าคำแฮดสะพายเพียงย่ามใบเดียวกับมีดพก เดินดุ่มเข้าป่าโดยไม่สนใจคำทัดทานของลูกหลานและชาวบ้าน แกว่าถึงเวลาแล้วที่จะให้อ้ายเสืออันธพาลนั่นรู้ว่าแกเป็นใคร ทั้งๆ ที่แกให้โอกาสมันมาหลายครั้งหลายหน แต่มันไม่สำนึกในบุญคุณ มันคงอยากลองดี มันคงอยากรู้จักเฒ่าคำแฮด มันคงสามหาว อ้ายแมวยักษ์ที่ไร้เดียงสาเอ๋ย

ว่ากันว่า คืนนั้นเดือนหงายฉายงาม พระจันทร์กลมโตส่องแสงสกาวอาบไล้ใบไม้ใบหญ้า อาบไล้แม้กระทั่งร่างของเสือที่โผล่พ้นออกมาจากชายป่า ดวงตาของมันเขียวเหมือนแก้วมณี ตัวมันยาวสองวาเกือบสามวา เขี้ยวคมของมันนั้นขาวนวล เล็บในซอกตีนมันคมเหมือนมีด มันเยื้องมันย่าง มันเดินวนไปรอบๆ ร่างของเฒ่าคำแฮด  มันไม่กระโดดเข้าจู่โจมมันนิ่งมองคล้ายสะกดจิตให้เฒ่าคำแฮดตัวอ่อนปวกเปียกให้ใจร่ำระส่ำระส่าย ให้มันกระโดดเข้าฝังคมเขี้ยวบนคอนั้นโดยง่าย มันคำรามลั่นไปถึงดวงจันทร์  นกในป่า ลมในม่านฟ้า ปลาในน้ำ ต่างนิ่งงันด้วยเสียงอันทรงพลังอำนาจของมัน
ได้ยินเสียงของเฒ่าคำแฮดเท่านั้นบ่นงึมงำๆ มือแกพนมอยู่กับอก เมื่อเสียงสวดดังขึ้นๆ

กระแสลมแรงพัดกรรโชกได้ยินเสียงไม้หักโค่น ได้ยินดาวร้องไห้ ได้ยินแม้ลมหายใจของดวงเดือน ได้ยินแม้เสียงสะอื้นของเด็กแดงที่นอนผวาในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจอันตื่นกลัวของวัวเลี้ยง แกได้ยินทุกอย่างชัดเจนเหลือเกิน ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวแก เนื้อหนังของแกเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อบทสวดดังสนั่นขึ้นกว่าเดิม กางเกงที่แกใส่ปริขาด กระดูกในร่างขยายข้อลำของมันเอง ดวงตาของแกเปลี่ยนเป็นเขียวเรือง ฟันในปากของแกก็งอกยาวออกมาทีละน้อยๆ หูแกตั้งขึ้น ก้นกบที่ตูดแกมีบางอย่างงอกเงยออกมามันกวัดแกว่งไป-มา  กระดูกสันหลังของแกขยายยาวขึ้น ได้ยินเสียงเนื้อหนังแตกปริดังสนั่นเกรียวกราว  เล็บมือของแกเปลี่ยนเป็นคมกริบประหนึ่งมีดพก  แกเปลี่ยนจากยืนสองขา เป็นยืนด้วยสี่ขา  แล้วแกคำรามด้วยเสียงเสือลั่นโฮกออกมาดังสะท้อนไปไกลแสนไกล เสือเจ้าถิ่นก็ร้องคำรามออกมาเช่นเดียวกัน  บัดนี้ดวงเดือนบนฟากฟ้าถูกพยุหะแห่งเมฆสีดำบดบังเอาไว้  ลมฝนพัดกระหน่ำ ฟ้าแลบแปลบปลาบสว่างดุจกลางวัน ก่อนคืนสู่ความมืดอันลึกเร้น

