เรารักกวีซีไรต์ !!!

by eric @1 มี.ค.53 11.57 ( IP : 58...211 ) | Tags : กระดานข่าว

น้าครับน้า ช่วยผมด้วย

คือน้องเอ้เผลอเขียนเรื่องเข้าเรื่องหนึ่ง

ตอนแรกกะว่าจะเป็นเรื่องสั้น

แต่ทำไปทำมา

พวกตัวละครในเรื่องเค้าไม่ยอมจบกันง่ายๆ

เลยสงสัยว่าจะยาวเป็นนิยายเลย

คราวนี้ผมมีปัญหานิดนึงฮะน้า

เรื่องนี้ผมกะว่าไม่อยากจะเขียนภาษาบ้าๆบอๆเหมือนเดิม

ไอ้พวก ไม๊ มั๊ง ก๊ากกกกก อะไรอย่างนี้คงไม่มี

แต่คราวนี้มันติดอยู่ตรงที่ว่า

เวลาตัวละครผมมันพูดกันน่ะฮะ อยู่ในเครื่องหมายคำพูด

ถ้าน้องเมขลาผมจะพูดว่า "ฉัน" นี่

แต่ผมอยากให้คนอ่านออกเสียงว่า "ชั้น"

ผมจะเขียนออกมาเป็น "ฉัน" หรือ "ชั้น" ดีอ่ะครับน้า

เอาแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเค้าเขียนกัน

(นี่ไง ไอ้ "เขา" กับ "เค้า" นี่ก็ด้วย

เอาไงดีล่ะครับน้า

ตามขนบธรรมเนียนประเพณีนักเขียนเค้าต้องเขียนกันยังไงอ่ะครับ

น้าช่วยบอกเค้าทีน๊า !!!








บทที่ 1

แสงแดดยามเช้าลอดผ่านขอบหน้าต่างมากระทบหัวเตียง ลมหนาวพัดเอื่อยเข้ามาปะทะแก้มของเธอ เหมือนใครซักคนกระซิบแผ่วที่ข้างหูให้เธอล่วงรู้ว่าถึงเวลาเช้าแล้ว

เมขลาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เมื่อคืนเธอกลับมาถึงบ้านหลังเที่ยงคืนและกว่าจะได้เข้านอนก็ร่วมตีสอง “เพิ่งเจ็ดโมงเช้าเอง” เธอพึมพำหลังวางนาฬิกาปลุกลงบนหัวเตียง เมขลาหลับตาลงอีกครั้ง แต่ไม่นานนักเธอก็ต้องตื่นเพราะมีเสียงใครซักคนมาตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน

“เมย์ๆ ตื่นหรือยัง เมย์ ตื่นเถอะ” เสียงชายที่เธอคุ้นเคยเรียก เมขลาลุกขึ้นชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างลงมา “มีอะไรหรือเจน มาปลุกเมย์แต่เช้าเนี่ย” “ลงมานี่สิ แล้วเจนจะบอก” เพื่อนชายของเธอบอก

เมขลาลงมาเปิดประตูให้เพื่อนของเธอเข้ามาในบ้านทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่ ระหว่างเธอและเขาไม่มีอะไรต้องอายมากมายเพราะทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่แรกเกิด

“มีอะไร มาปลุกแต่เช้า เมื่อคืนอยู่ด้วยกันทั้งคืนยังไม่พออีกหรือ” เมขลาถาม เจนนั่งลงบนโซฟาก่อนตอบ “นี่ๆ เมื่อเช้าชั้นได้รับโทรศัพท์ มีคนจะจ้างเราไปเล่นเพลงในงานแต่งงานอีกแล้วนะ เมื่อคืนคุณป้าคนนี้แกไปงานเมื่อคืนเห็นเราสองคน แล้วพอดีลูกสาวแกจะแต่งงานสิ้นเดือนนี้พอดี แกเห็นเธอกับชั้นแล้วก็ชอบเลยขอเบอร์จากเจ้าภาพเมื่อคืนแล้วโทรมาตามเราน่ะ วันที่ยี่สิบห้านี้ เมย์โอเคไหม”

เมขลาตกลง จริงๆแล้วเธอไม่จำเป็นต้องคิดอะไร เพราะระหว่างสองคนนี้เจนจะเป็นคนจัดการเรื่องของวง เป็นคนหางานและเป็นคนจัดคิวงานทุกสิ่งทุกอย่าง เมขลามีหน้าที่อย่างเดียวคือร้องเพลงให้เพราะที่สุดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเจนก็รู้อยู่แก่ใจแล้วล่ะว่าเมขลาจะว่างวันไหน

