จากคืนวันอันเจ็บป่วย
ฉันนอนมองหยดน้ำเกลือที่ค่อยๆ ไหลมาตามสายที่ปลายของมันมีหัวเข็มเจาะเข้าที่หลังมือของฉันบนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง คืนนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มอยู่ในภาวะตึงเครียด มีคนเสียชีวิต มีคนเสียทรัพย์สิน มีคนเสียใจ มีคนเกรี้ยวกราด มีคนอาละวาด มีคนกระหยิ่มยิ้มย่อง มีคนคึกคะนอง มีคนที่กำลังเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติหน้าที่ของตน
ฉันได้รับอนุญาตให้เปิดทีวีดูข่าวสารได้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดโน้ตบุคดูอินเตอร์เน็ตบนเตียงผุ้ป่วยได้
คุณหมอบอกว่า ควรพักผ่อนนะครับ
หลังจากปิดทีวีฉันหลับตาลง อยากนอนหลับสนิทเพื่อที่ร่างกายจะได้พัก จะได้แข็งแรงไวๆ แล้วฉันจะได้กลับบ้านไปติดตามข่าวสารจากหลายๆทางเหมือนเดิมสักที
แต่ฉันก็ไม่อาจหลับสนิทได้ดังตั้งใจ เมื่อปรากฏว่ามีใครต่อใครเข้ามาแวะเวียนแสดงทัศนะ ออกความคิดความเห็นให้อื้ออึงไปหมด
คณะผู้พิพากษาเป็นกลุ่มแรกที่ประกาศลั่นก่อนใครถึงข่าวที่ได้ยินได้ฟังมา พากันตัดสินทันใดในข่าวสารที่วิ่งมากระทบหูกระทบตา ไอ้นั่นเลว ไอ้นี่ชั่ว ไอ้โน่นไม่เอาไหน ไอ้นู่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย ไอ้พวกนั้นคนโง่ ไอ้พวกนี้งมงาย นั่นไงๆ ที่พึ่งของเรา เอ๊า บัณฑิตอหังการพวกนี้กลับไร้เดียงสาขึ้นมาดื้อๆ อ๋า คนนี้นักปราชญ์ เอ้า คนนู้นเคยเป็นคนดีนะทำไมเปลี่ยนไป เอ๊ะ คนนั้นเก่งแต่ทำไมไม่ทำอะไร โอ๊ะ คนนู้นที่แท้ก็ขี้โกง อ้าว คนโหดเหี้ยมที่สุดทำไมกลายเป็นคนนี้ไปได้ แล้วต่างพากันถอนหายใจ.... เฮ้อ
นักวิเคราะห์โผล่ขึ้นมาท่ามกลางวงคณะผู้พิพากษา กล่าวว่า เพราะความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่มีมานานในสังคมนี่แหละเป็นตัวจุดชนวนเรื่องเหล่านี้ กวีใหญ่ส่ายหน้าแล้วว่านี่แหละหนาชนชั้นกลาง พวกทุนนิยม ไม่สนใจเสียงจากรากหญ้า เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ดูถูกเหยียบย่ำหัวใจเขามานาน คราวนี้แหละได้สำนึกกันสักที
คุณขวานผ่าซาก โพล่งขึ้นมาเหมือนจะรำพึงรำพันว่า ในโลกนี้ล้วนมีแต่ความเหลื่อมล้ำทั้งนั้น ไม่มีอะไรเท่ากันหรอก สวรรค์ยังแบ่งชั้น นิ้วของเรายังสั้นยาวไม่เท่ากัน นรกก็มีหลายขุม มนุษย์สูงต่ำดำขาว โง่ฉลาด ดีเลวไม่เท่ากัน สักหน่อย
นักวิจารณ์บันเทิงส่งเสียงแหวกอากาศมาว่าอย่าโทษใครเลย เรื่องทั้งหมดเกิดเพราะความทะเยอทะยานบ้าอำนาจของคนจำพวกเดียวเท่านั้น บรรดาประชาชนอย่างเราๆท่านๆ ล้วนเป็นหมาก เป็นเหยื่อในกระดานของเขา จงรู้ตัวไว้เสียด้วย
หวังเฉาหม่าฮั่นภาคอวตารต่างพากันตักเตือนว่าอย่าพึ่งตัดสินอะไรตราบใดที่ยังไม่เห็นหลักฐานแน่ชัด อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่เขาเล่ามา อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นโดยที่ภาพไม่ชัดเจน นี่ถ้าท่านเปายังอยู่ความยุติธรรมจะบังเกิดให้เห็นเป็นบุญตา แน่นอน ว่าแต่ว่าทุกวันนี้คนอย่างท่านเปาจะมีอยู่บ้างหรือไม่เล่าหนา
