สายเลือดมโนราห์
น้ำตาไม่เคยเอ่ยคำ ตอนที่น้ำตาของแก้วไหลรินลงมาเป็นรอยทางบนแก้มที่รองพื้นไว้ขาวนวล เธอเพียงกลบรอยนั้นด้วยการโปะแป้งบางๆ ซ้ำอีกชั้น ก่อนที่การแสดงของเธอจะเริ่มขึ้นหน้าเสาธง&
แก้วเป็นเหลนมโนราห์ชั้นศิลปินแห่งชาติจังหวัดพัทลุง เธอเกิดทันทวดได้เหยียบยอดอกประทับครูมโนราห์ไว้ตั้งแต่แบเบาะ ก่อนที่ต้นตระกูลมโนราห์จะชิงตายเสียตั้งแต่เธอไม่รู้ความ ถึงอย่างนั้น ใครๆ ในตระกูลก็มักจะมีความเชื่อกันว่าวิญญาณของทวดสถิตอยู่กับเธอ
แม้แก้วจะหน้าตาไม่งามตามสมัยเหมือนอย่างเพื่อนรุ่นๆ มัธยมปลายของเธอ แต่ทุกคนก็ชมว่าเธอมีนิ้วงามกว่าใครอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เธอกรีดนิ้วร่ายรำมโนราห์
แก้วไม่ชอบมโนราห์ เธอรำมโนราห์ก็เพราะเกิดในครอบครัวมโนราห์ ในวันที่คณะมโนราห์อื่นๆ ชวนตายหายจากกันไปเป็นสิบๆ คณะของครอบครัวเธอก็ยังจำต้องยึดอาชีพมโนราห์อยู่เหมือนเก่า นั่นด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่าเป็นตระกูลมโนราห์ที่สืบเชื้อสายมาจากบรมครูมโนราห์ศิลปินแห่งชาติโดยตรง
ใช่ คณะมโนราห์ยังพอมีอยู่ แต่คนจ้างยิ่งมีน้อยกว่าเสียอีก
ทุกเย็น เมื่อกลับไปถึงบ้าน พ่อของแก้วซึ่งตอนนี้ก็อายุ 52 ปีแล้ว จะต้องบังคับให้เธอไปขับบทมโนราห์ให้ปู่ของเธอฟังไม่น้อยกว่า 20 บทก่อนทำภารกิจอื่นๆ เสมอ แก้วไม่เคยเข้าใจพ่อ พ่อยึดติดอยู่แต่กับมโนราห์มาทั้งชีวิตของพ่อ และกว่าครึ่งชีวิตนั้นพ่อก็รับเล่นอยู่แต่กับบทพรานบุญ ปรกติแล้วพ่อของแก้วเป็นคนพูดน้อยและค่อนข้างดุ ยิ่งหนวดของพ่อดกแข็งเหมือนเส้นเหล็ก ยิ่งทำให้พ่อดูมีอำนาจเหลือเกินในบ้าน นั่นผิดกับเวลาพ่อสวมหน้ากากไม้สีแดงรูปพรานบุญฟันหัก ตอนนั้นพ่อจะเป็นอีกคน กระดูกของพ่อจะขยับได้เหมือนไม่มีกระดูก ลีลาท่าย่างน่าตื่นตาไปเสียหมด ทั้งกิริยาอาการก็ชวนขันทุกครั้งที่พรานบุญในร่างพ่อออกมาทะลึ่งอยู่หน้าโรง พรานบุญพุงป่อง กับเชือกปะกำจับกินนรี คนเฒ่าคนแก่มีภาพจำเกี่ยวกับพ่อแบบนั้น
พ่อเคยบอกกับแก้วว่าพ่อไม่เคยหัดเป็นพรานบุญ แต่ทุกครั้งที่พ่อใส่หน้ากาก พรานบุญจะสอนพ่อหน้าโรงมโนราห์เสมอ เพื่อเชื่อเป็นตุเป็นตะยิ่งกว่าคนดูว่าเวลาพ่อใส่หน้ากาก พ่อเป็นพรานบุญจริงๆ
