คนกับธรรม

by ธุลีดิน @1 ก.ย.53 22.36 ( IP : 115...233 ) | Tags : กระดานข่าว

เธ„เธณเธญเธ˜เธดเธšเธฒเธขเธ�เธฒเธž

๏ ธาตุรวมธาตุเกิดตามธรรมชาติ
เติมแต้มวาดต่อรอยร้อยพันสาย
แตกพงศ์พันธุ์หลากเผ่าหลายเหล่ากลาย
สืบวงศ์สายว่านเครือเอื้อแก่กัน

ร่วมดินน้ำลมไฟรวมในร่าง
แผกผิดบ้างต่างวงศ์ต่อพงศ์ผัน
ต่างรูปร่างต่างพวกต่างผิวพรรณ
เป็นส่ำสัตว์สารพันปันปน

เป็นก้อนหินดินทรายเป็นสายน้ำ
เป็นฟ้างามเมฆไหวเป็นไม้ต้น
เป็นผืนภูพงป่าสากล
เป็นคนเป็นโลกเป็นจักรวาล

ได้เวียนเคียนอู่ล้วนอยู่ร่วม
ผลัดหลอมรวมผลัดพยุงอยู่พลุ่งพล่าน
ผลัดถนอมผลัดถลำทำลายราญ
สืบสังสารกาลกลายสลายรวม

เพลิงแผดเผาเร่าร้อนทอนองคาพยพ
น้ำล้นทำนบมาทบท่วม
พายุโหมพัดรุมอยู่กลุ้มกลวม
คนเร่งร่วมเริงฆาตพินาศพิการ

จนกาลระส่ำทั้งสามโลก
ไกรลาศโศกคล้ายถึงซึ่งอวสาน
เสียงปืนนัดหนึ่งจึงก้องนาน
พลันจักรวาลสะท้านสะเทือน ฯ


วันสิ้นเสียงปืนในราวป่า
สืบ นาคะเสถียร

Comment #1
Posted @2 ก.ย.53 12.01 ip : 69...88

พรั่นพรื้อขะรับ???

กลอนของท่านช่างไพเราะวิจิตรพิสดารหาที่เปรียบได้ยากยิ่ง .. ข้าน้อยขอน้อมคารวะท่านน้าธุลีดิลลกวีด้วยใจเคารพ ..


แต่ข้าน้อยยังมีข้องุนสงสัยใคร่จะขออนุญาตซักถามสักกะหน่อยขอรับ


'เป็นส่ำสัตว์สารพันปันปน'

บาทนี้รู้สึกมันจะจบห้วนๆ ไปนิดนะขะรับ ไม่แน่ใจว่าน้าอาจจะอยากให้กระชากอารมณ์นิดนึงหรือเปล่า  เลยลงห้วนๆ แบบนี้ขะรับ จึงใคร่ขอถาม

ปัน (แบ่งปัน?) - ปน (ปะปน?) ... ผสมกันออกมาเป็น 'ปันปน' หรือเปล่าขะรับ น้าดิลล์ หรือว่าเป็นคำโบราณครับ?


ได้เวียนเคียนอู่ล้วนอยู่ร่วม -

บาทนี้ สงสัยของคำว่า เวียนเคียนอู่ อ่ะครับ มีความหมายหรือว่ามีนัยแปลว่าอะไรหรือขะรับ?

๔  อยู่กลุ้มกลวม - กลุ้มกลวม คำโบราณใช่หรือเปล่าเอ่ย? ด้วยความที่ไม่ค่อยได้แง้มกะลาเท่าไร ตอนนี้จึงขาดคลังคำโบราณเป็นอย่างยิ่ง จึงใคร่ขอคำชี้แนะด้วยเน้ออ้าย

....

ที่ถามเพราะสงสัยจริงๆ นะขะรับ อยากได้คำแนะนำและอยากรู้วิธีการเลือกใช้คำในการแต่งกลอนอันวิจิตรพิสดารของน้าน่ะขอรับ จะได้ลักจำไปใช้เป็นไกด์ไลน์ ....

