การเดินทางไปตามทิศเหนือของคนสองคน

by ภู @27 ก.พ.51 19.35 ( IP : 58...186 ) | Tags : กระดานข่าว

ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ผมได้ชมก่อนเดินทางมาอยู่เชียงใหม่ชื่อเรื่อง I AM DAVID ซึ่งเข้าฉายเฉพาะที่ APEX ลิโด้ โรงเดียวเท่านั้น ทว่า-สำหรับผมแล้วยืนยันกับตัวเองได้ว่านี่คือภาพยนตร์ดีที่สุดในชีวิตที่เคยดูมา น่าเสียดายที่ต้องเดินทางขึ้นเชียงใหม่เย็นนั้น ผมจึงมิได้รู้รายละเอียดอื่นๆ นอกจากเรื่องราวในจอที่เข้าประทับอยู่ในใจ

ที่เชียงใหม่ ถ้าวัดจากระยะทางของบ้านที่พัทลุงถึงในซอยวัดอุโมงค์ หลายคนคิดว่าผมเป็นชาวซอยที่เดินทางมาไกลที่สุด เปล่าเลย ที่จริงเป็นพี่ฮัวต่างหาก พี่ฮัวที่ผมเพิ่งรู้จักไม่กี่วันก่อน เธอเกิดที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

ผมไม่กล้าถามอายุ แต่คะเนได้ว่าพี่ฮัวน่าจะอยู่ในวัยปลาย 40 เธอเป็นเจ้าของร้านหนังสือเช่าชื่อ “ปั๊กกะตืน” ร้านเดียวกับที่จัดกิจกรรมโรงเรียนนักอ่านขึ้นในวันที่ผมเดินเคว้งอยู่ในซอย เธออีกนั่นเองที่เป็นแม่งาน จัดทำของที่ระลึกให้นักเขียน ของที่ระลึกให้ผู้ร่วมกิจกรรม และจัดเฉาก๋วยโบราณพร้อมน้ำดื่มไว้บริการทุกคน

กว่าจะถึงวันที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนนักอ่านของร้านพี่ฮัวนั้น ผมพบคนเชียงใหม่จนเริ่มชินกับการรอคอยหลังเวลานัดหมายแล้ว จึงได้อาศัยเวลานั้นพูดคุยกับพี่ฮัว กระทั่งได้ทราบว่าพี่ฮัวเองก็เป็นลูกช้างที่จบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เหมือนกับใครหลายๆ คน

ทุกปี พี่ฮัวจะกลับบ้านที่สุไหงปาดีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง แต่ตลอดปีที่ผ่าน เป็นปีแรกที่เธอไม่กล้ากลับบ้าน นั่นไม่น่าแปลกใจ ใครหลายคนแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำงานกระจายอยู่ทั่วประเทศก็ไม่ได้กลับไปด้วยเหตุผลเดียวกันกับพี่ฮัว

เหตุผลของศพจำนวนนับพันจากระยะเวลาตลอดทั้งปี 2547-48 ราวกับเป็นเขตสมรภูมิแห่งสงคราม!

ผมไม่ได้ถามพี่ฮัวต่อถึงเหตุผลที่ทำร้านหนังสือเช่า ทราบจากคนเชียงใหม่ในภายหลังว่าร้านปั๊กกะตืน อยู่มานานแล้ว และการจัดกิจกรรมโรงเรียนนักอ่าน(เป็นครั้งแรกของร้าน)โดยทุนส่วนตัวของเธอเอง ก็น่าจะแปลได้ว่าความฝันของเธอยังไม่ยอมดับมอด พอๆ กับการเดินทางที่ยังไม่จบสิ้น

ในกิจกรรมของวงสนทนาเมื่อเริ่มต้นขึ้น ผมประหลาดใจทีเดียวที่ว่าทุกคนที่ร่วมอยู่ในวงต่างสามารถแสดงความคิดเห็นออกมาได้อย่างเป็นระบบ ไม่เก้อเขิน มีวิธีคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งทุกคนในที่นั้นก็คือศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งให้กล่าวตามตรง ผมไม่พบบรรยากาศเช่นนี้ง่ายๆ สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

วิธีคิดของคนทางเหนือกับคนทางใต้อาจจะแตกต่างกัน ผมสรุปกับตัวเองเพียงแค่นั้น…

ในวงสนทนา ประกอบไปด้วยพี่ฮัว,พจนาถ พจนาพิทักษ์, บอล, ภัทร, ปุ้ย, หลวง กับอีกหลายคนที่ผมจำชื่อไม่ได้ แต่ละคนต่างแลกเปลี่ยนกันพูดถึงหนังสือที่ตัวเองชอบ ภาพยนตร์ที่ตัวเองประทับใจ รวมกึงการ์ตูนกับบทกวีอีกด้วย