คุณนักสืบพยักหน้าหงึกๆ บอกว่าบางทีการใส่ความกันในขั้นเทพนั้นหลักฐานปลอมๆที่สร้างขึ้นมามันอาจแนบเนียนยิ่งกว่าความเป็นจริงเสียอีก
นักท่องไซเบอร์สเปซบยกมือสนับสนุนท่านนักสืบแล้วบอกว่าอย่างตัวเขาเองนั้นลำพังกับอีแค่ปลอมแปลงคลิปและภาพถ่าย ใส่ตัวหนังสือ ตัดภาพหัวไปต่อร่างใหม่ของใครต่อใครเขาก็ทำเป็น หรือจะก๊อปปี้ความคิดเห็นจากบทความใดไปดัดแปลงใส่ถ้อยคำได้ตามเป้าหมายก็สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว จะฟอร์เวิร์ดส่งไปไหนก็ทำได้แค่คลิกเมาส์เท่านั้น ว่ากันเฉพาะกรณีที่อยากจะทำขึ้นมาน่ะนะ
. . แล้วต่างก็ได้ยินเสียงสะอื้นฮั่กๆ พร้อมกับคำตัดพ้อถึงความเฮงซวยของตัวเองที่เกิดมามีชีวิตในเมืองใหญ่ ไม่รู้ว่านาข้าวเขาทำกันอย่างไร หาปลาอย่างไร ผลไม้ที่กินๆอยู่บางอย่างนั้น หน้าตาของลำต้นและใบมันเป็นยังไงก็ไม่รู้ ตั้งแต่เด็กก็รู้แต่เพียงว่ามีหน้าที่เรียนหนังสือให้จบ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไปตามกำลังที่จะทำได้ ไม่เคยดูถูกดูแคลนใคร มีรายได้เข้ามาก็ใช้จ่ายตามความจำเป็น ตามสถานภาพ จ่ายภาษีถูกต้อง ไม่เคยคดโกงใคร ไม่เคยทำผิดกฎหมายใดๆ ไปซื้อของก็เข้าคิว ขึ้นรถไฟฟ้าก็ต่อแถว เห็นคนแก่จะข้ามถนนก็ไปช่วยจูงมือ มีรณรงค์ลดโลกร้อนก็อุตส่าห์ใช้กระเป๋าผ้ากับเขาด้วยนะ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ตามศึกษาบ้าง ใช้อินเตอร์เน็ตบ้าง ดูหนังดูละครตามความชอบ เข้าไปคุยกับผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตบ้าง ตามกลุ่มก้อนที่สนใจเรื่องคล้ายๆ กัน มีทุกข์มีสุขก็ปรึกษาหารือกับพี่น้องเพื่อนฝูง เข้าวัดเข้าวาทำบุญบ้าง ให้ทานก็บ่อย น้ำท่วม ไฟไหม้ สึนามิ โคลนถล่ม แผ่นดินไหว ก็บริจาคช่วยเหลือตามอัตตภาพ พบเจอข่าวความเดือดร้อนของใครที่ไหนในประเทศนี้ก็คอยเอาใจช่วย รู้สึกเห็นอกเห็นใจ สิ่งไหนพอจะช่วยได้ก็ช่วย แต่เรื่องไหนที่เกินกำลัง ก็ทำได้อย่างมากแค่ส่งกำลังใจไปให้เท่านั้น แต่วันนี้กลับโดนตราหน้าว่าเป็นพวกชนชั้นกลางแสนเลว ทำให้สังคมเหลื่อมล้ำ ไม่เห็นใจรากหญ้า เอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง และอะไรต่ออะไรอีกมากมายที่บรรดานักวิชาการ นักปราชญ์ บัณฑิตใหญ่ บางคนบางพวกประณามกัน
เธอสะอื่นฮั่กๆ ร้องไห้โฮๆ
ช่างเฮงซวยจริงๆที่เกิดมาแล้วถูกใครก็ไม่รู้เหล่านี้จัดให้ว่าเธอเป็นชนชั้นกลาง
ผู้พิพากษาและนักวิเคราะห์ ฟังแล้วมีสีหน้าเศร้าหมองลง จริงๆด้วย เห็นด้วยอย่างยิ่ง คำกล่าวเหล่านั้นไม่ควรเหมารวม และความเป็นชนชั้นใดของใครคนใดคนหนึ่งก็ไม่ควรถูกจัดให้มีขึ้นสักหน่อย ไม่ว่าใครทำอาชีพอะไร ที่ไหนอย่างไร ล้วนแตกต่างความคิดมุมมอง ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึง มีความเหมือนในภาพรวมก็เถอะ แต่ในรายละเอียดนั้นเรื่องนิสัยใจคอ ความคิดความอ่าน รสนิยม ประเพณีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ความประพฤติ การกระทำ ย่อมแตกต่างกันไป แต่ไม่คัดค้านเลยในเรื่องที่มีผู้กล่าวว่า ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน
