ไปเที่ยวมาครับ
หายไปภูเก็ตซะ 3-4 วัน รู้สึกชีวิตสดใสและกระชุ่มกระชวยขึ้นมาก หลังจากที่ทำงานหนักมาตลอด มานั่งนึกๆชีวิตตัวเองก็ใจหาย ทำงานมาแต่อายุ 16-17 พอ 18 ก็เริ่มจับเครื่องทำเส้นบะหมี่ ห่างจากงาน 3 ปี กว่าตอนเรียนราม ก็โดนเรียกกลับให้มาช่วยงานที่ร้านเมื่อปี 2532 และนับแต่นั้นก็ทำงานเรื่อยมา เงินเก็บก็พอสมควร หากแต่ภาระค่าใช้จ่ายทั้งหลายอยู่ที่บ่าผมทั้งสิ้น มันเลยไม่เหลืออะไร(ฮา)
22 ปีที่ผมไม่เคยได้เที่ยวไหนเลย ส่วนใหญ่ที่ได้ไปก็ล้วนเป็นเรื่องงานที่ถือโอกาสเที่ยวในตัว แต่ก็นั่นแหละ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เที่ยวหรอก นอกจากทริปเกาหลีที่เจ้าภาพพาเที่ยว
ไปเห็นเมืองใหญ่โตโอฬารตระการตา ที่ค่าใช้จ่ายแพงทุกอย่าง ติ่มซำทีี่เคยกินหาดใหญ่เข่งละ 14 ที่นั่นเข่งละ 25 อูยยยยย ก๋วยเตี๋ยวข้างถนนถ้วยละ 45 อาาาาาาาาา
มีโอกาสก็จะไปเปิดร้านที่นั่นละครับ (ฮา)
ไปไหว้หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง กราบขอพรและเสี่ยงเซียมซี ก็ได้ใบที่ดีที่สุด ใจชื้นมาเป็นกองครับ จากนั้นไปไหว้หลวงพ่อเจ้าวัด ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาบด้วยมีรูปปั้นท้าวนนทรีกับตาขี้เหล็ก ท้าวนนทรีน่าจะเป็นยักษ์นะครับ เพราะสังเกตเห็นเขี้ยวที่ปาก ส่วนตาขี้เหล็กนั้นเป็นรูปปั้นชายชรา
เป็นช่วงเย็นจัดมากแล้ว หวันมุ้งมิ้งๆ ตอนเดินไปที่วิหาร ก็เห็นทางหน้าต่างมีผู้ชายชุดดำนั่งสวดมนต์อยู่ ครั้นเดินไปถึงก็ไม่พบเห็น มองเข้าไปดูกลับเห็นผู้ชายชุดขาวนั่งอยู่ริมหน้าต่างอีกด้าน กำลับงสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสียงดัง ดังเหมือนกับเปิดจากเครื่องเล่นเลยครับ ยืนตะลึงอยู่ด้านหน้าเพราะประตูเขากั้นโซ่ไว้ไม่ให้เข้า (แต่ชายชุดขาวเข้าได้มั้งครับ) ชะโงกดูชายชุดดำก็ไม่เจอ เดินไปที่ริมหน้าต่างด้านที่เห็นก็ไม่มี แหะๆ ยกมือไหว้หลวง่พอกับรูปปั้น 2 รูปนั้น แล้วขอพรครับ
ถามแฟนว่าเห็นชายชุดดำไหม เธอก็ตอบว่าไม่เห็น ยืนมองหน้ากันสองคนครู่หนึ่ง เพราะไม่มีใครเลย ก็รีบเดินจากมา(ฮา)
ผมอาจตาฝาดเพราะเป็นช่วงโพล้เพล้ก็ได้
เพื่อนที่ชื่อ กิตติ ได้พาเที่ยวหลายที่ครับ ถ่ายรูปมาพอสมควร แต่กล้องของเขาตัวละแสนกว่าจึงชัดและดูดีกว่ากล้องดิจิตอลของผม รอเขาไรต์ใส่แผ่นครับ เพราะไฟล์มันใหญ่มาก ได้เจอกลุ่มนักเขียนภูเก็ต 3 ท่าน มีพี่ชิด ชยากร, พี่ขวัญยืน ลูกจันทร์, พี่เสน่ห์ วงษ์กำแหง และมีน้องเจ้ย กิรณี มาร่วมวงพูดคุยด้วย
คงอีกสักเดือนล่ะครับจะไปอีกครั้ง ภูเก็ตเมืองที่ยังหายใจสม่ำเสมอ