The Hidden Blade

by ชิดชบา @18 ส.ค.48 16.50 ( IP : 58...48 ) | Tags : กระดานข่าว

เมื่อวานนี้ได้ดูหนังเรื่องหนึ่งครับ the hidden blade เป็นหนังญี่ปุ่นที่พูดถึงยุคสุดท้ายของซามูไร ก่อนที่ความศิวิไลซ์แบบตะวันตกจะเข้ามาแทนที่ ปืนใหญ่จะมาแทนที่ดาบ ทหารที่ถูกฝึกแบบตะวันตกจะมาแทนที่นักรบ / ตีความได้ว่า เมื่อปล่อยให้กระแสวัฒนธรรมไหลเข้ามาแล้วมันจะแทนที่ทุกอย่างหรือไม่ / ที่จุดประเด็นในหัวใจผมก็คือ ในที่สุด กระทั่งคุณค่าของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไป

ดูแล้วให้นึกถึงโกวเล้ง ที่เขียนนิยายกำลังภายใน - บทร้อยแก้วที่แปลโดย เรืองรอง รุ่งรัศมี /เดียวดายใต้เงาจันทร์ โกวเล้งเขียนถึง ตัวละครของในนิยาย พวกมันกล้าแค้นก็กล้าระบายความแค้น เลือดล้างด้วยเลือดจึงสาสม มันฆ่าพี่น้องท่าน ถ้าท่านมีความสามารถก็ฆ่ามันเพื่อระบายแค้น ..ขอเพียงแต่มีคุณธรรมในชีวิต การหยัดยืนในยุทธจักรล้วนไม่มีเรื่องน่าละอาย แม้นหากจะตายก็ตายตาหลับ

The Hidden Blade เป็นเรื่องราวเช่นนั้น  ซามูไรในเรื่องนี้ ก็ไม่ต่างจากซามูไรในเรื่อง  The last samurai ซามูไรมิใช่นักรบที่มุ่งแต่การฆ่าฟันเท่านั้น แต่มีคุณธรรม (บูชิโด*) ของซามูไรด้วย / ซามูไรก็มีกฎของซามูไร   ความซื่อสัตย์  ความรับผิดชอบ  คุณธรรมต่อเพื่อน

ผมรู้สึกว่า พระเอกที่เป็นเสมือนตัวแทนของคนที่มีคุณธรรมจำพวกหนึ่ง แต่ด้วยคุณธรรมดังกล่าวนั่นเองกลับกลายเป็นเครื่องมือให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาเอาเปรียบ-  กฎหมายคนละเล่ม และคุณธรรมประจำใจคนละบท ศีลธรรมก็แตกต่างกัน --- เมื่อเป็นเช่นนั้น คนดีก็ถูกรังแกจากคนชั่ว

ย้อนรอยมาดูยุคปัจจุบัน / วินัยติดพนันบอล แต่กลับไปบอกอากร เพื่อนสนิทว่าพ่อของภรรยาไม่สบาย และยืมเงินไป 5 หมื่นบาท -  สามเดือนผ่านไป วินัยหายตัวไปและความจริงเปิดเผย / สมชายซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของวิสุทธิ์ขอร้องให้วิสุทธิ์เป็นผู้ลงนามในสัญญาฉ้อฉลฉบับหนึ่ง โดยเหตุผลที่ดูดี  - สองเดือนต่อมา วิสุทธิ์ถูกจับกุมฐานทำผิดฉ้อโกงเงินบริษัท / อุมาพรเก็บหอมรอมริบตลอดสิบปีของการทำงาน ด้วยความหวังว่าจะมีบ้านสักหลังกับสามี แต่พี่ชายผู้สำมะเลเทเมาของเธอกับก่อคดีร้ายแรง สุดท้ายเธอต้องเอาเงินทั้งหมดไปช่วยวิ่งเต้น และมันเหมือนถมเม็ดทรายลงทะเล พี่ชายเธอหายสาบสูญไป คาดว่าหนีคดี

หลากหลายรูปแบบเหลือเกินของการฉ้อฉล การรังแก การเอาเปรียบ  โลกนี้ไม่เพียงไม่ยุติธรรมเพียงพอหรอก แต่กลับกลายเป็น ในที่สุดแล้ว คนดีก็ถูกเอาเปรียบอยู่ร่ำไป