ขอบคุณนะขะรับ น้าดิลล์

Comment #2
Posted @2 ก.ย.53 16.26 ip : 222...85

คำร้อง: สืบ นาคะเสถียร

Comment #3
Posted @2 ก.ย.53 18.33 ip : 111...166

แหะ แหะ พี่ทรายขอรับ เพราะทุกข้อที่พี่ทรายสงกานั่นแล ผู้น้อยจึงคลานเข้ามาคารวะน้าหมี่ ขอช่วยดูให้ที  พี่ทรายถามมาน่าสนใจเสียซ้ำ ได้เปิดประเด็นพูดคุยกันประสานักเลงกลอนบ่อนหมี่ตุ๋น คิดหาที่ไหนสุมศีรษะคุยเยี่ยงนี้ไม่มีแล้ว  อาศัยชายคาน้าหมี่นี่ล่ะผลัดกัลล์ลับคมกลอน

แต่หากจะสาธย่าสาธยายไป ออกจะประดักประ้เดิด คล้ายอึ่งน้อยอวดหางให้เป็นที่อุจาดตา เห็นควรรอน้าหมี่มาเคาะตะพดรับฟังโดยพร้อมหน้าจักเหมาะกว่า

ถัดนี้คิดเสียว่านั่งคุยกันตามประสานะขะรับ

บั้นต้นต้องน้อมเรียนพี่ทรายก่อนว่า ข้าพเจ้าอ่านมาน้อย มิพักเอ่ยถึงเลิศวรรณคดีครั้งปางบรรพ์ ต่อเป็นงานร่วมสมัยก็เถอะ คราหนึ่งบังเอิญปะหน้ายอดกวี (ตอนนั้นไม่รู้เป็นใคร)  ข้าพเจ้าถามแกทื่อ ๆ เลย

"เป็นนักเขียนเปล่าครับ?"

"ผมได้ซีไรต์" แกยิ้ม หน้าขาวคิ้วเข้มตาคมมองข้าพเจ้าคล้ายพบเจ้าตูบ

เอาล่ะสิ ข้าพเจ้าทบทวนจนขมองหมุนติ้วเป็นรถไต่ถัง คิดเท่าไรก็คิดนามท่านไม่ออก เสียฟอร์มมากนะทั่น  พบระดับซีไรต์แล้วไม่รู้จักเีนี่ย!  ท่านนักกวีก็เอาใจช่วยนะ บอกใบ้ให้

"ซีไรต์ปี xx ไง"

หัวคิ้วข้าพเจ้าแทบพันกัน แกอมยิ้ม

"บทกวี"

ถึงตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังคิดเผ่นหนีแล้ว เพราะไม่รู้จักจริง ๆ พี่ทรายลองคิดดู เดินเข้าในงานที่คนอ่านหนังสือเขามาสุมกัน  มันกลับไม่รู้จักกวีซีไรต์  มันต้องมาจากปลักควายแน่ ๆ

"ขึ้นต้นด้วยแม่น้ำ"  แกช่วยอีก

ข้าพเจ้ายิ้มแหย รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าตะแลงแกง ยอมสารภาพ

"ขอโทษเถอะครับ ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือ ยิ่งซีไรต์ยิ่งไม่ได้อ่านเลย เฉลยเถอะครับ"

เหมือนนักโทษแหย่คอเข้าในบ่วง อีกอึดใจเก้าอี้ก็ถูกถีบ ข้าพเจ้าต่องแต่งลิ้นห้อยตาถลน นักกวีผมยาวสะพายกระเป๋าเฉียงเอียงไหล่แย้มยิ้มด้วยแววตาเอ็นดู  ส่ายหน้าพาร่างสูงโย่งเดินจากไป เท่ชะมัด! แกไม่ยอมบอกชื่อขะรับ (แต่พี่ทรายคงทราบแล้วสินะว่าท่านคือใคร)

ใช่แต่ 'แม่น้ำฯ' นะที่ข้าพเจ้าไม่เคยพบเห็น บอกไม่อาย สุดยอดกวีนิพนธ์โด่งดังไปทั่วยุทธภพอย่าง 'โลกในดวงตาข้าพเ้จ้า' ก็ยินแต่ชื่่อ

ข้าพเจ้าอ่านเท่ามีในห้องสมุดประชาชนของอำเภอเล็ก ๆ ตรงติ่งประเทศ มีเท่าไรอ่านเท่านั้น (ไม่ยักมี 'โลกฯ' ในห้องสมุดฯ น้าหมี่ไม่คิดบริจาคสักเล่มรึขะรับ?)