เสือสองตัวเดินวนไปรอบๆ  มันจดจ้องและหาจังหวะเข้าโจมตี เสือเจ้าถิ่นซบหมอบลง มันมองเฒ่าคำแฮดด้วยแววตาอาฆาตร้าย เฒ่าคำแฮดในร่างเสือใหญ่พอๆ กัน ก็ซบหมอบลงเช่นเดียวกัน  และเสือสองตัวที่อยู่ร่วมถ้ำถิ่นเดียวกันไม่ได้ ก็กระโจนเข้าใส่กัน เสียงโฮกฮากคำรามลั่นไปทั้งป่า  มันกัดกันอยู่นานแสนนาน ด้วยศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน ด้วยกำลังวังชาที่ใกล้เคียงกัน ด้วยแววตาที่อาฆาตต่อกัน ด้วยเขี้ยวเล็บที่มันมี ด้วยปฏิภาณไหวพริบ และด้วยจิตวิญญาณของความเป็นเสือ แต่มันคงตระหนกตกใจเมื่อรู้ว่าเฒ่าคำแฮดที่กลับกลายร่างเป็นเสือนั้นยิ่งสู้ยิ่งแกร่ง ยิ่งเจ็บยิ่งกระโจนเข้าใส่ มันตบด้วยกรงเล็บเข้าใส่ มันกัดฝังจมเขี้ยวหลายหน แต่มันรู้ว่าเนื้อหนังของคู่ต่อสู้นั้นไม่สะทกสะท้าน เหมือนมันกัด มันตบเอาอากาศธาตุ เหมือนมันต่อสู้กับรูปเงาของมันเอง เหมือนมันเป็นเสือโง่ที่กระโจนเข้าใส่เงาบนผิวน้ำ

ตอนนี้มันเหนื่อย มันหอบ มันถูกกัดหลายแผล ร่างมันโชกไปด้วยเลือดและบาดแผลลึกเฉียดกระดูก เลือดในตัวมันไหลแรงกว่าน้ำป่าไหลหลาก  แต่มันไม่ใช่เสือขี้ขลาด ดินแดนแถบนี้มันเคยเป็นใหญ่ มันไม่เคยกลัวเสือตัวใดทั้งนั้น  แต่แล้ววันหนึ่งฝูงสัตว์อพยพเข้ามายึดครองแผ่นดินที่มันรัก มันหวงแหน ต้นไม้ที่มันเคยนอนหลบแดด ก็ถูกโค่น น้ำใสที่มันเคยกิน ก็ถูกสัตว์แปลกหน้ามายึดครอง ป่าที่มันเคยเที่ยวท่องไปถูกสัตว์หน้าเกลี้ยงมาตัดมาโค่น ตัวมันเล็กๆ ตบทีสองทีก็ตาย แต่อาวุธที่พวกสัตว์หน้าเกลี้ยงมีนั้น ทำให้มันต้องระมัดระวังตัวเสมอ  ยิ่งไปกว่านั้นมันรู้ดีว่าในฝูงสัตว์หน้าเกลี้ยงมีกลิ่นอายของสัตว์ประเภทเดียวกับมันซ่อนอยู่ มันมาย่อง มาหมอบซุ่มดูหลายคืน มันรู้สักวันอ้ายเสือแปลกถิ่นตัวนั้นต้องออกมาปรากฏตัว  มันคำรามร้องเชิญชวนให้มาสู้กัน มันขู่คำรามให้รู้ว่าตัวมันแท้ไม่กลัวใครทั้งสิ้น และคืนนี้มันก็ได้ประกาศความเป็นเจ้าถิ่นของมันแล้ว