ยุคสมัยของเลือดล้างด้วยเลือด หมดลงไปแล้วจริงๆ ดังนั้น จึงได้แต่พึงระวังและศึกษาคนรอบกายท่าน มิเช่นนั้น พวกมันอาจมองท่านเป็นเพียงซาลาเปาก่อนหนึ่ง ที่พร้อมจะจับยัดใส่ปากเมื่อมันหิว

Comment #1
หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ (Not Member)
Posted @18 ส.ค.48 21.26 ip : 203...219

ผมไม่ดูหนังในโรงมานานมากแล้ว  ด้วยเหตุผลที่ว่าผมเบื่อกับการเข้าไปนั่งนิ่งๆท่ามกลางคนอื่นๆมากมาย  มันเป็นความรู้สึกอึดอัดชอบกล  ทำได้คือไปร้านเช่าหนัง  เลือกหนังมาดู  ซีทาญ่าหาดใหญ่มันจะมีป้ายบอกประเภทหนัง  หนังส่วนใหญ่ที่หยิบมาดูมักเป็นหนังซีเรยส  ไม่ก็ ฮิวแมนดราม่า  โดยมีหนัง  R  แซมมาบ้างสักแผ่น    


ที่ยังอยู่ในความทรงจำของผม  ที่นึกออกขณะนี้คือ  Life  is  beautifull.  Jacob  the  lair.  Boy  don't  cry. และอีกมากมายจำชื่อเรื่องไม่ไหว  โดยไม่ลืม    Sam  sara.  ที่ติดใจขนาดเอามาเอ่ยถึงในบทกวี  The  duck  duck's  manifesto.


อ่านบริบทแรก  ผมนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาทันที  เซียนโกะ  การต่อสู้ของวัฒนธรรมเก่ากับใหม่ของญี่ปุ่น  โดยผ่านกระดานหมากโกะ  เนื้อเรื่องเรียบๆไม่อึดอัดตามสไตล์ของ คาวาบาตะ (ใช่คนนี้เขียนไหมหนอ  ผมจำชื่อนักเขียนญี่ปุ่นได้บาก  นางเอก  AV  ผมเองก็ยังจำชื่อไม่ได้สักคน)


คุณธรรมของมนุษย์ได้ถูกถ่ายทอดมาในหลายรูปแบบ  มีการเรียกร้องมายาวนาน  ผมพานนึกถึงศาสนา

บางทีศาสนาในโลกนี้เป็นเพียงแค่ปรัชญาการเมืองหนึ่ง  ที่ใช้บังคับและอยู่ร่วมของคนในสังคมเท่านั้นเอง

การไหลเข้ามาของความศิวิไลซ์ตะวันตก  มันหลีกไม่พ้นไปจากวัฒนธรรมทุนนิยม  ตรงนี้ผมแนะนำหาหนังสือชื่อ  แผนที่นักเดินทาง  ของ  ชัชรินทร์  ไชยวัฒน์  มาอ่าน พิมพ์โดย สนพ.วงกลม  เป็นหนังสือที่พูดถึงอารยธรรมมนุษย์    ที่แบ่งเส้นขนานกันมาอย่างยาวนาน  จนปัจจุบันก็ยังเกิดสงครามเพราะเส้นแบ่งขนานนี้    อ่านสนุก  เพราะพี่ชัชเขียนแบบสบายๆ  และเป็นคำตอบหนึ่งสำหรับคำถามที่ว่าทำไมมนุษย์จึงทำร้ายกัน

ทุนนิยมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวน่ารังเกียจ  ถ้ามันถูกใช้โดยคนที่เข้าใจคำว่าทุนนิยมดีพอ  เช่นกัน  สังคมนิยมก็หาใช่เรื่องน่าขยะแขยงพองขน  ถ้าคนใช้มันได้ถูกกาลเทศะ    ผมขำที่ท่านนายกฯของเราได้เคยพูดว่า  จะใช้แนวทางทุนนิยมกับคนรวย  และสังคมนิยมกับคนจน  ด้วยมันแบ่งแยกเช่นนั้นอย่างเด็ดขาดไม่ได้เลย  มันต้องเกื้อกันทั้งสองแนวต่อสองชนชั้นนั้น  และเท่าที่เห็น  นายกฯของเราไม่รู้จักคำว่าทุนนิยมสักนิดเดียว  เท่าที่เป็นอยู่นี้เป็นทุนนิยมสามานย์ดั่งที่อาจารย์ธีรยุทธ  บุญมี กล่าวไว้ (หรืออาจารย์ นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์?)  และสังคมนิยมที่ออกมาในรูปแบบเอื้ออาทรทั้งหลายนั้นมันไม่ใช่สังคมนิยมสักนิดเดียว!


