อิฐเก่า เงากาล

by วาลุกา มีนิง @21 ก.ค.53 11.24 ( IP : 202...253 ) | Tags : กระดานข่าว

อิฐเก่า เงากาล


แสงของวันแต่งสาดวาดเงาอิฐ
เรียงเป็นชั้นซ้อนชิดอยู่เบื้องหน้า
ล้วนด่างรอยเปื้อนดำธรรมดา
ปรากฏแก่สายตาผู้พบพาน

เป็นอิฐเก่า วัดเก่า ในกรุงเก่า
ล้วนเรื่องราวเรื่องเล่าโบราณสถาน
หลากภาพพร้อยรอยแผลและตำนาน
ผ่านอดีตกาลมาชี้แจง

เป็นภาพพร้อยรอยผ่านของความรัก
ซึ่งสลักเสลาในอิฐแกร่ง
และเป็นความชิงชังซึ่งแทรกแซง
ในซากอิฐสีแดงและด่างดำ

จึงทุกชั้นซ้อนชิดอิฐทุกก้อน
ซึ่งผ่านช่วงสัญจรกาละย่ำ
จึงคู่ควรค่าคงให้รู้จำ
ว่าอิฐเก่ากล่าวคำย้ำแก่เรา.


วัดชัยวราราม อยุธยา
๑๖ ก.ค. ๕๓

Comment #1
มศว.สงขลา (Not Member)
Posted @21 ก.ค.53 14.03 ip : 202...115

เงามาร

เบื้องฟ้าครึ้มทึมเทา เถ้าถ่านฟุ้ง พวยพุ่งกระจายเกลื่อนเปื้อนทางเท้า ตัวตึกแตกรายระบายเงา เป็นเค้าเป้นลางผู้วางเพลิง โอ้กรุงเทพกรุงไทยในวันนี้ มิคสัญญีย่ำย่างอย่างยุ่งเหยิง รังควาญฉีกกฎหมายกระจายกระเจิง ยังยากเบิ่งเจ้าของเงาคนเผาเมือง...

Comment #2
Posted @22 ก.ค.53 20.40 ip : 111...253

เธ„เธณเธญเธ˜เธดเธšเธฒเธขเธ�เธฒเธž

กาลเก่า เงาอิฐ

๏ กองอิฐเก่าเล่าขานเรื่องกาลก่อน
ผ่านเงาซ้อนย้อนทับซับรอยหลัง
ในซากอิฐบิดหักปรักพัง
มีเรื่องครั้งคุงกาลเนิ่นนานมา

๏ มีเด็กน้อยต้อยเตาะฉอเลาะอ้อน
แม่คอยป้อนค่อนคำอ้ำอ้ำหา
จากค่อยคืบค่อยคลานผ่านเวลา
จนฉวยคว้าค่อยถนัดค่อยหัดเดิน

๏ มีวัยรุ่นวุ่นวนใจรนร้อน
อยากเวียนว่อนร่อนผินอยากบินเหิน
อยากทะยานราญร่ากล้าเผชิญ
หาใดเกินกำลังจะพังทลาย

๏ มีวัยหนุ่มลุ่มรักอย่างนักคิด
มองชีวิตครุ่นนิยามค้นความหมาย
อุดมการณ์หาญกล้าท้าอบาย
จักโรมรันอันตรายด้วยทายท้า

๏ มีผู้ใหญ่ผ่านโลกผ่านโศกสุข
เปี่ยมเล่ห์ขลุกปกครองสนองตัณหา
หลอกระดมสมคนขนกันมา
เป็นแขนขามาโนชญ์ประโยชน์ตน

๏ มีผู้เฒ่าเฝ้ามองด้วยตรองตรึก
ล่วงผลึกลึกกาลผ่านภาคผล
พ้นขัดแย้งแฝงเล่ห์ชเลกล
เห็นผู้คนเวียนขันแข่งกันมา