ผ่านไปหลายชั่วโมง มันสู้อย่างไม่ยอมถอยและมันรู้ว่าอ้ายเสือที่มันปะเขี้ยวเล็บด้วยไม่ใช่เสือธรรมดา เป็นคู่ต่อสู้ที่มันไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน มันตื่นกลัวบ้างแล้วในใจมัน และรู้ดีว่าอีกไม่นานมันจะตาย มันรู้เพราะลมหายใจมันเต็มไปด้วยเลือด  มันรู้เพราะดวงตาของมันพร่ามัว มันรู้เพราะเรี่ยวแรงของมันแทบไม่เหลือให้สู้ มันรู้มันจะตาย มันจะตาย  มันจะตาย  เสือแปลกถิ่นตัวนั้นยืนคร่อมร่างของมันเอาไว้ เมื่อเมฆเคลื่อนผ่าน ดวงเดือนมาฉายแสงงามตาอีกครั้ง มันเหมือนเห็นเสือตัวนั้นเปลี่ยนร่างแปลงรูปเป็นสัตว์หน้าเกลี้ยงที่มันเกลียด เอาตีนอันโสโครกเหยียบหน้าของมันเอาไว้ และมันรู้สึกว่ามีบางอย่างกรีดผ่านเข้าไปที่หัวใจมัน และมันรู้สึกว่าหัวใจของมันถูกกระชากออกมาจากอก  และมันรู้สึกว่าวิญญาณของมันถูกพันธนาการไว้ด้วยกรอบกั้นของบางอย่าง มันจะกระโจนออกไปจากวงล้อมนั้น ก็ถูกวงล้อมนั้นกระแทกให้มันกลับเข้าไปอยู่กลางวงเหมือนเดิม มันทดลองเป็นพันครั้ง เป็นหมื่นครั้งมันไม่สามารถออกมาจากวงกลมได้  วิญญาณของมันตื่นกลัวและหวาดผวา มันจะไม่ได้ไปสู่ดินแดนแห่งบรรพชน แต่มันกำลังถูกสาปให้จองจำอยู่กับสถานที่แห่งนี้ตลอดไป….

เล่ากันว่ารุ่งเช้าของวันนั้น เฒ่าคำแฮดลากเสือยักษ์เข้ามาในหมู่บ้าน และแกบอกต่อทุกคนว่าต่อไปจะไม่มีเสือหรือวิญญาณของผีร้ายมาก่อกวนหมู่บ้านของเราอีกแล้ว  แกว่าเสือตัวนี้จะปกป้องหมู่บ้านของเรา มันจะอยู่ไปจนตราบชั่วอายุขัยของลูกหลาน พวกมึงทั้งหลายไปจัดตั้งศาลเพียงตาขึ้นเถิด

จากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง จากอีกรุ่นหนึ่งก็สู่อีกรุ่นหนึ่ง สืบต่อสายเลือดและรากเหง้าของวงศ์ตระกูล ป่าที่เคยพร่างไปด้วยแสงหิ่งห้อยเปลี่ยนเป็นพร่างไปด้วยหลอดไฟฟ้า  จากป่าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาตอนนี้เหลือเพียงหย่อมดอนตาปู่เสือ นับเวลาหลายร้อยปีนั้นวิญญาณของเสือที่เคยทุรนทุรายในกรอบแห่งคาถาอาคมของเฒ่าคำแฮดผู้เอามีดเสียบหัวใจของมันฝังดินเอาไว้ ตอนนี้มันไม่ทุรนทุรายอีกแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมามันเฝ้าภาวนาสงบจิต จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงรูปให้เป็นเช่นเดียวกับพวกสัตว์หน้าเกลี้ยง จากรูปหนึ่งไปสู่อีกรูปหนึ่ง แปลงเปลี่ยนรูปนับพันอย่าง แต่ยังออกจากอาณาเขตที่เฒ่าคำแฮดกำหนดไว้ไม่ได้ มันพยายามอยู่หลายหนจนสิ้นความพยายาม มันจึงเปลี่ยนมาพึงใจกับสิ่งที่มันได้รับแทน มันไม่เคยอดอยาก มันไม่เคยหิว  มันอิ่มอร่อยกับของเซ่นไหว้เหล่านั้น เพียงแค่มันรับปากจะทำตามคำขอของชาวบ้าน