โลกมีแรงเหวี่ยงจากการหมุนของมัน  หล่อหลอมทุกอย่างที่อยู่บนโลกเป็นเนื้อเดียวเข้าทุกวัน  ปรากฏการณ์โลกาภิวัฒน์จึงเป็นเรื่องธรรมดา  ในอดีตโลกก็มีปรากฏการณ์นี้มาโดยตลอดต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะเรือปืน  จากการอพยพถิ่นฐาน  การซื้อขายทาส  หรือฮอลลีวู้ด


อยู่ที่สังคมนั้นนั้นจะรับมือกับมันอย่างไร  และหวงแหนลักษณะเฉพาะตนของตนอย่างไร

Comment #2
Posted @19 ส.ค.48 11.45 ip : 58...59

ผมเคยเขียนไว้อีกบอร์ดหนึ่ง นานมาแล้ว พาดพิงถึง Sam Sara


อย่างไรก็ตาม.. อารมณ์แห่งกาม กับ ชีวิตนั้น นำเอามาประยุกต์ได้กับชีวิตประจำวันด้วย ชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน หรือชายแก่.. ใช้ได้ทั้งนั้น.. แต่ว่าระดับในการใช้ก็แตกต่างกันออกไป ....

.......................................... เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมียของนายสมควรซื้อชุดว่ายน้ำอันแสนเซ็กซี่มาหนึ่งชุด เธอบอกผัวว่า

"พี่ฉันซื้อชุดว่ายน้ำมาจ้ะ คืนนี้ อาบน้ำแล้ว จะใส่ให้พี่ดูนะ" .. นายสมควรรู้สึกเฉยๆ หรือจะกล่าวให้ถูกก็คือ "ไม่รู้สึก" อะไรเลย แม้ในเวลาที่เมียนุ่งชุดว่ายน้ำมาโชว์ต่อหน้า

ช่างแตกต่างกับเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วเหลือเกิน สมสมัย หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับนายสมควร และอยู่ที่ทำงานเดียวกัน สมสมัยตกพุ่มหม้ายมาสามปี นัยว่าทัศนะไม่ตรงกัน จึงเลิกลากับสามี และเธอมีท่าทีว่าไปกันได้ดีกับสมควร กลางสัปดาห์ก่อน สมควรแวะไปส่งสมสมัยที่บ้าน ช่วงจังหวะสมสมัยยกน้ำมาให้ดื่มแล้วก้มตัว เสื้อที่เธอใส่นั้นคอกว้าง จนเนินอกล้นออกปริ่มมานอกเสื้อชั้นในเวลาก้ม .. สมคิด "รู้สึกอย่างมาก" เขาคิดไปไกล นึกอยากได้ใคร่ดีไปมากกว่านั้น ร่อนรุ่มในคำนึงเช่นนั้น

สมศักดิ์ก็มีเมียแล้ว พร้อมลูกสองคน แต่เขายังคงมี "นอกบ้าน" และไม่ใช่แค่คนเดียว.. เขามีมาเรื่อยๆ นับได้คนที่ 4 แล้ว เบื่อก็เลิก.. แสวงหาใหม่เมื่อใจปรารถนา เขารู้สึกถึงใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกถึง "ความต้องการ" ของตัวเอง รู้ถึงจังหวะแรงเต้นของหัวใจ.. เมื่อได้สัมผัสกลิ่นกายใหม่ๆ สัมผัสร่างกายของหญิงคนใหม่ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาบอกว่าตัวเองว่า ช่างน่าตื่นเต้น น่าลิ้มลองนัก...