ในส่วนของผม ผมเลือกหยิบหนังสือชื่อ ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน ของ เปาโล โคเอโย นักเขียนบราซิลเลี่ยนที่ประทับใจ ส่วนภาพยนตร์ก็แน่นอน I AM DAVID โดยอธิบายว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของการผจญภัยของเด็กชายคนหนึ่ง ที่หนีออกไปจากสถานกักกันนักโทษแห่งไหนสักแห่งในโลก โดยมีเพียงขนมปังครึ่งแถว กับเข็มทิศที่ชี้ไปทางเหนือ และซองพัสดุสีน้ำตาลที่ห้ามเปิดระหว่างทาง เด็กชายคนนี้แทบไม่รู้ว่าการเดินทางไปตามทิศเหนือเรื่อยๆ ของเขาจะนำไปพบเจอกับอะไร ที่จริงเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครเลยด้วยซ้ำ แต่ผู้ปรารถนาดีคนหนึ่งในเรือนจำเป็นคนชี้ทางให้เขาไป

การที่ต้องเติบโตอยู่แต่ในคุก รอบตัวมีเพียงบรรยากาศของการลงโทษที่ป่าเถื่อนและการทำงานที่หนัก นั่นทำให้เด็กชายไม่รู้จักแม้แต่วิธีที่จะยิ้ม ผมลืมถามไปทีเดียวว่าทุกคนในวงสนทนาจะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง ถ้าได้รู้จักกับเด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งหัดยิ้มตอนอายุ 12

การเดินทางของเด็กชายนำเขาไปเจอคนหลากหลายประเภท ทั้งคนที่ทำลายความไว้ใจของเขา และคนที่ดีกับเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ เขาต้องผ่านด่านหลายด่าน หลายประเทศ ในหลายๆ รูปแบบ บางด่าน เขาต้องขุดดิน ซุกตัวลอดใต้ลวดหนาม และหนีทันในระยะพอดีกับที่เจ้าหน้าที่ไล่หลังตามติดๆ พร้อมยิงปืนส่องแสงขึ้นฟ้า

บางด่าน เด็กชายต้องลอยคออยู่กลางทะเล เคว้งคว้างอยู่กับกลางคืน รอเพียงคลื่นจะซัดร่างเขาเข้าหาฝั่ง ในขณะที่บางด่าน เพียงอาศัยไหวพริบปฏิภาณของคนที่อยู่บนโลกนี้มาก่อน บวกเข้ากับความปรารถนาดีของเธอ เด็กชายก็สามารถผ่านด่านเข้าไปโดยง่าย

ภาพยนตร์เรื่องนี้สอนอะไรหลายอย่าง ซุกซ่อนสัญลักษณ์มากมาย ภายใต้แก่นหลักที่ว่าในการจะเอาตัวรอดไปในวันๆ หนึ่งนั้น คุณต้องรู้จักทำอย่างไรบ้าง ต้องรู้จักเอาอะไรแลกกับอะไรบ้าง

หลังจบจากวงพูดคุยเรื่องหนังสือ ซึ่งที่จริงก็อย่างที่พจนาถเกริ่นไว้ในวันนั้นตั้งแต่ต้น ว่าเป็นเพียงวันที่พวกเรามาทำความรู้จักกัน มาอ่านกันและกันมากกว่าที่อยากจะรู้ว่าใครอ่านหนังสืออะไร ผมนึกยิ้มตอนที่เขาพูดอย่างนั้น เพราะพาลให้เห็นสมไปถึงบทบาทที่เขาเป็นคนเขียนเพลงให้กับรายการโทรทัศน์ “ฅนค้นคน”

หลังรู้จักกัน ผมจึงทราบต่อมาว่าภัทรกำลังมีโครงการจะทำ-“กาดละอ่อน” ซึ่งเป็นที่รวมของคนหนุ่มสาว บอลกำลังจะไปอยู่กับเสี้ยวจันทร์ แรมไพร ที่กรุงเทพฯ ส่วนผม ด้วยความที่มาใหม่ พี่ฮัวกับปุ้ยจึงชวนไปชมนิทรรศการภาพถ่ายเพื่อดอยหลวงเชียงดาวที่คุ้มกลางเวียง(เมือง) ในอีก 2 วันข้างหน้า

จึงมาถึงวันที่ผมได้ไปชมนิทรรศการภาพถ่าย ซึ่งพี่ฮัวกับปุ้ยเองก็สารภาพว่าเพิ่งได้เข้าไปที่คุ้มกลางเวียงครั้งแรก เพราะเพิ่งเปิดไม่นานหลังเจ้าของยกให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นผู้ดูแล ถือเป็นการให้เปล่าเพื่อสาธารณะประโยชน์ในมูลค่า 50 ล้านบาท …แต่ก็คุ้มค่า

การนำสิ่งที่เกินจำเป็นมาบรรจุสิ่งจำเป็นลงไป ทำให้เมืองนี้ยิ่งมีความหมาย

ผมไม่ได้นับดูว่าในนิทรรศการมีภาพถ่ายดอยหลวงเชียงดาวจำนวนทั้งหมดกี่รูป รู้แต่ว่าบนดอยนั้นมีพันธุ์ไม้อยู่ถึง 1,722 ชนิด ซึ่ง 40 กว่าชนิดเป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นที่พบเฉพาะบนดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น