ศัพท์แสงจึงจำกัดจำเขี่ย เขียนไปเขียนมายังนึกเบื่อตัวเอง ง่า..สัมผัสเดิมอีกแระ! หลายครั้งเขียนไป เขียนไปคำหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ยังงง ๆ ว่ามาได้ไง แล้วมันแปลว่าอะไร (หว่า) ข้าพเจ้าเดาเอาว่าคำพวกนี้คงถูกฝังไว้แต่ครั้งวัยละอ่อน จากวิชาภาษาไทยที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา (ต้องสอบซ่อมประจำ..ผ่าสิ!)

ช่วงหลังมานี่ เขียนหนังสือมากเข้าเริ่มสงสัย เอ่..พิลึกมีการันต์ไว้ทำไมกันนะ เมื่อไม่ใช้ไม่ออกเสียงตัดทิ้งเสียก็สิ้นเรื่อง ก็แล้วหากข้าพเจ้าไม่ต้องการออกเสียงพยัญชนะใด ข้าพเจ้าจะใส่การันต์บ้างได้ไหม? ทำไมต้อง 'พลิ้ว' ทำไมไม่เป็น 'พริ้ว' ร.เรือรัวลิ้นให้ความรู้สึกพริ้วกว่ากัลล์เยอะเลย อะไรพวกนี่ล่ะ แต่มาสงกาตอนนี้ไม่มีคุณครูสมศรีคอยเงื้อไม้เรียว "ถามให้ดีนะ! ถามให้ดี!" อยู่แล้ว

เมื่อไม่รู้ถามใครก็ได้แต่ขบคิดหาที่มาที่ไปเอาเอง

คำตอบไม่อาจถือเป็นข้อสรุป ไม่อาจเชื่อแน่ว่าถูกต้องตรงตามขนบนิยม หากยังขืนเล่นปะติดปะต่อคำตามแต่อารมณ์ซุกซนพาไป นานเข้าอาจเข้าข่ายอาชญากรทางภาษา (ว่าเข้านั่ลล์) เต่าน้อยดิลล์จึงคลานต้วมเตี้ยมมาร้านหมี่ด้วยประการฉะนี้แล

ต่อข้อถามพี่ทราย

๑ 'เป็นส่ำสัตว์สารพันปันปน'
บาทนี้รู้สึกมันจะจบห้วนๆ ไปนิดนะขะรับ ไม่แน่ใจว่าน้าอาจจะอยากให้กระชากอารมณ์นิดนึงหรือเปล่า  เลยลงห้วนๆ แบบนี้ขะรับ จึงใคร่ขอถาม

น่าจะเรียกว่า 'วรรค' นะขะรับไม่ใช่ 'บาท' พี่ทรายอาจเผลอแต่ท้วงไว้เผื่อมีน้องนักเรียนผ่านมาพบเข้า (หากบาท ต้องมีสี่สลึง อิ อิ)

ข้อนี้เป็นเรื่องของ 'ลม' และ 'ดนตรีไทย'

ลมสนธยา มักพัดเอื่อยเรื่อยเย็น รู้สึกสบายชวนนั่งอิงพิงไหล่คนรักชมอาทิตย์อัสดง
แต่หากเป็นลมพายุกรรโชกมา คงต้องตัวใครตัวมัน ลุกวิ่งใจระส่ำ ทั้งสองให้ความรู้สึกต่างกัน และต่างก็คือลม

หากเปรียบเป็นระนาด  เมื่อบรรเลงเพลงหวานเสียงนั้นทอดเอื้อนฉะอ้อน ครั้นบรรเลงเพลงเร็วกลับสะบัด กระชากกระชั้น เสียงทั้งหมดเกิดแต่ระนาดตัวเดิม (ง่า..ระนาดเรียกสรรพนามว่าอะไรอ่าขะรับ?) หากขึ้นกับผู้บรรเลงรู้ปรับเปลี่ยนควบคุมจังหวะ