แต่บางคำขอก็ใหญ่เกินไปที่มันจะเนรมิตรให้ได้ มันก็เพียงแต่รับฟัง และมันรู้ดีว่าสัตว์หน้าเกลี้ยงล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพิงมันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็มาขอแต่ตัวเลขจากมัน มันไม่รู้ตัวเลขมีค่าอย่างไรเพราะพ่อแม่ของมันไม่เคยสอนคณิตศาสตร์ให้ พ่อแม่มันสอนแต่ให้มันรู้จักใช้เขี้ยวเล็บ ให้รักในศักดิ์ศรี ให้รู้คุณค่าของสิ่งที่มันได้มา ใช่มันมักย้อนกลับไปกินเหยื่อที่มันล่าได้เสมอ  แต่มันรู้ว่าสัตว์หน้าเกลี้ยงชื่นชมตัวเลข ชื่นชมสิ่งที่ได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ชื่นชมโชควาสนา ชื่นชมการสวดอ้อนวอนขอ ช่างต่างกับตาเฒ่าคำแฮดที่แปลงร่างเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับมันและสู้กับมันอย่างสมเกียรติ ในโลกนี้มันกลัวเพียงแต่ตาเฒ่าคำแฮด และมันก็เกลียดแต่ตาเฒ่าคำแฮด และบางทีมันก็ยกย่อง และบางทีมันก็สาปแช่ง

วันหนึ่ง มันได้กลิ่นเดียวกับตาเฒ่าคำแฮด กลิ่นสาบเสือที่ฝังอยู่ในสายเลือด มันรู้ว่าลูกหลานของตาเฒ่าคำแฮดช่างหยิ่งผยองเช่นเดียวกันกับบรรพชน เพลิงโกรธในใจมันกระพือโหมขึ้นอีกครั้ง มันได้แต่เฝ้ารอ มันได้แต่รอคอย มันได้แต่นั่งสงบนิ่งบนศาลเพียงตาและมันก็สาปแช่งลูกหลานของตาเฒ่าคำแฮด  มันรู้ยายมา ดอกเฟื้อง เป็นลูกหลานของตาเฒ่าคำแฮด มันรู้ยายมา ดอกเฟื้องมีผืนนาอยู่ใกล้ๆ อาณาเขตของมันนี่เอง มันเฝ้ารอให้ยายมา ดอกเฟื้องเปลี่ยนเป็นใจอ่อนและมาบวงสรวงมัน มันเฝ้ารอมานานแสนนานตั้งแต่ยายมาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่วิ่งเข้ามาเล่นในอาณาจักรของมัน แปลกที่ว่ามันรับรู้แต่มันก็ไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อมันกระโดดเข้าใส่ร่างของลูกหลานตาเฒ่าคำแฮด มันต้องพบกับความเจ็บปวดเสมอ มันพบว่ามันยังไม่มีอิทธิฤทธิ์มากพอจะทำอย่างนั้นได้  มันโกรธจนน้ำตาไหล มันเกลียดจนตัวสั่น

มันเฝ้าดูยายมาตั้งแต่เด็กจนแก่ มันเฝ้าดูสายพันธุ์ของตาเฒ่าคำแฮด  มันเฝ้ารอจนวันที่ยายมา ดอกเฟื้องอายุย่างเข้า 80 ปี เดินเงอะงะแบกเสียมดิ่งตรงมาทางมัน ปักเสียมไว้กับผืนดิน เอาปลาทูเน่าๆ สองตัวมาถวายให้กับมัน มันทนกลิ่นเหม็นของปลาทูนึ่งไม่ได้ เสือบ้าเสือบอที่ไหนจะมากินปลาทูกันเล่าเว๊ย มันได้ยินยายมาดูถูกมัน หาว่ามันเป็นต้นเหตุให้ทุ่งนาป่าข้าวแล้ง ให้หมากผลไม่เป็นไปตามฤดูกาล ให้ทุกคนในครอบครัวแตกร้าวจากกัน ให้ลูกหลานของกูห่างหายออกไปจากบ้านเกิดเมืองนอน ให้พวกมันไปเป็นคนเถื่อนคนหิวในเมืองใหญ่ ให้พวกมันไปเรียนรู้การเอารัดเอาเปรียบ ให้พวกมันหลงระเริงไปกับสิ่งอันเหลวไหล ให้พวกมันดูถูกดูแคลนแผ่นดินเกิด ให้พวกมันดูถูกเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ให้พวกมันกลายเป็นคนแปลกหน้า ให้พวกมันทวงถามขายผืนนา ให้พวกมันโอดครวญถึงรถคันงาม ถึงบ้านหลังโต ให้พวกมันสรรเสริญเปลือกอันจอมปลอม ให้พวกมันดูถูกการทำนาว่าเป็นสิ่งล้าสมัย