๏ มายังกองอิฐเก่าเถ้าอดีต
สุมกองกรีดหรีดเพลิงเริงหรรษา
แรงกิเลสรุมเร้าเร่าวิญญาณ์
ฤๅจะมาแรงร้อนกว่าฟอนไฟ

๏ กองอิฐเก่าเล่าความตามวัฏฏะ
เงาแสงชะค้างรอยอยู่คล้อยไหว
โลภหลงรุมสุมเชิงเพลิงตะไล
ล้วนมอดไหม้คาเพลิงเชิงตะกอนฯ

เชิงตะกอน วัดท่าบอน สงขลา
22 ก.ค. 53

Comment #3
Posted @23 ก.ค.53 17.37 ip : 113...104

เสียดายบทจบของวาลุกามากครับ  เพราะมันทำให้งานที่ดีเยี่ยมอยู่แลเ้วอ่อนด้อยลงทันที

การจบแบบวาลุกาในชิ้นนี้ งานจึงเป็นเพียงการบอกกล่าวเล่าเรื่องเท่านั้นเอง  หากใส่ทัศนะลงไปโดยผ่านสัญญลักษณ์(ซึ่งได้ซ่อนตัวอยู่มากมายในบทก่อนหน้า) งานชิ้นนี้จะเป็นงานชั้นเยี่ยมของวาลุกาเลยล่ะ


ในขณะที่ เงามาร ของ มศว. สงขลา นั้น สั้นๆกระฃับและได่้ความหมายอย่างยิ่ง เพียงบทเดียวก็โดดเด่นในการนำเสนอ


ของน้าธุลีดินนี่  แกยังสนุกกับการแก้กลอนของคนอื่นอยู่(ฮา)  งานแกยังเด่นและคมเสมอ โดยเฉพาะบทจบ  แม้ว่าชิ้นนี้ของแกบทต้นๆจะดูเยิ่นเย้อยืดเยื้อรกรุงรังก็ตาม ยังเฝ้ารอน้าดินแกเขียน "เป็นชิ้นเป็นอัน" อยู่นะครับ

Comment #4
Posted @23 ก.ค.53 19.57 ip : 111...208

เหม่..ยังขาด 'ยุกยิกยุ่งยิ่งยึกยักยาวย้วย' อีกหน่อยเดีย ผู้น้อยคงต้องเร่งคว้าอีโต้หั่นบทต้นทิ้งรู้แล้วรู้แรด  :p  ขอบพระคุณขะรับน้าหมี่ ข้าพเจ้ายังรักหมี่เป็ดไม่เคยคิดปันใจให้หมี่ชิ้นเลยสักแว่บ (หมี่อันก็ไม่เคย)

ต่อกลอนท่านวาลุกาครั้งสุดท้ายเมื่อชิงช้าสวรรค์โน่น (ตอนนั้นแดงยังไม่เดือด) ยังเฝ้ารอว่าเมื่อไรจะกลับมาอีก รอบทต่อไปอยู่นะขะรับ

คารวะ

Comment #5
Posted @24 ก.ค.53 1.49 ip : 68...106

ใช่ๆ (พยักหน้าหงึกๆกับท่านปู่ธุลี) ชอบบทชิงช้าสวรรค์เหมือนกันเลยค่า คุณคนนี้เค้าเขียนเก่งจังเลย นะท่านปู่ เก๋ก็ชอบภาษาของเจ้าของบล็อก แอบชอบแอบชื่นชม :d

Comment #6
Posted @24 ก.ค.53 1.52 ip : 68...106

เอ  ไม่ใช่บล็อกสิ  ภาษาของเจ้าของกระทู้ อิอิ

แล้วบทจบของท่านปู่ธุลีคมมากๆเหมือนพี่หมี่ว่าเลย ทำยังไงถึงจะจบดีๆได้แบบท่านปู่มั่งน๊า ปัญหาของเก๋ชอบติดในช่วงจบนี่แหละ