น่าเสียดายที่พรานบุญในเวลานี้ไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย พุงที่เคยพอกพูนก็เหลือไว้แต่รอยเส้นเหี่ยวๆ หนังตาอิดโรย และพ่อเริ่มเปลี่ยนนิสัยที่จะสวมเสื้อเชิ้ตแทนการนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวเวลาอยู่กับบ้าน พรานบุญไม่มีพุงก็เหมือนพ่อค้าไม่มีทองหยอง หลังๆ พ่อจึงไม่รับแสดงบทพรานบุญอีก แต่จนแล้วจนรอดก็หาใครปั้นตัวเป็นพรานบุญแทนพ่อไม่ได้สักที โชคดีในชะตากรรมอันโหดร้าย ที่มีคนจ้างมโนราห์แสดงปีละไม่เกิน 3 หน ดังนั้นเวลาที่ต้องแสดง พ่อก็ต้องไปจ้างพรานบุญมาจากคณะอื่น ซึ่งก็จ้างไม่ยาก เพราะพรานบุญที่เหลืออยู่ก็ว่างงานกันทั้งนั้น
ก่อนจะสิ้นสุดยุคพรานบุญของพ่อ แก้วรู้มาว่าปู่ก็เคยเป็นพรานบุญมาก่อน พ่อเล่าให้แก้วฟังว่าเมื่อก่อนชาวบ้านเขาเรียกปู่ของแก้วว่า พริ้ม เทวา พริ้มคือชื่อของปู่ ส่วนเทวานั้นหมายความว่าเขายกย่องการร่ายรำของปู่เหมือนเทวดาลงมารำให้แลพรรนั้นเชียว
แก้วมองไปที่ร่างของปู่ พริ้ม เทวา ซึ่งโรคอัมพาตได้เข้าสต๊าฟร่างของแกไว้หลายปีแล้วด้วยความหดหู่ใจ เธอไม่เคยรู้ว่าปู่รู้สึกอย่างไรกับกลอนมโนราห์ที่พ่อบังคับให้เธอคอยขับให้ปู่ฟังอยู่ทุกวัน จะรับรู้ได้บ้างสักนิดหรือเปล่าก็ตอบไม่ได้ บางคราวเธอจึงขับเป็นกลอนออกมาในทำนองตัดพ้อต่อชะตาชีวิตให้ปู่ฟัง
ว่าออออปู่เหอปู่หนอปู่ เป็นพรานบุญเจ้าชู้ปากหวาน
มัดย่าพาหนีไม่ทันนาน ก็เกิดผลสำราญได้พ่อมา
เป็นเชื้อมโนราห์มโนรี จนเหมือนไม้เสียบผีใครอิจฉา
ที่เขาชมเพราะเขาสมสุขอุรา แต่หลังฉากมีน้ำตาของโหม(พวก)เรา
ไม่ทิ้งเชื้อถึงหลานยังงานหนัก มัวแต่หลงจมปลักในเรื่องเขลา
เล่นโนราห์ก็เหมือนเล่นกับเงา เหลือแต่คนขี้เมายังไม่แล
ยังจะให้สืบสานถึงหลานอีก ทั้งที่ปีกมโนราห์ท่าหักแน่
แต่พรานบุญพริ้มเทวาไม่น่าแช(ช้า) คงแหงแก๋พร้อมกลองทับกับโนราห์
พรานบุญรุ่นปู่นอนนิ่งเพียงกะพริบตา พรานบุญรุ่นพ่อก็สิ้นท่า เคยอาศัยเชือกปะกำไล่จับได้นางมโนราห์ทุกคราวแสดง แต่วันนี้แม่ของแก้ว ซึ่งว่าตามจริงก็เปรียบได้กับนางมโนราห์ของพ่อ เพิ่งจะขนข้าวของฝ่าสายฝนพรำกลับบ้านเก่านครศรีธรรมราชไปแต่แรกเช้า ไม่เห็นเชือกปะกำของพ่อจะได้แสดงอิทธิฤทธิ์มัดแม่ไว้ได้
คนที่เคยแปลกหน้าต่อกัน ใครบ้างจะเลือกทนอยู่กับความจน แม่ไป แต่แก้วเลือกอยู่กับปู่และพ่อ เธอไม่เอ่ยคำใดเมื่อไปถึงโรงเรียน แต่น้ำตาก็เอ่อท้นออกมา น้ำตาไม่รอเอ่ยคำ&