พวกมันไล่ตอด ไล่งับสิ่งอันมีในจอโทรทัศน์ที่พวกมันได้เห็นได้ดูกัน เมื่อเล่าถึงเฒ่าคำแฮด พวกมันก็หาว่าบรรพบุรุษของกูงี่เง่า ไม่เอาหนังเสือ เขี้ยวเสือไปขายทำเงินเล่า หาว่าตำนานเป็นแค่เรื่องโกหกพกลม หาว่าเฒ่าคำแฮดช่างเชยแสนเชย พวกมันไม่รู้คุณค่าของมรดก  เพราะว่าแม้แต่มึงมันยังคิดว่าตัวเองเป็นเทพเป็นเจ้า เพราะว่ามึงมันก็แค่เสือตัวหนึ่งที่บรรพชนของกูได้ฆ่าและเอาหัวใจมึงฝังไว้ตรงนี้  เพราะว่ามึงมันก็หลงระเริงไปกับโลก กับยุคสมัย กับความอุดมสมบูรณ์ของเซ่นไหว้ เพราะว่ามึงมันไม่มีลายบนผิวหนังอีกแล้ว มึงมันก็แค่แมวเชื่อง อ้ายสัตว์หน้าขน มึงถูกพวกเขาหลอก มึงมันโง่ไม่มีผิดเหมือนเฒ่าคำแฮดบอกต่อแม่กู

บัดนี้กูมิอาจบอกตำนานเหล่านี้ให้ใครฟังอีกต่อไปได้แล้ว เพราะว่าแม้แต่มึงก็อ้ายเสือกลายพันธุ์ตั้งตนเป็นเทพเป็นเจ้า มึงขาดศักดิ์ศรี ขาดความห้าวหาญ มึงขาดคุณสมบัติที่สืบต่อบรรพชนของมึง มึงคงไม่รู้ดอกว่าลูกหลานบรรพชนฝ่ายมึงตอนนี้ถูกจับขังเอาไว้ในกรง ถูกล่ามโซ่กินเนื้อที่เขาโยนให้  และลูกหลานของมึงคำรามได้เท่าแมวร้อง เดินได้แต่ในกรงแคบวนไปวนมา  เพราะว่ามึงทำให้ลูกหลานเหลนเสือเปลี่ยนเป็นเชื่อง เพราะว่ามึงทั้งนั้น อ้ายเสือแก่เอ๋ย มึงควรเรียกวิญญาณของความเป็นเสือกลับมา เชื่อกูเถอะเพื่อลูกหลานของมึงจะได้คำรามอย่างที่มึงเคยเป็น อ้ายเสือแก่เอ๋ย มึงกับกูชะตาคล้ายกัน