Comment #7
Posted @24 ก.ค.53 22.06 ip : 113...120

ก็ึคิดท่อนจบก่อน แล้วจึงค่อยเขียนบทแรกสิเก๋

Comment #8
Posted @24 ก.ค.53 23.12 ip : 68...106

ก็นั่นน่ะสินะ  อาจจะลองวิธีที่พี่หมี่ว่าดู ไม่งั้นพอใกล้ๆจะจบ มันเหมือนไม่จบเต็มที่
เหมือนช่วงนึงมันหายไปดื้อๆ แล้วจบเลย มันตลก

Comment #9
Posted @25 ก.ค.53 8.49 ip : 111...202

ง่า..น้าหมี่มาตอบแระ

สำหรับกับข้าพเจ้าอาจเนื่องเพราะหญิงสาวคนนั้นสอนบทเรียนตอนจบให้แบบฝังลึกลงในเนื้อใจ เธอจบได้สะท้อนใจนัก  จากนั้นจบตะละครั้งไม่เคยคาดคิดไว้ก่อนเลย  ล้วนแล้วแต่ถ้อยคำจะนำพาน่ะขะรับ

คิดถึงติดคำ 'บล็อก' แล้วก็ขำตัวเอง ตอนปะน้าหมี่  ข้าพเจ้าบอกไปว่า "เป็นแฟนบล็อกหมี่คนนึง"  กำลังลวกหมี่อยู่ดี ๆ คล้ายมีนายหน้าปลาจวดโผล่เข้ามาถาม "ดูดส้วมมั้ยครับ?" น้าหมี่ทำหน้างงอยู่สองวิฯ จึงค่อยแย้มยิ้ม 'หนอยมันมาลดเกรดเว็บหมี่เป็นบล็อกโดยพละการ' (อาจคิดหยั่งงี้)

เ่อ่อ..จบอย่างไรดีล่ะ

ไม่ได้คิดไว้เสียด้วย
เอาเป็น..หมี่เป็ดทุกอย่างชามละกัลล์

Comment #10
Posted @25 ก.ค.53 21.32 ip : 117...168

กำลังดูรายการมองมุมใหม่ ทีวีไทย

ถึงตอนตัดภาพมาที่ นศ. อ่านงานของเขาพอดี

ถึงว่า ทำไมมันคุ้นๆ นัก ที่แท้ก็เป็นงานชิ้นนี้ของวาลุกา มีนิง นั่นเอง :)

Comment #11
สายฝน (Not Member)
Posted @26 ก.ค.53 22.17 ip : 112...28

^^ติดตามพี่หนอนดินเข้ามาอ่านบทกวีนะ!!

Comment #12
Posted @29 ก.ค.53 20.39 ip : 118...82

หนอนดินไหนหว่า?

Comment #13
Posted @31 ก.ค.53 10.17 ip : 111...106

แฮ่..ผู้น้อยเองล่ะขะรับน้าหมี่ 'จารย์ฝนเป็นการ์ตูนนิสต์มือฉมัง นับถือกันแต่ครั้งผู้น้อยยังป้วนเปี้ยนที่บอร์ดวินทร์

Comment #14
Posted @6 ส.ค.53 14.29 ip : 202...253

อิฐเก่า เงากาล


๏ เช้าปาดแสงแต่งสาดวาดเงาอิฐ
เรียงเป็นชั้นซ้อนชิดอยู่เบื้องหน้า
ล้วนด่างรอยเปื้อนดำธรรมดา
ปรากฏแก่สายตาผู้พบพาน

เป็นอิฐเก่า วัดเก่า ในกรุงเก่า
ล้วนเรื่องราวเรื่องเล่าโบราณสถาน
หลากภาพพร้อยรอยแผลและตำนาน
ผ่านอดีตกาลมาชี้แจง

