The Writer .. or .. The Thinker

by จสอ.โจ @8 มี.ค.51 23.00 ( IP : 203...164 ) | Tags : กระดานข่าว

...

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเคยไปโพสต์กระทู้บ่นเชิงอัดอั้น ไว้ที่บอร์ดของพี่หมี่เป็ด กวีซีไรท์ผู้เปรียบเสมือนครูในงานเขียนของผม ว่าด้วยเรื่องผมจะจัดการเยี่ยงไร กับตัวเองดีเมื่อผมเขียนเรื่องไม่ออก

มันดูจะเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับคนที่คิดจะตะเกียกตะกายไต่ทางฝันไปสู่การ เป็นนักเขียน และดูจะเป็นเรื่องที่ซิมพิฟลายมาก ๆ สำหรับนักเขียนบางคนเช่นกัน มันจะไปยากอะไรฟะ ! แค่ปล่อยจินตนาการให้ทำหน้าที่ของมันไป แล้วเราทำ หน้าที่จดบันทึกเสมือนหนึ่งเลขานุการ ที่คอยจดบันทึกการประชุม ไม่ว่ามันจะเป็น การประชุมที่ราบรื่นเหมือนการอนุมัติสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย 8 สี หรือจะดุเดือดเลือด พล่านเหมือนการประชุม อบต. แถว ๆ จังหวัดหนองคายที่ผู้ร่วมประชุมลาก .38 มายัดลูกตะกั่วใส่กบาลท่านประธานในที่ประชุม ก็เป็นเรื่องของมัน

... การเขียนเรื่องไม่ออก ในความคิดของผม มันกลับเหมือนถูกตีตรวนล่ามข้อเท้า !!!

ผมจะทำอะไรก็ไม่ถนัด แม้แต่เรื่องที่ผมต้องกระทำทุกวันอย่างล้างจาน ทำกับข้าว ผมจะใจลอยซะจนบีบน้ำยาล้างจานไปครึ่งขวด เอาฝอยเหล็กไปขัดกระทะเทฟล่อน ( แน่นอน .. กระทะเทฟล่อนจะพังยับเยินมุ่นอุ้ยปุ้ย ชนิดที่จะเอามาทอดเบค่อนอีกไม่ได้ และผมจะต้องถูกเมียก่นด่าว่าทำเครื่องครัวที่เธอเป็นคนซื้อ แต่ไม่เคยใช้มันแม้แต่สักครั้ง เดียวเสียหาย ) ผมจะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ขนาดที่เอากระชายมาซอยเป็นชิ้นถี่ยิบ แล้วเอามัน ไปโรยหน้าโจ๊กไก่ แทนที่จะใช้ขิงซอย

( แน่นอน .. ผมต้องถูกเมียด่าอีกตามเคย แม้ว่าผมจะแก้ตัวไปข้าง ๆ คู ๆ ว่ากระชาย และขิงนั้นเป็นพืชตระกูลเดียวกัน และการใช้กระชายโรยหน้าโจ๊กไก่แทนขิงเป็น อิมมิเทชั่นอย่างหนึ่งที่นิยมทำกันในงานฟิวส์ชั่นฟู๊ด )

มันเป็นการถูกพันธนาการทางความคิดประการหนึ่ง ไม่ว่าเราจะเหลียวซ้ายแลขวา ก้มหน้าหันหลัง เราจะคิดถึงแต่เรื่องที่เราเขียนเรื่องไม่ออก เราจะพยายามรีดเค้น มันสมองภายใต้กระโหลกหนา ๆ ของเราให้คิดพล๊อตเรื่องอันยอดเยี่ยม คาแรคเตอร์ ตัวละครที่น่าสนใจ ปมและประเด็นความขัดแย้งระหว่างการดำเนินเรื่อง การพาท่าน ผู้อ่านเข้าสู่จุดไคลแม็กซ์ หรือแม้แต่การปิดท้ายแบบไม่ปิดกั้นความคิด .. นั่นแน่ะ !!!

ความลำเค็ญของคนที่เขียนเรื่องไม่ออก คือการที่เราไม่สามารถร้อยเรียงกระบวนการ ที่กล่าวมาแล้วเข้าด้วยกันเสมือนการร้อยสายสร้อยสวมคอ ถ้าสายสร้อยเส้นหนึ่งเปรียบ เสมือนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง พล๊อตเรื่องก็เหมือนกับสายเอ็นที่เป็นแกนกลาง ลูกปัดแต่ละเม็ด เสมือนการดำเนินเรื่อง ขั้วข้อต่อที่ปลายสายสร้อยก็เสมือนการเปิดและการปิดเรื่อง

จี้เทอร์คอยส์เม็ดใหญ่ใสสีฟ้าเม็ดนั้น ก็เสมือนตัวละครหลักที่ลอยเด่นเป็นสง่าที่กลางสายสร้อย ...

ปัญหามันอยู่ที่ .. เราจะร้อยเรียงทุกสิ่งทุอย่างที่ว่ามายังไง ให้ออกมาเป็นสายสร้อยสวย ๆ สักเส้นหนึ่ง


...