กลอนแปดหวานหยดขะรับ หวานราวตาลแต้มรสไม่หมดหวาน เมื่อจะเศร้าก็เศร้าร้าวรานราวจะหลั่งน้ำตาริน (หนุ่มสาวเมื่อก่อนจึงนิยมใช้เขียนเพลงยาวหากันไง)

แต่หากเราใช้สามสองสามของกลอนแปดไปกับทุกเรื่องราว  คงมิต่างบรรเลงเพลงค้างคาวกินกล้วยด้วยจังหวะของลาวดวงเดือน รสขยับปีกของค้างคาวสูญหายอย่างน่าเสียดายเทียว (แลเจ้าค้างคาวตัวนั้นมีหวังหล่นแหมะ) และคงเป็นได้ก็แค่หุ่นอักษรเล่าความโดยไร้ชีวิตจิตใจ

กล่าวได้แต่ใช่จะทำได้ดังใจตั้ง  ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าแค่ไหนเพียงใดจึงจะพอดี  เห็นทีต้องน้อมฟังน้าหมี่ว่าจะคิดเห็นเยี่ยงไร?

๒  ปัน (แบ่งปัน?) - ปน (ปะปน?) ... ผสมกันออกมาเป็น 'ปันปน' หรือเปล่าขะรับ น้าดิลล์ หรือว่าเป็นคำโบราณครับ?
ไม่ใช่คำโบราณอันใด
ที่มาทั้งสองดังพี่ทรายเข้าใจ

๓ ได้เวียนเคียนอู่ล้วนอยู่ร่วม - บาทนี้ สงสัยของคำว่า เวียนเคียนอู่ อ่ะครับ มีความหมายหรือว่ามีนัยแปลว่าอะไรหรือขะรับ?

เคียน คือ พาด พัน เช่นผ้าขาวม้าเคียนเอว
ไม่มีนัยใด แต่ไม่ทราบนอกจากใช้กับเอวแล้ว ยังจะใช้พาดพันอย่างอื่น (โดยเฉพาะนามธรรม) ได้หรือไม่?

๔ อยู่กลุ้มกลวม - กลุ้มกลวม คำโบราณใช่หรือเปล่าเอ่ย?

กลวม แปลว่า สวมทับ
นัยยะโบราณที่พี่ทรายกล่าวคงหมายถึงคำที่ไม่นิยมใช้ เช่นนั้นเห็นที่ไม่ใช่ เพราะคำ 'กลวม' ยังมีใช้กันอยู่ ข้าพเจ้าเพียงเล่นปะติดปะต่อคำ (ดังเรียนไว้บั้นต้น) ก็เมื่อมี 'กลุ้มรุม' ข้าพเจ้าเลยใช้ 'กลุ้มกลวม' เสียเลย ไม่ทราบน้าหมี่จะว่าไง?

ดูเหมือนข้าพเจ้าจะปะติดปะต่อคำเอาแต่ตามใจ แต่ขอพี่ทรายน้าหมี่ทราบว่าข้าพเจ้าตระหนัก มิใช้คำโดยไม่รู้ความหมาย (และยังไม่คิดเอาอย่างแม่สุวรรณผู้รจนาระเด่นลันได)  เพียงไม่กระจ่างว่าความหมายนั้น ๆ กินความเพียงไร ใช้อย่างไร จึงมานั่งเขียนอยู่ข้างท่านผู้รู้ก็เพื่อจักได้ทำความเข้าใจต่อไปภาคหน้า

กล่าวไปก็ให้กระอักกระอ่วน แจกแจงเนื้องานสมควรเป็นเรื่องของผู้อ่าน ผู้เขียนเพียงสดับรับฟัง แต่การที่พี่ทรายกรุณาถามไถ่เป็นเรื่องน่ายินดีนัก  ข้าพเจ้าโพสต์จำอวดอักขระบนเน็ตนอกจากหวังเก็บรักษางาน  ยังหวังรับคำชี้แนะจากผู้รู้เพื่อปรับปรุงตน แลกเปลี่ยนความเห็นกับสหายคอเดียวกัน ความซึ่งได้ตอบไปหาใช่ข้อยืนกราน เป็นเพียงทัศนะที่พร้อมปรับเปลี่ยนรับฟังความต่างด้วยดวงตากลมโตเสมอ