................. เคยดูหนังเรื่อง Sam Sara เขาเปรียบเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว / พระเอกนั้นบวชเป็นพระแต่เล็ก และอาจจะถึงกับเป็นพระระดับเถระ ถ้าไม่สึกเสียก่อน แต่วันหนึ่งพระเอกไปสวดมนต์ที่บ้านแห่งหนึ่ง เขาเห็นหญิงคนหนึ่งป้อนนมจากอกให้ลูกกิน / หลังจากนั้นชีวิตเขาไม่เหมือนเดิมอีก เพราะเขาได้เห็น เต้านมของผู้หญิง แม้จะเป็นเต้านมของหญิงมีลูกแล้ว หญิงกลางคนก็ตาม / พระเอกสึกแล้วก็ได้เสียกับนางเอก ดื่มดื่มกับเพศรสแบบไม่รู้เบื่อ (หนังไม่เซ็นเซอร์ด้วย -) .. จนกระทั่งมีลูก แต่งงาน เป็นครอบครัว / พระเอกยังแอบไปลักลอบได้เสียกับสาวที่มารับจ้างทำไร่อีก หนังบอกเราว่า นั้นคือไม่อิ่มในรส / ตอนจบของหนัง พระเอกเริ่มเบื่อ เพราะเขาคิดว่าเขา "เรียนรู้" หมดแล้ว พอแล้วกับรสนี้ และเริ่มเดินทางกลับไปวัด เขาจะไปบวชที่นั่น.. และคาดว่าจะไม่สึก /  ณ  Sam Sara ตอนจบของหนังกินใจผมอย่างยิ่ง นางเอกเธอตามมาถึง และพูดไม่กี่คำ  ทำนองว่า "เธอไม่จำเป็นต้องไปบวชหรอก ... เธอสามารถจะอยู่ตรงนี้.. เป็นสามี เป็นพ่อ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี .. เท่านั้น ฉันก็ว่าเธอก็น่าจะ "บรรลุ" " แล้ว   เตือนใจคนดูและเตือนใจพระเอกยิ่งนัก

Comment #3
หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ (Not Member)
Posted @19 ส.ค.48 15.02 ip : 203...10

ผมชอบวิธีการดูหนังของคุณเหลือเกิน 


แต่  Sam  Sara  นั้น  ตอนจบที่ภรรยาตามพระเอกมาถึงวัด  มันเหมือนผู้กำกับตั้งคำถามไปถึงผู้เป็นมเหสีของสิทธัตถะ (จำชื่อไม่ได้ ขออภัยครับ)  ว่าจะเป็นเช่นไรเมื่อสิทธัตถะออกผนวช    และโดยเฉพาะสังคมอินเดียในขณะนั้น  ที่การกดขี่ทางเพศรุนแรงอย่างยิ่ง  หญิงหม้ายมีโอกาสที่จะถูกเสียผู้เสียคนไม่มีที่อยู่ที่ยืนในสังคมเพียงเลิกร้างกับสามี    ไม่ว่าสามีจะผิดหรือถูกก็ตาม

Comment #4
Posted @20 ส.ค.48 18.17 ip : 58...245

นางยโสธรา // ผู้กำกับ ถามไถ่เธอผ่านนางเอกของเรื่อง -- กินใจทีเดียว  --  ทุกคนต่างยอมรับว่า สิทธัตถะ นั้นได้อุทิศตนเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อมนุษย์ชาติ แต่มีใครบ้างล่ะที่เห็นนางยโสธราในสายตาบ้าง นางมิได้อุทิศตนในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าหรือ .. คืนหนึ่งนางตื่นมาและพบว่า ผัวหายหนีไป วันต่อไปเธอจะอยู่อย่างไร จะมีชีวิตอย่างไรกับลูกของเธอ..  มีใครพูดถึงเธอบ้างมั้ยล่ะ" 

กินใจ ถือเป็น คำถามที่ "โดน" จริงๆครับ ใน Sam Sara





(เว้นที่ว่างให้กับหนังเรื่องนั้น..)


ความบางตอนในพระไตรปิฏก ภายหลังจากที่พระองค์ทรงผนวชแล้ว ยโสธรายอมเป็นหญิงหม้าย มิได้รับบรรณาการ ที่พระราชาอื่นๆ ส่งมาให้เลย มีจิตไม่เปลี่ยนแปลง ในพระองค์ถึงเพียงนี้ ไม่เอาใจออกห่าง ยากที่หญิงใดจะกระทำได้" พระศาสดา ทรงสดับแล้ว จึงทรงบรรเทาความเศร้าโศก ของพระนางยโสธรา ด้วยการตรัสแสดงธรรมให้ฟัง จนพระนางได้บรรลุ โสดาปัตติผล ณ ที่ตรงนั้น แล้วพระศาสดา จึงลุกจากอาสนะ เสด็จกลับไป ครับ นางยโสธาราก็บวช เป็น ยโสธราเถรี

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 65 user(s)

User count is 2442272 person(s) and 10251862 hit(s) since 28 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).