ผมเองก็นั่งนึกมโนภาพไม่ออกว่า ตอนที่พี่หมี่เป็ดอ่านกระทู้นั้นของผมแล้วพี่หมี่แกจะทำหน้ายังไง แต่คำตอบที่พี่หมี่ให้กับผมในวันนั้น สำคัญกับชีวิตการเป็นนักพยายามเขียนของผมมาจนทุกวันนี้

" คิดให้เยอะ ๆ "

ราวกับสายฟ้าฟาด ที่คาดลำแสงกราดเกรี้ยวพาดผ่านผืนเมฆทะมึนดำ และขู่คำรามก้องกึกเข้า ไปในสองหู ผมชาดิกไปทั้งตัวจนแทบจะล้มคว่ำใส่คีย์บอร์ดหน้าจอคอมพิวเตอร์

ใช่สิ .. คิดให้เยอะ ๆ คิดให้ลึก ๆ คิดให้กว้าง ๆ คิดเรื่องอะไรก็ช่าง แต่จดจ่อกับมันเถอะ คิดแล้ว คิดอีก อย่าละทิ้งปมปัญหาที่คาใจ ตั้งคำถามกับมัน แล้วลองหาคำตอบ เสียงก๊อกแก๊กดังมาจากนอก รั้วบ้าน เป็นคนที่เดินมาเก็บขยะหาของเก่า ผมนั่งจ้องมองอยู่พักหนึ่งจนเขาเดินไปลับสายตา ผมคิด คิดถึงแต่เรื่องของชายคนนั้น ในหัวผมเห็นแต่ภาพชายคนนั้น ผมครุ่นคิดแต่เรื่องของ ชายคนนั้น คนเก็บขยะหาของเก่าคนหนึ่ง ..

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เรื่องราวของคนเก็บขยะหาของเก่าคนหนึ่ง กลายมาเป็นเรื่องสั้น "เพื่อนตาย" เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นที่ผมภาคภูมิใจที่สุด ไม่ใช่ในแง่ที่เป็นเรื่องสั้นที่ถูกตอบรับในโลกไซเบอร์ หรือการที่มันได้ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร แต่มันเป็นเรื่องสั้นที่เกิดจากกระบวนการคิดอย่างหนักหน่วง และการตั้งคำถามถึงสภาพความเป็นไปของสังคมเมืองต่างหาก

คำตอบสั้น ๆ ของพี่หมี่เป็ดในวันนั้น สร้างกระบวนการเรียบเรียงทางความคิดให้กับนักพยายามจะเขียน อย่างผม และวางแนวทางที่ชัดแจ้งให้ผมเดินทางบนถนนนักเขียนมาจนทุกวันนี้อย่างมั่นใจ ช่วงหลัง ๆ ผมมีงานเขียนออกมาไม่มาก บางเรื่องก็ยังติดนิสัยเดิม ๆ ที่ไม่ชอบเขียนอะไรยาว ๆ แต่กลับไปเน้นที่ จุดโฟกัสของเรื่อง และผมยังคงชอบที่จะให้ความชัดเจนในงานเขียนของผมประดุจดั่งรอยแผลดาบ ที่พาดอยู่ที่ข้างแก้ม


และผมไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด ที่พี่หมี่เป็ดได้รางวัลซีไรท์ เพราะสิ่งที่เป็นซิมพิฟลายมาก ๆ ของพี่ นั่นเอง

" คิดให้เยอะ ๆ "


ขอบพระคุณมากครับพี่ ...

Comment #1
Posted @9 มี.ค.51 17.11 ip : 125...141

ต้องขอบคุณจ่าเองนั่นแหละ  ไม่ใช่ผมหรือใครหรอก

ผมเพียงบอกในสิ่งที่นักเขียนทุกคนต้องทำ  เท่านั้น


อีกอันที่อยากฝากไว้คือทักษะ  เพราะต่อให้คิดเยอะยังไง  ถ้าไม่หมั่นฝึกมือละก็  เป็นเขียนไม่ออกอยู่ดี

คิดเยอะ  ได้พล็อตเยี่ยมออกมา

แต่ขาดการฝึกฝน 


แล้วจะเสียดายพล็อตดีดีนั้นทันที


เอ่อ--


ว่าแต่ไอ้ ซิมพิฟลาย นี่มันคืออะไรเหรอ?

Comment #2
Posted @9 มี.ค.51 22.32 ip : 203...164

มันคือ ความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติ

มันเหมือน .. การเตะคน ที่มันเป็นธรรมชาติของคนไทย เป็นเรื่องง๊ายง่าย ที่ฝรั่งแม่งบอกว่าทำยากไงฮะ ..

Comment #3
เจ็ท (แทน) (Not Member)
Posted @24 มี.ค.51 17.02 ip : 203...48

ขอให้ได้กันวันละหลายๆ ที

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 37 user(s)

User count is 2438835 person(s) and 10235593 hit(s) since 25 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).