มันได้ยินถ้อยคำของยายมา ดอกเฟื้องอย่างแจ่มชัดที่สุด มันเจ็บแค้น มันเจ็บปวด มันตะเบ็งเสียงคำราม แต่เสียงของมันมีเพียงในลำคอเท่านั้น มันพยายามคำราม แต่เสียงเหล่านั้นหายไป มันเพียงได้กลิ่นหัวหมูที่มันกินเข้าไปเลอออกมา มันเพียงได้กลิ่นไก่นึ่งตัวโตเลอออกมา มันทนฟังยายมา ดอกเฟื้องพูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มันคำรามลั่นเป็นสายลมออกมา เหมือนลมพายุหอบหนึ่งพัดผ่านร่างของยายมา ดอกเฟื้อง  และสายลมจากการคำรามของมันก็ผลักเสียมที่ปักเสียบดินเอาไว้ให้โยกคอน  ฟาดเปรี้ยงเข้าหัวของยายมา ดอกเฟื้อง  มันเห็นยายมา ดอกเฟื้อง ล้มลงไปต่อหน้าต่อหน้า มันเห็นฤทธิ์เดชของตัวเอง มันเห็นว่ามันได้เป็นผู้ฆ่าลูกหลานของตาเฒ่าคำแฮด  มันรู้ว่ามันได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง มันรอและมันก็เฝ้ารอ

เดือนหงายเต็มดวงเหมือนครั้งที่มันท่องอยู่ในป่าครั้งกระโน้น  มันเห็นเสืออีกตัวเดินดุ่มมาตามคูนา ร่างของมันใหญ่องอาจเหมือนครั้งที่สู้กันไม่มีผิด มาแล้วตาเฒ่าคำแฮดผู้ที่มันเฝ้ารอ คงจะโกรธจัดที่มันฆ่าสายเลือดของแก คงจะเกลียดมันเช่นเดียวที่มันเกลียดแก  มาเถิดมา  มันกระโจนออกจากศาล เมื่อตกถึงพื้นดินตัวมันรับรู้ถึงอิสระอีกครั้ง มันเดินออกจากวงกลมอาคมที่ตาเฒ่าคำแฮดกักขังมันเอาไว้ มุ่งสู่ลานเดิมที่เคยสู้กัน มุ่งสู่ศักดิ์ศรีที่มันเคยมีอีกครั้ง มันตายและมันไม่กลัวตายอีก และมันรู้ว่าเรี่ยวแรงของมันกับตาเฒ่าคำแฮดเท่าเทียมกัน ตอนนี้จะสู้ในร่างของอะไรก็ได้ทั้งนั้น มันย่อตัวลงพร้อมกระโจนออกไป  ในวินาทีนั้นตาเฒ่าคำแฮดในร่างของเสือก็กระโจนเข้าใส่มันเช่นเดียวกัน  เสือทั้งสองตัวฟัดกันบนยอดต้นข้าวที่เหลืองซีด ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ โดยมียายมา ดอกเฟื้องยืนดูอยู่ไม่ไกลนัก


และไม่อาจได้ยินถ้อยคำรำพึงของวิญญาณยายมา ดอกเฟื้อง “เมื่อไหร่ลูกหลานกูจะมีศักดิ์ศรีอย่างนี้บ้าง”


ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ค คน  ประจำฉบับ พฤศจิกายน 2550

Comment #1
เดอะแหลม (Not Member)
Posted @30 พ.ย.50 7.40 ip : 203...129

ไม่ได้มาโพสนานแล้วครับ  จะว่าไปผมเองก็เติบใหญ่ทางด้านงานเขียนจากเวบพี่หมี่ ตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มน้อย(รูปหล่อ ฮา) ทว่าบัดนี้ความแก่ได้กลืนกินไปหน้าอันสดใส แล้วแต้มริ้วรอยแห่งวัยชรา ราวกับว่ามันเป็นจิตกรผู้ปราณีตในการแต้มรอยตีนกาบนหน้าผม นอกจากนั้นไม่พอยังแต้มสีมอซอลงในแววตาของผมด้วย....

จะว่าไปเรื่องสั้นเรื่องนี้ ต้องเอ่ยตามตรงว่า ผมได้รับแรงบันดาลใจจาก "เจ้าช่อการะเกด" นิยายของ "แดนอรัญ แสงทอง"  เมื่อผมอ่านจบ ผมก็เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง เขียนมันขึ้นขณะหัวใจปีติปลื้ม...

