ฉันอยากเป็นนักแม่นปืน
คงจะดีถ้าฉันเป็นนักแม่นปืน
ฉันจะสอยยิงผู้บุกรุก
ที่ละคนสองคนอย่างเยือกเย็น
ด้วยกระสุนทีละนัดสองนัด
ร่วงลง ร่วงลงดุจใบไม้ร่วง
ฉันจะหมอบลงอย่างเงียบกริบ
ประทับพานท้ายที่บ่าให้มั่น
สายตาเพ่งจดจ่อที่ศูนย์เล็ง
เล็งอย่างประณีต
มองลอดรูเล็กเล็ก
เห็นหน้าผากของผู้บุกรุก
ฉันคงสับสนเล็กน้อย
ตอนตัดสินใจเลือกเป้าพิฆาต
ฉันควรยิงหัวใจที่หน้าอกข้างซ้าย
หรือสมองในกะโหลกศีรษะดี
คำตอบฉันเลือกกึ่งกลางหน้าผาก
ระหว่างโค้งคิ้วงามงอน
เป้าหมายจะได้ทรมานน้อยที่สุด
ตอนที่ฉันจะลั่นไกปืน
จิตใต้สำนึกของฉันคงป่วน
ต่อสู้กันระหว่างการฆ่ากับไม่ฆ่า
ทำไมพวกเขาต้องแด่ดิ้นตาย
ด้วยน้ำมือของฉันด้วย
โอ พระเจ้า
ข้าน้อยมีสิทธิอันใดหรือ
ที่จักพิพากษาอายุขัยของพวกเขา
ไม่ ไม่นะ ข้าน้อยไม่มีสิทธิอันชอบธรรมใดใดเลย
แล้วสุดท้ายฉันก็เอาชนะจิตใต้สำนึก
ด้วยเหตุผลพวกเขาก็ไม่สิทธิบุกรุกมาตุภูมิของเรา
ฉันลั่นไกปืนซุ่มยิงเด็ดหัวทหารอเมริกัน
ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์
ตื่นตระหนกด้วยความเจ็บปวด
อาการบ่งชัดว่าจวนจะถึงที่
แหกปากดิ้นพราดพราด
แล้วร่างนั้นพลันล้มลงชักระตุก
แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบ
ฉันไม่ใช่นายพรานชอบการฆ่าคน
ถ้าฉันชอบการฆ่าฉันคงดีใจสบถ
ฉันเก็บมันได้!...ฉันเก็บมันได้!
แล้วกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก
ได้ของเล่นถูกใจชิ้นใหม่
แต่ฉันกลับพูดเบาเบาอย่างสำนึกว่า
ขอพระองค์อภัยข้าน้อยด้วยเถิด
ที่พรากชีวิตหนึ่งที่พระองค์สร้าง
ขอพระองค์นำดวงวิญญาณของเขา
สู่สุคติเถิด
แต่ฉันไม่ใช่นักแม่นปืน
ฉันไม่มีปืนไม่มีกระสุนสักนัด
มีแต่ดินสอกับกระดาษ
ฉันเพียงแค่ร่างเรียงร้อยตัวอักษร
ถาโถมหลั่งไหลเป็นความรู้สึก
แต่ฉันซุ่มยิงพลปืนไปแล้ว
นับไม่ถ้วน นับไม่ถ้วนจริงจริง
ถ้าไม่เชื่อไปนับศพพวกเขาซิ
กองพะเนินทับถมในใจฉัน
หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยและคิดไปว่า
ฉันช่างโหดร้ายป่าเถื่อนอำมหิตสิ้นดี
ไร้ซึ่งความเมตตากรุณาปรานี
แต่สาบานได้เลยว่า
ฉันไม่ชอบการปลิดชีวิตผู้ใดเลย
แต่ฉันอยากเป็นนักแม่นปืน