เจนบอกเธอให้รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบไปซ้อมเพลงกันที่บ้านของเขา
“เร็วๆเข้านะ อย่าให้ต้องมาตามอีก” เขาสั่งก่อนจะเดินออกจากบ้านไป


เมขลาเดินกลับขึ้นห้องนอนไป แต่เธอไม่ได้ทำตามที่เพื่อนชายของเธอบอก พอถึงห้อง เธอก็ล้มตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์


เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งเมขลาต้องงัวเงียตื่นเพราะได้ยินเสียงกีต้าร์กรีดทำนองเพลงที่เธอคุ้นเคยอยู่ใกล้ๆหู “อะไรกันเนี่ยเจน ขนขึ้นมาเล่นบนห้องเมย์เลยหรือ” ชายหนุ่มหยุดมือและเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาว “ชั้นต่างหากที่ต้องถามว่าอะไรกันเนี่ย เธอลืมเวลาซ้อมดนตรีของเรายังไม่พอ ยังจะขึ้นมานอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่บนนี้เนี่ยนะ”
เมขลานึกขึ้นได้ว่าเจนสั่งให้เธออาบน้ำแต่งตัวไปซ้อมดนตรีนี่นา “อุ้ย เค้าลืมอ่ะ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อยพร้อมส่งสายตาขอโทษเพื่อน “ก็เป็นซะอย่างนี้นี่ ถึงได้ไม่มีใครมาจีบ” เพื่อนหนุ่มพูดแล้วเดินถือกีต้าร์ลงไปข้างล่าง ส่วนหญิงสาวได้แต่เบ้ปากแล้วค้อนให้เขาวงใหญ่ตามหลังไป


เมขลาลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินตามลงไป ที่โซฟาเจนนั่งซ้อมกีต้าร์อยู่ หญิงสาวเดินเข้าครัวไปหยิบน้ำมาให้ “เอ้า กินน้ำซะหน่อยจะได้อารมณ์ดีๆ” เธอยื่นแก้วน้ำให้พร้อมรอยยิ้ม “มีเวลาว่างมากเหลือเกินนะแม่คุณ” เจนรับน้ำมาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่ดื่ม “มาเริ่มกันได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องไปงานแต่งคุณจอย เราไม่ได้มีเวลาว่างมานอนตื่นเที่ยงอย่างนี้หรอกนะ” เมขลายิ้มเขินๆไม่ได้พูดตอบอะไร ได้แต่หยิบโน้ตเพลงประจำตัวขึ้นมา


“แค่คืบเท่านั้น ฉันเฝ้างงงันมิกล้าเอ่ย ...”
ทั้งสองคนเริ่มซ้อมเพลงกันเช่นเคย เหมือนตอนที่เริ่มต้นกันเมื่อสิบปีก่อนเมื่อตอนที่ทั้งคู่อายุสิบห้า


บทที่ 2


เมื่อครั้งทั้งสองคนยังเด็กด้วยความที่บ้านอยู่ติดกัน พ่อแม่ก็รู้จักกันดี เด็กชายเจนวิทย์และเด็กหญิงเมขลาก็กลายเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่ยังแบเบาะ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศเหมือนกัน และครั้งใดที่ผู้ปกครองของใครคนหนึ่งต้องไปต่างประเทศ ลูกๆก็ต้องย้ายที่นอนไปฝากนอนบ้านเพื่อน เจนและเมขลาจึงนอนด้วยกัน กินด้วยกัน เล่นด้วยกันมาจนโต และแล้ววันเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง เมื่อตอนทั้งสองอายุได้สิบเอ็ดขวบ พ่อแม่ของเมขลาไปต่างประเทศนานหลายเดือนเธอจึงต้องมาอาศัยอยู่ที่บ้านเจนตามเคย แต่คราวนี้เองเมขลาก็ได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ คราวนั้นน้าติ๋วน้องของแม่เจนมาค้างด้วยเพราะเธอตั้งท้องใกล้คลอดและบ้านของเจนอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากกว่าบ้านของเธอ อีกทั้งแฟนของน้าติ๋วก็ต้องไปทำงานต่างจัวหวัด แม่ของเจนจึงให้น้าติ๋วมาอยู่ด้วยจนถึงกำหนดคลอด
แต่น้าติ่วไม่ได้มาตัวเปล่า เธอนำซีดีเพลงเก่ายุคสุนทราภรณ์ติดตัวมาด้วยมากมาย และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่นำเมขลาให้พบกับความงดงามของเสียงเพลงโบราณเหล่านั้น


“เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์ ...” เสียงท่วงทำนองอันไพเราะบวกกับบทประพันธ์เนื้อร้องอันงดงามทำให้เด็กหญิงเมขลาถึงกับหยุดวิ่งเล่นได้ชั่วคราว “เพลงอะไรน่ะเจน” เธอถามเด็กชายเจนที่วิ่งเล่นอยู่


“ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่ชั้นได้ยินน้าติ๋วเปิดบ่อยๆ” เขาตอบ เมขลาหลับตาฟังเพลงนั้นจนจบและเดินเข้าไปในบ้านของเพื่อนเพื่อไปหาต้นกำเนิดของเสียงเพลงนั้น น้าติ๋วนั่งอยู่ที่โซฟา ท้องของเธอใหญ่มากแล้ว แต่น้าติ๋วไม่ได้มีท่าทางที่ดูเหมือนสิ่งนั้นเป็นส่วนเกินของร่างกายเธอเลย กลับกันเธอกลับดูท่าทางมีความสุขอยู่ตลอดเวลา “ว่าไงจ๊ะสาวน้อย มาหาน้านี่มา” น้าติ่วเรียกเมื่อเห็นเมขลาเดินเข้ามาในบ้าน


“น้าติ๋วคะ” เมขลาเอ่ยปาก “เพลงเมื่อกี้ที่น้าติ๋วเป็ด เป็นเพลงอะไรหรือคะ เมย์ว่ามันเพราะมากเลยล่ะค่ะ” น้าติ๋วทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นเด็กหญิงอายุสิบขวบถามถึงเพลงโบราณอย่างบุพเพสันนิวาส “เมย์ชอบหรือจ๊ะน้าไม่อยากจะเชื่อเลยที่เด็กรุ่นหนูจะชอบเพลงบุพเพสันนิวาส” “บุพเพสันวาส” เมขลาทวนคำ “แปลว่าอะไรนะ” น้าติ๋วหัวเราะชอบใจใหญ่ “แปลยังไม่ออกเลย แล้วจะชอบได้ยังไงเนี่ย” เมขลายิ้มอายๆก่อนบอก “ก็ฟังแล้วมันเพราะนี่นา” เด็กสาวพูดเสียงอ่อย “เอาเถอะจ้ะเมย์ น้าล้อเล่นหรอกน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิจ๊ะ” น้าติ๋วพูดพร้อมดึงหนูน้อยมากอด “ถ้าหนูชอบนะ หนูก็มาหยิบไปฟังได้ตลอดเวลาเลยนะ ในห้องของเจนก็มีวิทยุนี่ เมย์เอาไปได้เลยนะ น้าวางไว้ที่ในตู้นี่แหละ”


นั่นเป็นต้นกำเนิดของความหลงใหลในเพลงเก่ายุคคุณปู่ เมขลาไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอหลงยุคไปได้ขนาดนั้น แต่ถ้าเทียบกับเพลงสมัยใหม่ที่เปิดกันตามวิทยุอยู่ทุกวันนี้เมขลาคิดว่า เธอยอมเกิดมาหลงยุคอย่างนี้จะดีกว่า


ไม่นานหลังจากนั้นเมขลาก็เห็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านของเจน “อะไรน่ะเจน” เด็กหญิงร้องถามเมื่อเห็นเพื่อนหยิบเครื่องดนตรีนั้นขึ้นมาเล่น “กีต้าร์ไง เมย์ไม่เคยเห็นเหรอ เจนขอให้คุณพ่อซื้อให้น่ะ ว่าจะลองหัดเล่นดู” เมขลาฟังเสียงกีต้าร์ที่เพื่อนเล่นซักพักก็พูดขึ้น “เจนเล่นเพลงบุพเพสันนิวาสให้เมย์ฟังได้ไหม ...”