บ่อยครั้งที่ผมอ่านหนังสือของใครสักคนจบ ผมมักจะทดลองเขียนเรื่องสั้นในท่วงทำนองของนักเขียนท่านนั้นดู แต่ว่ายังไม่เคยเขียนในท่วงทำนอง ของพี่หมี่เป็ดนะครับ อิอิ ... ผมคิดว่าท่วงทำนองของนักเขียนแต่ละคนนั้น ก็เป็นประหนึ่งเสียงดนตรีที่ต่างกันออกไป  เราเพียงสดับฟังความไพเราะของน้ำเสียงนั้นเงียบๆ ...

ทักทายทุกท่านนะครับ ด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเลือดจะซึมออกจากริมฝีปากเพราะความหนาวก็ตาม ฮา....

Comment #2
Posted @30 พ.ย.50 12.51 ip : 202...155

เยี่ยมครับ อ่านแล้วตื่นเต้นดี

แต่ทำไมยายมา ตายง่ายจัง

Comment #3
โดยคำ ลานเทวา (Not Member)
Posted @30 พ.ย.50 17.02 ip : 202...204

แวะมาร่วมงานศพยายมา ครับผม

Comment #4
Posted @1 ธ.ค.50 21.03 ip : 125...56

ท่วงทำนองนั้นของใครของมันว่ะ  ต่อให้พยายามจะเป็นให้ได้เพียงไร  มันก็ไม่สามารถเป็นได้หรอก


แต่ลงว่าเรื่องได้ลง ค คน ( พยัญชนะตัว ค คน มันอยู่ตรงไหนวะ?)  ก็ภูมิใจได้เหอะ  เพราะ บ.ก. คือพี่เวียง  ที่พิมพ์หนังสือให้แดนอรัญ แสงทอง นี่แหละ  แกอ่านของแดนอรัญแล้วพิมพ์ให้ทุกเล่ม  ยังไงก็ต้องรู้ว่าสำเนียงเรื่องนี้จะเหมือนสำเนียงแดนอรัญไหม  และแกเป็น บ.ก. ที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองมาก เลี้ยงเบียร์นักเขียนจนอิ่มทุกมื่อล่ะ   ถ้าเรื่องนี้มีสำเนียงของแดนอรัญ  แกจะไม่เอาลงเด็ดขาด  เพราะนอกจากจะช่วยคนเขียนเรื่องนี้ไม่ให้โดนใครค่อนขอดแล้ว  แกยังช่วยแดนอรัญอีกทาง  คือถ้างานชิ้นนี้ไม่ดีจริง แล้วยังทะลึ่งมีสำเนียงแดนอรัญอีก  แดนอรัญก็อาจจะเสื่อมไปด้วยได้  (เข้าใจปะวะเนี่ย?)

สรุป-  เชื่อมั่นใน บ.ก.เวียงเถอะ   และจงเชื่อมั่นตัวเอง

Comment #5
Posted @1 ธ.ค.50 23.20 ip : 203...196

แด๋นปากแตกแล้วล่ะ

อากาศหนาว ปากแตก และ โคตรแสบบบ

สงสัยคงมีความรักมั้ง อิอิ

Comment #6
Posted @2 ธ.ค.50 19.34 ip : 61...170

เสียดายมากๆ เพราะยังไม่ได้อ่าน "เจ้าช่อการะเกด"
เพิ่งอ่าน "มาตานุสติ" จบไป

แต่ที่รู้แน่ๆ คือ "การตายของยายมา"  เป็นสำเนียงของ
"เดอะแหลม" แน่นอน (ของจริง)

สวัสดีค่ะ เดอะแหลม ไม่ได้เจอกันนาน ยินดีด้วยกับการเติบใหญ่ ในเส้นทางที่ปราถนา เดอะแหลมผู้สุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตน (เช่นเดิม)