เรามารอน้าหมี่ว่างจากกิจกันขะรับ

คารวะ

Comment #4
Posted @2 ก.ย.53 18.35 ip : 111...166

ขอบคุณท่านเจดี เอ้ย! ดีเจ เพิ่มรสขึ้นเป็นกอง

Comment #5
Posted @2 ก.ย.53 19.08 ip : 125...158

มาแอบฟังท่านผู้ชำนาญคำเขาถกกัน
แล้วเจ้าของบ้านไปไหนเสียเล่า มิได้มาร่วมสนทนาวิสาสะกับอาคันตุกะ

Comment #6
Posted @2 ก.ย.53 20.46 ip : 180...185

เจ้าของยบ้านปวดเอวอยู่น่ะน้ำพี้ อ่านอะไรก็ไม่รู้เรื่องแว้วววววว

Comment #7
Posted @3 ก.ย.53 13.19 ip : 111...218

โอ๊ะโอ..น้าหมี่ยังปวดเอว เด๋วไปคุยที่หน้าเกาหลี (เปิดไว้แระ)

ขออย่าเรียกผู้ชำนาญเลยขะรับพี่น้ำพี้ ข้าพเจ้าก็แค่ 'นักเล่นแร่แปรคำ' จับแพะชนแกะไปวัน ๆ เพียงสุขได้กระทำนั้นเป็นค่าตอบแทนตื้นใจแล้ว คำนิยมจากพี่น้ำพี้สักวลีเติมใจเสียเต็มตื้น นั่งอมยิ้มตาลอย แต่ในทางกลับ สำนึกก็พลอยลอยไปกับตา เหลียวมองไม่เห็นกะลาหัวตัวเอง หากพี่น้ำพี้จะกรุณา ช่วยชี้แนะที่ใดน่าชมตรงไหนสมควรแก้ไข  ก็จะเป็นเมตตาหาที่สุดไม่แล้ว

กลอนที่พี่ทรายกรุณายกยอ ช่างไพเราะวิจิตรพิสดารนั้น น้าหมี่อาจบอกไม่ได้ความ คำนู้นไม่ดี คำนี้ไม่เห็นภาพ  อย่าง 'เพลิงแผดเผาเร่าร้อนทอนองคาพยพ' น้าหมี่อาจถามว่า 'องคาพยพอะไร?' ไม่เห็นกล่าวถึงมาก่อน อย่าง 'เสียงปืนนัดหนึ่งจึงก้องนาน  พลันจักรวาลสะท้านสะเทือน' น้าหมี่อาจกังขาว่า 'ก้องนาน' แล้วไยจึง 'พลัน' ลักษณะทอดยาวกับฉับพลันไปอยู่ร่วมกันได้อย่างไร?

เพราะยังอ่อนหัด ข้าพเจ้าไม่รู้แน่ว่าคำที่ใช้เหมาะสมถูกควรเพียงไร สื่อภาพที่ต้องการกล่าวต้องตรงแค่ไหน  หากอ่านแล้วเหล่าเราช่วยกันสะท้อนภาพที่เห็นออกมา ก็จะช่วยเน้นย้ำ ตักเตือนให้ผู้น้อยปรับปรุงแก้ไขในชิ้นงานต่อ ๆ ไป

ไม่ใช่ผู้ชำนาญดอกนะขะรับพี่น้ำพี่ ยังคอยรอเมตตาชี้แนะอยู่ซำเหมอ

คารวะ

Comment #8
Posted @3 ก.ย.53 16.05 ip : 69...88

สวัสดีขะรับ ทุกๆ ท่าน

แวะมาคารวะน้าดิลล์ผู้มีภาษาอันตระการ

ขอบคุณนะครับ สำหรับคำชี้แนะ อันเป็นประโยชน์แก่กวีวัยกระเตาะ อย่างกระผม ..คิคิ

ด้วยความรู้อันต่ำต้อย กระผมจึงไม่อาจเข้าใจความหมายของบทกวีที่ใช้ภาษาลึกซึ้งได้เต็มที่น่ะขะรับ จึงได้บังอาจถามปล่อยไก่ออกไปเสียหลายเล้า ...

