โดยมิได้นัดหมาย

by ภู @12 ก.ย.48 19.32 ( IP : 203...133 ) | Tags : กระดานข่าว

คงเป็นเพราะช่วงหยุดยาว ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ทำให้รถโดยสารป.2 สายกรุงเทพฯ-สุรินทร์เที่ยวนั้น แน่นเป็นพิเศษ

15.00 น. คือเวลาที่ระบุไว้ในตั๋วโดยสารไม่มีเลขที่นั่ง ว่ารถจะเริ่มเคลื่อนออกจากสถานีขนส่งหมอชิต และในเวลาที่ว่านั้น บนรถมีเก้าอี้เสริม(พลาสติก)เพิ่มขึ้นมาอีกแถว ซึ่งมันได้ทำให้รถป.2 ที่ปรกติมีเก้าอี้เรียงชิดกันแน่นอยู่แล้ว ทวีความหนาแน่นขึ้นมาอีกเท่าตัว จนอุณหภูมิของแอร์ไม่สามารถระบายอากาศและความอึดอัดได้

แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปด้วยรถคันนี้อย่างผม ย่อมโชคร้ายกว่านั้น...

ด้วยความหนาแน่นของผู้โดยสารที่แทบจะทะลักล้น ผมและเพื่อนร่วมทางอีกหลายคนจึงถูกระเห็จลงไปนั่งชันเข่ารวมกันอยู่ที่ใต้ท้องรถ ไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่างให้มองออกไปภายนอก แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ทุกคนดูจะยอมรับสภาพและไม่มีใครแสดงอาการโต้แย้งหรือเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ ให้ตนเอง

อีกกว่า 6 ชั่วโมง ที่ผมจะต้องถูกจองจำอยู่ใต้ท้องรถคันนั้น เวลาคงผ่านไปอย่างเชื่องช้าสุดประมาณ

ตลอดเส้นทาง ผมแทบไม่รู้(ความจริงคือไม่รู้เลย)ว่ารถแล่นผ่านไปถึงไหนต่อไหน รู้แต่ว่าในระหว่างทางที่ผมมองไม่เห็นนั้น รถได้แวะจอดรับคนขึ้นมาเป็นระยะๆ และแน่นอน พวกที่ขึ้นโดยสารทีหลังทุกรายถูกส่งไปนั่งเบียดเสียดกันอยู่ใต้ท้องรถทั้งหมด ทีนี้พอจะเดาออกไหมว่าภาพของความแออัดนั้นเป็นแบบไหน

ความจริง เฉพาะแค่การที่ผู้โดยสารต้องนั่งเบียดเสียดกันไปทั้งคันรถก็ดูน่าจะเป็นเรื่องแย่พออยู่แล้วสำหรับรถป.2 คันนี้ แต่เมื่อรถจอดรับชายคนหนึ่งขึ้นมาและยัดเขาเข้าไปอยู่รวมกับชุมชนแออัดใต้ท้องรถ ความยุ่งยากใจในเรื่องที่ผ่านๆ มาก็กลายเป็นเรื่องเล็ก ..โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปัญหาที่เราได้รับจากชายคนนี้ในเวลาต่อมา

"น้องๆ เดี๋ยวแวะจอดซื้อเหล้าให้พี่หน่อยได้ไหม" ชายที่มาใหม่พูดกับกระเป๋ารถ

"ไม่ได้หรอกพี่ บนรถห้ามกินเหล้า" กระเป๋ารถบอกกติกา

"หน่อยน่า พี่ให้ 50 บาทต่างหาก เดี๋ยวน้องแวะซื้อเหล้าให้พี่แบน"

"ไม่ได้ครับ มันเป็นกฎ ! " กระเป๋ารถพูดเฉียบขาด ชายคนนั้นไม่พูดต่อ แต่เขาพยายามเบียดร่างผู้คนที่นั่งยัดกันเหมือนอัดกระป๋องเข้าไปถึงกระเป๋ารถจนได้ ผมเห็นยิ้มของเขา

"พี่ถูกชะตากับน้องจริงๆ เดี๋ยวพี่จะให้พระสักองค์" พร้อมๆ กับที่พูด ชายคนนั้นควักเอาสร้อยประคำที่ห้อยพระไว้เป็นพวงออกมาจากในเสื้อ เขาถอดสร้อยเส้นนั้นออกจากคอ ยื่นส่งให้กระเป๋ารถ

"นี่เพราะถูกชะตาหรอกนะ เลือกเอาเลยหนึ่งองค์" เขายื่นพวงสร้อยประคำที่ชุมนุมอยู่ด้วยเกจิจากหลายสำนักส่งให้กระเป๋ารถ กระเป๋ารถมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าว่าเขาจะเป็นคนชอบพระเครื่องอยู่ไม่น้อย

"พี่ให้ผมเลือกจริงหรือ ?" ชายเจ้าของพระเครื่องเหลือบตามอง พร้อมพยักหน้า กระเป๋ารถจึงเด็ดพระองค์หนึ่งไป

ภาพที่ผู้ร่วมชะตากรรมใต้ท้องรถต่างเห็นโดยพร้อมเพรียงอย่างมิได้นัดหมาย ตอนที่รถจอดเติมน้ำมันในปั๊มแห่งหนึ่ง คือชายหน้ามันเจ้าของพระเครื่องพวงใหญ่ พร้อมด้วยสุรา 35 ดีกรีหนึ่งแบน เขาค่อยแกวกเข้าไปนั่งกร่างอยู่กลางความแออัดด้วยท่าทีไม่กลัวใคร มือซ้ายบิดขวาขวดเหล้าเสียงดังกร๊อบ