นักอนุรักษ์ธรรมชาตินั่งนึกถึงบรรดาขยะมหาศาลที่เมืองปาย ภูชี้ฟ้า ภูกระดึง เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะสมุย เกาะพีพี ในเช้าของวันหลังเทศกาลวันหยุดนักขัตฤกษ์ของประเทศนี้ นึกถึงความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนพื้นถิ่นที่เหือดหายไปกลายเป็นการแก่งแย่งแข่งขันทำธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ร้านขายของที่ระลึก สุขา ห้องอาบน้ำจืด หรือแม้กระทั่งลานจอดรถราคามหาโหด นึกถึงจำนวนปูแสมที่ลดลง นึกถึงปลาพยูนที่กำลังจะสูญหายไปจากอ่าวไทย นึกถึงนกเงือก นึกถึงความแห้งเหือดอย่างน่าใจหายของแม่น้ำโขง นึกถึงน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ เมืองเล็ก เมืองหลวงหรือบ้านนอก ล้วนเกิดเรื่องน่านึกถึงอันเศร้าหมองเหล่านี้ทั้งนั้น
นักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเองก็เศร้าหมองไม่แพ้กันที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตลาดน้ำอัมพวาซึ่งมีที่ท่าว่าจะกลายเป็นเชียงใหม่ไนท์บาซาร์อยู่มะรอมมะร่อ พ่อแก่แม่เฒ่าเริ่มหายหน้าไป มีเพียงหนุ่มๆ สาวๆ ที่อพยพกันมาจากกรุงเทพ มาขอเช่าหน้าร้านตกแต่งหน้าตาให้โบราณร้อยปีเข้าไว้ แล้วเปิดขายเสื้อยืดพิมพ์ลายที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวอัมพวานะ เรื่องนี้คาดว่าพ่อค้าแม่ค้าที่สำเพ็งทราบดี เพราะที่ปายและสมุยและภูเก็ตและสามชุกและภูชี้ฟ้าและเชียงคานและแม่ฮ่องสอนและอื่นๆ ก็สั่งทำสั่งตัดจากพวกเขาเช่นกัน
นักการศึกษาได้แต่นิ่งเงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรได้อีกเนื่องจากเขาไม่ได้มีความคิดเปลี่ยนไป ความคิดเดิมที่ว่า ก็บรรดาเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้น่ะ ล้วนเกิดขึ้นจากรากฐานที่ตั้งอยู่บนระบบการศึกษาที่ล้มเหลวของประเทศนี้ทั้งนั้น ยังคงเกาะติดอยู่ในความคิดอย่างเหนียวแน่น
ผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรมพูดขึ้นบ้างหลังจากเงียบหายไปสักพัก
เขาทบทวนถึงกฎแห่งไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
นึกถึงคำพระ กัมมุนา วัตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ฉันลืมตาขึ้นมองขวดน้ำเกลืออีกครั้ง
ในห้องนี้ไม่มีใครอื่นอีก
นอกจากฉันและบรรดาผู้พิพากษา นักวิเคราะห์ นักวิจารณ์บันเทิง คุณขวานผ่าซาก คุณนักสืบ คุณนักท่องไซเบอร์สเปซ คุณชนชั้นกลาง นักอนุรักษ์ นักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นักการศึกษา และผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรม ที่มีชื่อเหมือนกันหมดว่า มัชฌิมา ซึ่งรวมตัวแสดงตน อวดทัศนะออกความคิดความเห็นอยู่ในหัวของฉัน เท่านั้น
ก่อนที่ฉันจะหลับสนิท ฉันชวนพวกคุณมัชฌิมาทั้งหลายคุยต่อด้วยการเริ่มถามว่า
ก่อนจะพิพากษา วิเคราะห์วิจารณ์ ใครๆ และเหตุการณ์ใดๆ
เราได้พิจารณา ทบทวน บทบาทหน้าที่ของตัวเองอย่างถี่ถ้วนหรือยังนะ
จำได้ว่ากว่าฉันจะหลับสนิทในคืนนั้น ใช้เวลานานมากเชียวละ
ตื่นเช้าขึ้นมา ก็นึกเสียดายที่ตัวเองสุขภาพย่ำแย่
ไม่สามารถไปบริจาคโลหิตได้ อย่างที่เคยๆ ทำมา
.
.
บันทึกโดย มัชฌิมา
23 พฤษภาคม 2553