นั่นเป็นจุดเริ่มตันของทั้งสองคน เมื่อตอนอายุสิบห้าเจนเริ่มเล่นกีต้าร์คล่องขึ้นและเมขลาก็ร้องเพลงเพราะขึ้นมาก ครูของเธอคือซีดีที่น้าติ๋วให้มานั่นเอง เมื่อตอนสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ ทั้งสองคนก็เริ่มต้นรับงานเล่นดนตรีในงานแต่งงานโดยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ห้ามปรามเพียงแต่บอกให้ตั้งใจเรียนเป็นหลัก ห้ามทิ้งการเรียนเด็ดขาด จนกระทั่งเมื่อทั้งสองเรียนหนังสือจบก็สอบเข้าทำงานได้ที่กระทรวงการต่างประเทศสมใจพ่อแม่ของทั้งคู่ แต่จนแล้วจนรอดด้วยความรักในเสียงเพลงโบราณทั้งสองก็ยังรับงานเล่นดนตรีตามงานแต่งงานอยู่เรื่อยมานั่นเอง “ทำไมไม่เลิกเล่นกันซะทีล่ะลูก” น้าติ๋วถามเมขลาเมื่อคราวมาเยี่ยมแม่ของเจนที่บ้าน
“ก็เมย์รักของเมย์นี่คะน้าติ๋ว” เด็กสาวยิ้มกว้าง น้าติ๋วยิ้มให้แล้วกันไปถามหลานชายเธอบ้าง “แล้วเจนล่ะ ไม่คิดจะเลิกบ้างหรือลูก” หนุ่มน้อยทำหน้าแปลกๆเหมือนไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบยังไง “ก็แล้วแต่เมย์เค้าล่ะมั๊งครับน้า เมย์เค้าชอบเจนก็คงต้องชอบด้วย เมย์เค้าจะเลิกเมื่อไหร่ เจนกเลิกเมื่อนั้นล่ะม๊งครับ”


“ทำไมต้องมี มั๊ง ล่ะจ๊ะ” น้าติ๋วพูดยิ้มๆ “ถ้าอย่างนี้ถ้าเมย์เค้าจะร้องเพลงไปเรื่อยๆ เรามิต้องตามไปเล่นกีต้าร์ให้เขาจนแก่เลยหรือจ๊ะ” เจนหันหน้าไปมองเพื่อนสาว เห็นเธออมยิ้มแก้มป่องคงจะชอบใจคำถามของน้าสาวเพื่อน
“แล้วเธอจะร้องเพลงครูเอื้อไปจนแก่ไหมล่ะ” เจนถามเพื่อน เด็กสาวไม่ตอบเป็นคำพูดแต่ร้องออกมาเป็นเพลง “ชั่วดินฟ้ารักเธอเสมอใจที่ฉัน รำพันทุกวันฝันไปถึงเธอ ...”


จากวันนั้นจนวันนี้ทั้งสองก็ย่างเข้าเบญจเพสแล้วทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิมตอนกลางวันทั้งคู่นั่งทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน ตกกลางคืนก็ขึ้นเวทีเดียวกัน ชายหนุ่มมีกีต้าร์อยู่แนบกายส่วนหญิงสาวก็มีไมโครโฟนเป็นอาวุธ ทั้งคู่ใช้เสียงเพลงโบราณขับกล่อมผู้คนในงานแต่งงาน แต่ใครจะรู้ว่าเสียงเพลงที่ขับขานออกมา คนร้องร้องขับขานเพื่อสร้างความบันเทิงใจให้ตัวเองเท่านั้นเอง


.......................................................................

Comment #1
Posted @1 มี.ค.53 20.48 ip : 118...138

ตอบเอยตอบถ้อย-


บทพูดสามารถใช้ได้ทั้งภาษาเขียนและภาษาพูด  แล้วแต่ว่าเราต้องการสื่อในอารมณ์ไหน ให้ดูบริบทของประโยคและงานทั้งชิ้นเป็นหลัก    แต่ที่ "ควร" ก็ควรใช้ภาษาเขียน ชั้นเป็นฉัน, อ่ะ คำนี้กูอ่านไม่ออก!  เพราะตัว อ อ่าง เป็นพยัญชนะเสียงต่ำ(มั้ง จำไม่ได้) ถ้าผันเสียงเป็น ก็จะเขียนคำได้ทุกอย่าง เช่น ออ อ่อ อ้อ อ๊อ อ๋อ หรือ อะ อ้ะ อ๊ะ ดังนั้นคำว่า อ่ะ มันอ่านออกเสียงไม่ได้ เพราะเสียงเอกอยู่ในตัวของ อะ อยู่แล้ว  แต่สำหรับคนใต้แล้วจะมีเสียงที่เกินบรรทัดฐานเสียงภาคกลางอยู่ ซึ่งลิ้นคนภาคอื่นจะไม่สามารถออกเสียงที่คนใต้ออกเสียงได้ คำว่า แมว ซึ่งเป็นเสียงสามัญ คนใต้จะออกเสียงได้เสียงต่ำกว่าคำว่าแมวของภาคอื่น เป็นต้น