Comment #7
เดอะแหลม (Not Member)
Posted @18 ธ.ค.50 12.48 ip : 203...129

หวัดดีทุกท่านครับ มัวแต่ไปเมาทางอื่น จึงมิได้แวะมาตอบเป็นเรื่องเป็นราว ต้องขอชี้แจงแถลงไขให้พ่อแม่พี่น้องได้รับทราบ อิอิ  เหตุใดยายมาถึงตายง่ายนั้น คุณปภพทำเอาผมคิดนานทีเดียว  ผมต้องเรียนตามตรงว่าเสียมนั้นฟาดด้วยความแรง บวกกับทิศทางลมดีด้วย บังเอิ๊ญ บิงเอิญยายมาก็ถึงคราวเคราะห์ ชะตาขาดพอดี อิอิ

กระนั้นก็ดีคุณ ลานเทวา ก็ให้เกียรติมาร่วมงานศพ นับว่าเป็นเกียรติยิ่ง

ต้องกราบขอประทานอภัยโทษอย่างยิ่งครับ พี่หมี่ วันที่ผมโพสเรื่องนั้น ผมดันไม่เจออักษร ฅ  แต่พอพี่ทักท้วงมาเท่านั้นแหละ ผมเลยมาไล่เรียงสายตาดูที่คีบอร์ด มันโผล่มาราวปาฏิหาริย์

พูดถึงเรื่องท่วงทำนองแล้ว ผมเองก็คิดเช่นนั้น ว่ามันเป็นท่วงทำนองของใครของมัน เหมือนนักดนตรีเพลงแจส (เกี่ยวไหมเนี๊ยะ) อิอิ กำลังอ่านเรื่องดนตรีแจสอยู่พอดี ก็เลยเอามาอ้างอิงซะ แต่เหตุที่พี่อธิบายนั้นผมเข้าใจนะครับ

ทุกวันนี้ผมยังสนุกกับการเขียนเปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม หรือเพราะอะไร  แต่ผมรู้สึกว่าการครุ่นคิดถึงมุมมองใหม่ๆ ในการเล่าเรื่อง เป็นความสนุกสนานอย่างหนึ่งของการเขียน ซึ่งมันอาจเป็นความท้าทายสำหรับผมก็เป็นได้

ผมมีความเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า แหม เขาเขียนได้เราก็เขียนได้ มันเป็นซะอย่างนั้น ฮี่ๆๆ งานชุมนุมช่างวรรณกรรมที่จะมาถึง ผมจะไปพิสูจน์ว่าเบียร์ของ บก. พี่เวียง รสหวานลิ้นไหม อิอิ จะไปไหว้ให้เป็นสิริมงคลกับชีวิต เพราะพี่เวียง เป็นคนแรกที่ผมส่งเรื่องสั้นไปตามนิตยสาร แล้วตอบกลับมา พร้อมแก้ไขต้นฉบับให้ผมด้วย แถมคำแนะนำ ข้อควรปรับปรุง ผมถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ...


จาวตาล ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ชื่อเรื่องจริงๆ คือ "เจ้าการะเกด" ผมดันไปใส่ "ช่อ" ให้อีก อิอิ แต่ก็ต้องยอมรับว่างานของแดนอรัญ มีท่วงทำนองแปลกๆ เป็นกรณีศึกษาอีกรูปแบบหนึ่ง

Comment #8
Posted @18 ธ.ค.50 20.16 ip : 202...155

ผมชอบงานเขียนของ คุณกนกพงศ์  สงสมพันธ์  คนพัทลุงคนนั้น.....x

ช่วยแนะนำผมเขียนมั่ง  (ชีวิตนี้ทำเป็นแต่งาน กวนปูน)

Comment #9
หมาดำ (Not Member)
Posted @9 พ.ค.52 19.45 ip : 58...11

นิยายของแดนอรัญ แสงทอง ที่คุณอ้างถึง ชื่อ "เจ้าการะเกด" มิใช่ "เจ้าช่อการะเกด" ครับ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 59 user(s)

User count is 2439649 person(s) and 10239762 hit(s) since 26 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).