…และนั่น รวมไปถึง “เอื้องศรีเชียงดาว” กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ของโลกที่ ปิยเกษตร สุขสถาน นักพฤกษศาสตร์ชาวไทยค้นพบเมื่อปี 2546 บริเวณกิ่วลม ใกล้ๆ ยอดดอย ซึ่งต่อมา สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ ประทานอนุญาตให้ใช้พระนามตั้งเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ Sirindhornia pulchella

ทั้งพี่ฮัวและปุ้ย ดูมีความสุขดีกับการชมนิทรรศการ หลังจากนั้น พี่ฮัวจึงพาผมนั่งรถผ่านสถานที่ต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่พร้อมคำบรรยาย โดยมีปลายทางของทริปอยู่ที่ร้านหนังสือขนาดใหญ่ สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์

ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อผ่านร้านหนังสือเช่าต่างๆ ที่ฮัวจะแนะนำว่าแต่ละร้านมีอะไรน่าสนใจบ้าง และอย่างไม่หวงลูกค้า เธอว่าบางร้านมีหนังสือมากกว่าร้านของเธออย่างเทียบกันไม่ได้ ชนิดที่ว่าร้านสุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์มีเล่มไหน ร้านนั้นก็มีทุกเล่ม

ไม่กี่วันที่รู้จักกัน แต่ผมก็มองเห็นพี่ฮัวหลายมุม เธอเป็นนักแสวงหาที่เดินทางมาไกล ทั้งยังมีมุมมองของหัวใจที่ระบบธุรกิจแทรกซึมเข้าไปไม่ถึง ผมเชื่อว่าคนวัยปลายสี่สิบที่ความคิดยังไม่เปลี่ยนไปจากความฝันแบบฉบับหนุ่มสาว สิ่งนั้นจะดึงดูดให้เธอและร้านของเธอมีอะไรน่าสนใจใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกเสมอ ในด้านที่งดงาม

ผ่านไปค่อนเดือนแล้วหลังผมได้ดูภาพยนตร์เรื่อง I AM DAVID ผมเพิ่งมารู้เอาว่าหนังเรื่องนี้สร้างจากเค้าโครงนวนิยายชื่อเดียวกันของ แอนนี่ โฮล์ม นักเขียนชาวเดนมาร์ก โดยตัวผู้เขียนเองมีเจตนาจะเขียนนวนิยายนี้ขึ้นเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้ผู้อ่านวัยเยาว์ ที่ต้องเจอกับเรื่องจริงอย่างเช่น สงคราม ผู้อพยพ ความสำคัญของการเชื่อใจ และหน้าที่ของอิสระภาพ

ผมเพิ่งรู้ทีหลังว่าฉากสถานกักกันในเรื่อง คือสภาพของคุกในยุโรปตะวันออก และเพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่าภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องการเดินทางข้ามทวีปของเด็กชายวัย 12 มีชื่อไทยว่า “เดวิด เด็กชายหัวใจไม่เคยแพ้”

ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดในภายหลัง มาจากแฮนด์บิลที่ซึ่งแถมมากับหนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์ฉบับหนึ่งที่ร้านพี่ฮัวเป็นสมาชิก และเธอตั้งใจเก็บเอาไว้ให้ผม ในวันที่ไปเช่าหนังสือที่ร้าน

ถึงผมจะชอบดูหนัง แต่คงไม่มีใครรู้ว่าแฮนด์บิลใบนี้เป็นแฮนด์บิลเพียงใบแรกที่ผมมีและพร้อมจะเก็บไว้ ไม่ใช่เพื่อระลึกถึงเดวิด แต่เพื่อระลึกถึงการเดินทางมาเจอพี่ฮัว

นึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่ได้บอกถึงสิ่งที่อยู่ในซองพัสดุสีน้ำตาลของเด็กชายนักเดินทางผู้นั้นเลย ในซองนั้นคือประวัติการเกิด หรืออย่างที่เราเรียกกันว่าสูติบัตรของเด็กชายเดวิด ซึ่งภายหลังด้วยหลักฐานนั้นเอง ที่นำพาเด็กชายไปพบกับแม่ของเขา คล้ายกับหนังจะบอกว่าที่สุดของการเดินทางในครั้งนี้ ก็คือการค้นหาตัวตนของใครคนหนึ่งที่ชื่อเดวิดนั่นเอง

ผมไม่รู้ว่าในวันแรกที่พี่ฮัวเดินทางขึ้นมาตามทิศเหนือเหมือนอย่างเดวิด เธอมีเข็มทิศมาด้วยหรือเปล่า แต่ ณ ร้านหนังสือเช่า “ปั๊กกะตืน” ในวันนี้ ผมมั่นใจว่าเธอจะหาตัวตนของเธอพบแล้ว

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 77 user(s)

User count is 2439033 person(s) and 10236835 hit(s) since 25 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).