"อักขระห้าวันหนี..............เนิ่นช้า"

กระผมเองก็ร้างลาห่างหายจากการใช้ภาษาไทยไปยาวนานขะรับ ทำให้ทักษะการใช้ภาษาถดถอย ถึงได้ต้องกลับมานั่งรื้อฟื้นขอเก็บถ้อยคำอันน่าพิศวงของเหล่าพี่ๆ เข้าไปไว้ในคลังเผื่อเวลาจะเลือกใช้จะได้นำออกมาใช้ได้อย่างไม่ขวยเขิน และกริ่งเกรงว่าจะมีผู้ใดมาประณามว่าเป็นอาชญากรทางภาษา ที่รังแต่จะช่วยพัฒนาให้วิวัฒนาการของภาษาไทยเป็นแบบถอยหลังลงคลองน้ำครำ (คำ) น่ะครับ

ความสับสนระหว่างบาทและวรรค ช่างน่าอับอายจนกระผมแทบจะฝังศีรษะลงไปในผืนปฐพี เหมือนยักษปักษีแห่งอาฟริกาที่ไม่สามารถบินได้เหมือนเหล่าวิหคทั่วไป ในยามที่มันตกใจอย่างใดอย่างนั้น

ขอบคุณนะครับ น้าดิลล์ที่ช่วยทักท้วงให้หายเขลา มิฉะนั้น กระผมคงได้พบปะเสวนากับพระลอจนคุ้นชินเป็นแน่แท้

นี่แหละครับ เสน่ห์ของบ่อนหมี่ตุ๋น (เรียกตามน้าดิลล์นะขะรับ) สังคมแห่งนักเลงภาษาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ และเจตนาที่บริสุทธิ์  ต้องขอบคุณน้าหมี่ด้วยสำหรับ

หนังสือแม่น้ำฯ ของกวีนามอุโฆษ ที่น้าอ้างถึง กระผมพึ่งจะเคยได้ยินนี่แหละครับ จึงได้ไปถามอากู๋มาเมื่อตะกี้จึงได้รู้ชื่อหนังสือ... (อาการหนักกว่าน้าอีก)

และขอสารภาพตามตรงว่าแม้แต่หนังสือ "โลกในสายตาข้าพเจ้า" อันโด่งดัง กระผมก็ไม่เคยได้เห็นแม้แต่หน้าปก คาดว่าถ้ากลับไทยไปคราวนี้ คงได้ไปจกมาจากร้านหนังสือ แล้วจึงจรแล่นไปร้านหมี่เป็ดขอลายเซ็นต์กวีซีไรต์นามกระฉ่อน และขอคำแนะนำเชิงกลอนให้ชุ่มชื่นหัวใจเป็นแน่แท้ และอาจจะได้เลยไปขอคารวะท่านน้าดิลละกวีแห่งทะเลใต้ด้วยเลยในคราวเดียว

น้าหมี่หายไวๆ นะขะรับ จะได้มาช่วยเคาะตะพดแนะนำน้องๆ หลานๆ อย่างกระผม

*

สวัสดีครับพี่น้ำพี้ กระผมยังเป็นแค่เด็กฝึกหัดขะรับ ... พึ่งจะเริ่มกลับมาหัดเขียนใหม่ ตอนนี้เริ่มได้ ก กา ข ขา แต่ยังไปไม่ถึงไหน จึงได้พยายามมาแง้มกะลา ซึมซับเอาวิชาของปราชญ์แถวๆ นี้เช่นกันขะรับ ... ยินดีที่ได้พบครับ

หากท่านพี่มีอะไรจะแนะนำ ระผมก็ยินดีน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจและซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งนะขะรับ