ให้ชัวร์ที่สุด ก็ใช้ภาษาเขียนซะ

Comment #2
eric (Not Member)
Posted @2 มี.ค.53 10.23 ip : 58...99

อุ้ย (ออกเสียงได้ไหม)

ตกลงว่าเป็นภาษาเขียนดีกว่านะน้า

โอเคนะเมขลา ต่อไปคุณพูดเป็นภาษาเขียนนะ

จะได้ถูกหลักการใช้ภาษา โอเค๊(ออกเสีนงได้ไหมล่ะ) !!!





ปล. แทง ยู ฮะน้า ถ้าไม่ได้น้านี่ผมแย่เลยนะเนี่ย

นี่กะว่าเขียนเสร็จจะส่งไปให้บอกอวิทิตแห่งขายหัวเราะอ่านเล่นซักหน่อย 555 !!!

Comment #3
Posted @2 มี.ค.53 11.26 ip : 202...253

ผมก็เคยมีปัญหาเรื่องตัวละครเดินออกนอกโครงเรื่องครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเขียนจบแล้วชอบเลยซักกะเรื่อง มีแต่บทกวีนี่แหละ ที่คิดว่ารุ่งกว่า
เรื่องบางเรื่องสั้นๆ มันก็ดีกว่ายาวๆ แต่บางเรื่องยาวๆ ก็ดีกว่าสั้นๆ (หมายถึงวรรณกรรมนะครับ)

Comment #4
eric (Not Member)
Posted @2 มี.ค.53 13.44 ip : 58...99

555 อาการเดียวกันเลยครับคุณวาลุกา

คือของผมจะกำหนดคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวเอาไว้ค่อนข้างชัด

ทีนี้พอเขียนๆไป พวกพี่เค้าทะลึ่งอยากจะทำอะไรบ้าๆบอๆ

ไอ้เราจะขัดก็ไม่ได้เดี๋ยวตัวละครจะด่าเอา

บางทีคิดไว้ว่าจะเป็นเรื่องสั้น ก็ออกมายาวซะงั๊น

แหม ดีจัง เจอคนหัวอกเดียวกัน 555 !!!

Comment #5
Posted @3 มี.ค.53 20.19 ip : 113...54

คำอุทานทั้งหลาย ใช้ภาษาพูดได้  เช่น ฉิบหาย เราก็ใช้ว่าชิบหาย นี่ยกตัวอย่างเท่านั้น


เฮ่ย,เห้ย  ที่อุทานเสียงต่ำกว่าเฮ้ย ก็ได้

ก็เขียนโดยคิดว่าผู้ใหญ่อ่านซะ  เราจะได้เขียนเป็นภาษาเขียนโดยอัตโนมัติ

ส่วนตัวละครที่กำหนดทิศให้ไม่ได้ ก็ใช้วิธีวางพล็อต เช่นเรื่องเด็กน้อย ก็วางไว้ว่าจะเขียนกี่ตอน สมมติ 3 ตอน  ก็แบ่งไปเลย

  1. ตอนแรกเกิด แล้วก็เขียนลักษณะของทารกออกมา โดยโยงประเด็นของเราอย่าให้ขาดหาย 2.เข้าโรงเรียน  ก็ให้เด็กพบเจออะไรกันไป
  2. กลับบ้าน มาสู่อ้อมอกอบอุ่นของแม่

โดยให้เห็นพัฒนาการของตัวละครด้วย


ไม่เห็นยากเลย ใช่ปะ

Comment #6
eric (Not Member)
Posted @4 มี.ค.53 10.40 ip : 58...124

อย่ามาหลอกกันเลย ยากจะตาย !!!

Comment #7
eric (Not Member)
Posted @10 มี.ค.53 20.17 ip : 124...2

http://www.softganz.com/meeped/paper/194

นี่ไง ไหนว่าง่าย

ผมเขียนของผมอยู่ดีดี

ไอ้พวกตัวละครมันทำเสียเรื่องหมดเลย !!!

Comment #8
Posted @10 มี.ค.53 21.54 ip : 118...252

www.softganz.com/meeped/paper/194


มาแก้ให้

Comment #9
Posted @18 มี.ค.53 7.41 ip : 164...10

:d

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 47 user(s)

User count is 2437687 person(s) and 10227370 hit(s) since 24 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).