วันนี้เป็นวันครู แก้วกลืนข้าวไม่ลงมาแต่เช้า ผู้ว่าราชการจังหวัดรับหน้าที่ประธานกล่าวเปิดพิธี หน้าเสาธงคือนักเรียนและครูสามพันกว่าคน ที่ยืนอยู่บนเสาธงคือผู้ว่าฯ และมีแก้วถือพานดอกไม้อยู่เบื้องหลัง
แดดร้อนเปรี้ยง ผู้ว่าฯพูดไม่วางไมค์เกือบครึ่งชั่วโมง จิตใจแก้วเบาโหวง ท้องก็ว่าง จากนั้นหน้าเริ่มมืด เมื่อลมร้อนพัดวูบเข้ามา ภาพที่เคยปรากฎชัดก็ถูกกลบด้วยสีดำ
มีนักเรียนหลายคนเป็นลมและถูกประคองออกจาหน้าเสาธงก่อนจะถึงคราวของแก้ว ที่จริงแก้วมีหน้าที่จะต้องรำเปิดพิธีหลังจากประธานกล่าวจบ แต่นี่เธอไม่ได้กินข้าว ซ้ำยังเป็นลมแดด ท่าว่าวันนี้ผู้ว่าฯจะต้องรำเสียเอง ขณะแก้วกำลังได้รับการปฐมพยาบาลด้วยแอมโมเนียจากเพื่อนเวรห้องพยาบาล
เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวตอนที่ผู้ว่าฯกล่าวจบ เหมือนจะย้ำเตือนให้ประธานในพิธีรีบลงจากแท่นโดยเร็ว จากนั้นเสียงกลองทับ รำมะนา ปี่ชวา จึงบรรเลง มีตัวแทนขึ้นตีโพนเปิดพิธีดังตุ้มตุ้มถี่กระชั้น
ไม่ใช่แอมโมเนีย แต่เป็นเสียงโพน ปี่ กลองทับ รำมะนา นั้นเองที่ทำให้แก้วรู้สึกตัว ในรู้สึกนั้นเธอพาตัวเองขึ้นไปรำป้ออยู่บนแท่นเสาธงเหมือนบินลงมาจากป่าหิมพาน แก้วลืมรู้สึกหิว ลืมโศกเศร้า ท่วงทำนองร่ายรำเหมือนประดิษฐ์ขึ้นตามธรรมชาติโดยสายเลือด และราวกับว่าสิ่งนี้เป็นทิพย์เหนือทุกสิ่งปวง รวมกระทั่งเหนือจิตและวิญญาณของเธอ
ไม่มีใครหน้าเสาธงเป็นลมอีกเช่นกัน ทุกดวงตาจับจ้องท่ารำราวต้องมนต์สะกด เหมือนน้ำชุ่มจากสวรรค์ที่หลั่งรินลงโชลมเปลวแดดให้ร้อนคลาย นานมาแล้วที่เด็กนักเรียนไม่ได้เห็นมโนราห์ แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นในวันนี้ หลายคนประทับภาพอยู่ในใจแล้ว
ทุกคนชมว่านิ้วมือของแก้วงามกว่าใครเสมอ วันนี้เหมือนแก้วจะฟ้อนเกี่ยวดอกฟ้าให้คนชม
เธอร่ายรำ และดนตรีบรรเลง มโนราห์ตื่นแล้วในเช้านั้น
Relate topics
ชิดชบา
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
ปรางแก้ว!!~ [ Oh - mY liFe ]
ชอบโนราห์ (Not Member)
มโนราห์ธาราทิพย์ (Not Member)
สาวหมุย (Not Member)
อารยมนต์ (Not Member)
เอี๋ยน (Not Member)
soaien (Not Member)
อ้นอ่อนนุช (Not Member)
น้ำพริก (Not Member)
แบงค์ครับ (Not Member)
เคียม (Not Member)
แช้ม ทุ่งใหญ่ (Not Member)
กิตติเทพ ลั่นคีรี (Not Member)
อ้อมน้อย (Not Member)
แหวน (Not Member)
หลานพ่อแก่พระยาสายฟ้ (Not Member)
กวาง (Not Member)
บอส (Not Member)