Comment #9
Posted @3 ก.ย.53 16.46 ip : 111...183

เสน่ห์ของบ่อนหมี่ตุ๋น (เรียกตามน้าดิลล์นะขะรับ)
พี่ทรายอย่าใส่วงเล็บสิขะรับ เหมือนจะกันตัวเองเป็นพยานยังไงไม่รุ มามะเป็นจำเลยด้วยกัลล์

พอแยกกล่าวฟังคล้ายบ่อนเบี้ยพิกลแฮะ 'ตุ๋น' นั้นหมายถึงต้มตุ๋น เอ้ย! วุ้ย! ไปกันใหญ่ หมายถึงต้มจนเปื่อยจริง ๆ มิใช่ตุ๋นเชิงอนาจารนะขะรับ  เป็ดตุ๋นน้าหมี่อร่อยมั่ก เนื้อนุ่มชุ่มนิ่ม (พี่ทรายแวะชิมวันใด รบกวนหิ้วฝากข้าพเจ้าด้วยสักถุง)

Comment #10
Posted @3 ก.ย.53 17.58 ip : 69...88

น้าดิลล์พูดให้ผมหิวยามเช้ามืดแบบนี้ หากว่าน้ำหนักผมเพิ่มขึ้นจนเข้าขั้นที่คนประณาม

สงสัยคงต้องให้ น้าดิลล์ เป็นจำเลยอีกกระทงอย่างแน่แท้ล่ะขอรับ ... อิอิ

อยากทานบะหมี่เป็ดตุ๋นสุดๆ ... แต่แถวนี้มันไม่ค่อยอร่อย ... :(

Comment #11
Posted @4 ก.ย.53 11.01 ip : 113...49

แม่น้ำรำลึก เป็นเล่มที่เรวัต พันพิพัฒน์ ได้รางวัลซีไรต์ครับ

คนกับธรรมของน้าดิน หากจะมีจุดอ่อนบ้างก็ตรงชื่อเรื่องนี่แหละครับ(ฮา) ผมเข้าใจครับ ธรรมที่น้าดินว่านั้นหมายถึงธรรมชาติ ซึี่งปรากฏอยู่ในคำสอยสานท่านพุทธทาส

แต่เนื้อเรื่องทั้งหมดสำหรับผม โอเคครับ สวยงามและมีพลัง

วรรคที่ว่า "เพลิงแผดเผาเร่าร้อนทอนองคาพยพ'

ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเราต้องอ่านกลอนทั้งชิ้น ตั้งแต่ต้นจนจบ จะเลือกอ่านเอาเฉพาะบทนั้นไม่ได้ครับ  แม้องคาพยพทีว่านั้นน้าดินจะไม่ใส่อะไรเกิร่นนำมาก่อน แต่ก็เข้าใจได้ว่านั่นคือองคาพยพของความเป็นโลก ของความเป็นธรรมชาติ ที่ทุกชีวิตและสรรพสิ่งร่วมอยู่


ส่วนที่ว่า -

"เสียงปืนนัดหนึ่งจึงก้องนาน พลันจักรวาลสะท้านสะเทือน ฯ"

ก้องนานได้ครับ พลันก็ได้ด้วย สวยด้วย เพราะก้องนานในความรู้สึก และพลันในผลกระทบที่ตามมา แต่คิดว่าต้องมีความทรงจำบางอย่างในการช่วยอ่าน นั่นคือต้องจำว่ามีคนชื่อ สืบ นาคะเสถียร มีคนชื่อสืบที่ฆ่าตัวตายประท้วงอำนาจรัฐ-นายทุน เพราะหากไม่มีคนชื่อสืบ เสียงปืนนัดหนึ่งที่ก้องนอนในความทรงจำนั้นก็เลื่อนลอย

ที่เล็กน้อยก็เป็นพวกคำต่างๆเช่น-

ร่วมดินน้ำลมไฟรวมในร่าง แผกผิดบ้างต่างวงศ์ต่อพงศ์ผัน

พงศ์ผัน?


ได้เวียนเคียนอู่ล้วนอยู่ร่วม ผลัดหลอมรวมผลัดพยุงอยู่พลุ่งพล่าน

เคียนอู่? พลุ่งพล่าน?