เป็นภาพพร้อยรอยผ่านของความรัก
ซึ่งสลักเสลาในอิฐแกร่ง
และรอยความชิงชังความขัดแย้ง
ในซากอิฐสีแดงและด่างดำ

พลันเพ่งไปบนชั้นอิฐซ้อนชิดก้อน
เป็นเส้นทางสัญจรคนเดินย่ำ
พบอีกรอยประทับไว้ให้รู้จำ  
คล้ายอิฐเก่ากล่าวคำย้ำแก่เรา

ว่าเราผ่านการยื้อแย่งแข่งอำนาจ
ของคนคดและขายชาติอย่างขลาดเขลา
จึงผู้กล้าหยัดลุกขึ้นปลุกเร้า
เข้ากอบกู้จากเหล่าทรชน

เพราะแตกความสามัคคีเพราะแคลงใจ
ระหว่างไทยกับไทยให้สับสน
จึงทำร้ายกันเองในชาติตน
ปล่อยต่างชาติเข้าปล้นทั้งแดนดิน

เป็นบันทึกบรรทัดประวัติศาสตร์
เป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบสิ้น
วันนี้เรายังเอาชาติมาขายกิน
สร้างอีกรอยราคินจารจดจำ

อิฐเก่า วัดเก่า ในกรุงเก่า
เหมือนจะบอกแก่เราอยู่เช้าค่ำ
ว่าซากอิฐสีแดงนั้นเปื้อนดำ
ด้วยรอยเหยียบประทับย่ำจากตีนเรา ๚๛

ไม่นึกว่าจะมีคนดูรายการมองมุมใหม่อยู่ด้วย  เจ้าตัวเองยังไม่ได้ดูเลยวันนั้น  แต่หาดูย้อนหลังจากอินเตอร์เน็ตเอา  ดีใจที่มีคนจำได้

ชิ้นนี้เขียนที่ค่ายหออัครศิลปิน เมื่อวันที่ ๑๓ - ๑๗ กรกฎาคม ความจริงคือยังไม่ชอบบทจบเท่าไหร่เหมือนกัน มันอ่อนลงไปจริงๆ อย่างที่น้าหมี่บอก ลองใช้เวลากับการเกลาอยู่ระยะหนึ่ง รู้สึกว่ายิ่งแก้ยิ่ง "เกิน" มากกว่าจึงเอามาลงในบอร์ดดูเพื่อว่าจะมีคนติติงบ้าง ก็สมหวังอย่างที่คิด  ขอบคุณน้าหมี่ช้วยชี้แนะให้

ลองกลับมาเกลาอีกครั้งหลังจากน้าหมี่แนะมา  แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเกล่าแล้วจะยังเกินหรือขาดอะไรอีกบ้าง  เอามาลงไว้ให้ช่วยชี้แนะครับ

Comment #15
อีกหนึ่ใบไม้ในผืนป่า (Not Member)
Posted @18 พ.ย.53 19.24 ip : 115...185

ดีใจที่ได้เสพบทกวีบทนี้อีกครั้ง โอ้    นักกวี  ท่านว่าน่าเศร้าไหมประวัติศาสตร์อันขมขืน  ที่หวนรำลึกทีไรก็อดใจหายไม่ได้ หากแต่บัดนี้ได้แปลงโฉม  งดงามให้ผู้คนไปเยือนมิรู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง
นักกวีเอ๋ย  คุณว่าเขาเห็นอะไรกันในอิฐก้อนเหล่านั้น ความงาม    คุณค่า  ความเสียสละ  ประวัติศาสตร์ หรือ    ไม่มีอะไรเลย จะมีสักกี่คนที่ได้ยินเรื่องราวที่ถูกดูดซับในก้อนอิฐ  ในผืนแผ่นดินดังที่คุณได้ยิน

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 51 user(s)

User count is 2437307 person(s) and 10225541 hit(s) since 24 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).