เคียนหมายถึงการพัน อู่หมายถึงแหล่งอยู่แหล่งกิน และเปล

พลุ่งพล่าน หากเปลี่ยนเป็นพลุกพล่านน่าจะให้ภาพมากกว่า


และ


พายุโหมพัดรุมอยู่กลุ้มกลวม คนเร่งร่วมเริงฆาตพินาศพิการ

กลุ้มกลวม คำนี้ผมไม่เคยได้ยินครับ ที่ได้ยินก็มีกลุ้มรุม ส่วนกลวมนั้นหมายถึงครอบอย่างหลวมๆ เช่นผ้าถุงที่หลุดลงมากลวมข้อเท้า (ใช้กลวมหรือกรวมก็ไม่แน่ใจครับ)


คำที่ไม่ออกเสียงใส่การันต์ได้ครับ เช่นอหังการ์ อ่าน อะ+หัง+กา หรือ ศิริวัฒน์ ก็อ่านว่า สิ+ริ+วัด มาจากวัฒนา นี่ละครับ ศิริ ก็ใส่การันต์ได้ เป็น ศิริ์ แต่ไม่ค่อนนิยม ส่วนใหญ่ลากเสียงยาวไปเป็น ศรี ครับ  แต่มันมีหลักของมันอยู่ ตอนนี้นึกไม่ออกครับ

คำว่าพลิ้ว คุณนิภา บางยี่ขัน เคยบอกผมสมัยเขียนลงขวัญเรือนที่แกคุมคอลัมน์อยู่ ว่าให้ใช้พริ้ว ด้วยความที่ให้ภาพสะบัด ตัว ร เรือ มันจะสะบัดลิ้นและรูปมากกว่า ล ลิง แต่คำนี้จะใช้ยังไงก็ได้ เพราะพลิ้วก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วครับ


ร่วมดินน้ำลมไฟรวมในร่าง แผกผิดบ้างต่างวงศ์ต่อพงศ์ผัน ต่างรูปร่างต่างพวกต่างผิวพรรณ เป็นส่ำสัตว์สารพันปันปน

จบไม่ห้วนหรอกครับ ได้ภาพได้เสียงได้จังหวะอยู่ น้องทรายอาจจะเห็นว่าหากมีคำเชื่อมสักตัวมาใส่ระหว่าง สารพัน กับปันปน เช่น สารพันอยู่ปันปน อาจจะทำให้กลอนลื่นขึ้น อันนี้ก็ได้ครับ และไม่รกด้วย  ส่วนคำว่าปันปนคือการตดคำขยายของสองคำมาอยู่ด้วยกัน หลักภาษาเรียกว่าอะไรผมลืมแล้ว ลักษณะนี้นิยมใช้กันครับในปัจจุบัน คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี นำมาใช้จนเด่น จากคำว่าความจริงลวง ความจริงเท็จ มันคล้ายๆการสร้างคำใหม่แต่ไม่ใช่ครับ  สองคำที่เอามาเชื่อมต่อมีความหมายใกล้เคียงกัน สามารถใช้ได้ครับ

ผมก็ไม่ใช่คนเก่งอะไรหรอก ทัศนะที่แสดงก็ล้วนมาจากที่ตัวเองคิดว่า เชื่อว่า มันอาจจะผิดก็ได้ครับ

ผมมาทราบไม่นานนี้เอง ว่าเวบผมมีผู้รู้จริงเข้ามาอ่านอยู่ รอเพียงว่าท่านจะว่างหรืออยากร่วมสนุก แบ่งปันทัศนะเมื่อไหร่เท่านั้นครับ

Comment #12
Posted @4 ก.ย.53 19.48 ip : 1...90

ขอบคุณขะรับน้าหมี่ ปวดหลังพักงานยังกรุณามาตอบให้เต็มอิ่มเต็มคำ

รอวันท่านผู้รู้ที่่เคารพเมตตาสละเวลาชี้แนะด้วยคน หากมีวันนั้นวิถีฉันทลักษณ์นิพนธ์สยามประเทศยุคนี้คงรุดหน้ากว่าที่เป็น ภาวนาให้มีวันนั้นขอรับ

น้อมคารวะ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 35 user(s)

User count is 2437154 person(s) and 10225323 hit(s) since 24 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).