"พี่ๆ บนรถเขาห้ามกินเหล้า" เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งร้องเตือน

"ใครห้าม?" ชายที่มีขวดเหล้าอยู่ในมือถาม พร้อมกวาดสายตามองไปรอบทิศทาง ผมมองไปที่กระเป๋ารถ เห็นเขาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ มือกุมกระเป๋าเสื้อที่ใส่พระเครื่องไว้แน่น ชายผู้ถือเหล้ายิ้มอย่างสาแก่ใจ เขายกขวดเหล้าขึ้นดื่ม ราวกับกำลังฉลองชัยชนะต่ออะไรบางอย่าง

คงพอจะเดากันออกใช่ไหม หลังจากดื่มเหล้าไปได้ครึ่งแบน ชายผู้มากมายด้วยบารมีก็เริ่มออกฤทธิ์เดช เกะกะระรานสะเปะสะปะ มือไม้อยู่ไม่เป็นที่ เที่ยวจับหน้าจับนมเมียชาวบ้านเขาไปทั่ว กลิ่นเหล้าก็คละคลุ้งไปทั้งคันรถ ที่สำคัญ กระเป๋ารถก็ดูกระอักกระอ่วนจนไม่สามารถช่วยอะไรใครได้เลย มันเป็นความจริงที่ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และผมเริ่มยอมรับกับมันไม่ไหว

"เอาเงินไป เอาเงินปายย " ขี้เมาหน้ามันพยายามอวดกระเป๋าและเงินที่เขามีให้คนอื่นๆ ดู ไม่มีใครสนใจเขา ทุกคนมีแต่ความอึดอัด รำคาญ และอยากกระโดดถีบ(ถ้าทำได้) พร้อมกันนั้น เขาพยายามยกเอาพวงพระที่เขามีขึ้นมาโชว์หลายครั้ง ทั้งหมดทั้งปวงที่เขาทำ มันทำให้เวลาหกชั่วโมงที่ยาวนาน กลายเป็นหกชั่วโมงในนรกโดยแท้

ค่ำแล้ว รถจอดรับประทานอาหาร ข้างนอกรถมีฝนตก นั่นทำให้ทุกคนพยายามรีบวิ่งฝ่าสายฝนออกไปจนไม่มีใครสนใจใคร และแน่นอนที่สุด ไม่มีใครสนใจชายคนนั้น

จนกระทั่งรถออกเดินทางอีกครั้ง พร้อมๆ กับความอิ่มหนำของผู้โดยสาร เราจึงพบว่าชายคนหนึ่งกำลังประสบกับข่าวร้าย

กระเป๋าเงินของชายขี้เมาสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เขาโวยวาย ทว่าในใจชองทุกคนคงมีแต่เสียงหัวเราะเยาะ

"ใครเอาเงินกูไป ใครเอาไป ช่วยกันหาหน่อย ถ้าใครเจอเดี๋ยวจะให้ห้าร้อย" เขาพยายามหาทางเพื่อจะได้กระเป๋าคืน แต่ไม่เป็นผล เขายกเหล้าขึ้นซดวูดใหญ่

"อย่าให้กูรู้ว่าใคร อย่าให้กูรู้!" แล้วไม่นานเขาก็หลับผล็อยไป

ผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตของชายคนนั้นอีก หลังจากที่ผมลงจากรถที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ สิ่งเดียวที่ผมรู้ คือเขาคงไม่มีวันพบกระเป๋าใบนั้น เพราะตอนที่กลับขึ้นรถหลังกินข้าวเสร็จ ผมเห็นชาย 3 คนกำลังแบ่งบางสิ่งบางอย่างกัน ก่อนจะเอากระเป๋าใบหนึ่งทิ้งถังขยะไป

ไม่ใช่เฉพาะผม แต่พนันได้ว่าเกือบทุกคนที่โดยสารรถคันเดียวกันมาก็เห็นอย่างนั้น และหนึ่งในสามคนที่ว่าก็คือกระเป๋ารถคันนั้นนั่นเอง

ผมไม่แปลกใจที่ไม่มีใครช่วยชายขี้เมารายนั้น ทุกคนรวมตัวกันไม่ช่วยโดยมิได้นัดหมาย

...วันนั้นเป็นวันมาฆบูชา...

Comment #1
ชิดชบา (Not Member)
Posted @13 ก.ย.48 10.37 ip : 203...82

โอ้โห โอ้โห ..  ยอดเยี่ยมกระเทียมดองวะ ..  พับผ่า.. เหตุการณ์เกิดวันมาฆะพอดีเลยนะ..  แต่ก็คงไม่เกินจริงใช่มะ

ไอ้บรรยากาศนี้ของรถ ป.2 เนี่ยนะ ยัดห่.. รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม แม่..งจะรู้เรื่องมั่งเปล่าวะ ว่าชาวบ้านที่เลือกพวกเอ็งเข้ามา แม่งผจญกับคุณภาพชีวิตแบบนี้แทบทุกวี่วัน .. ทุกเที่ยวรถโดยสาร..

ใครจะว่างัยก็ตาม ป.2 นี่แหละ จอมเอาเปรียบคนโดยสารเลย ยัดห่.. เบาะแถวละ 4 มันเพิ่มเป็น 5 แถวที่นั่งเสริมเก้าอี้พลาสติกตรงกลางอีกตะหาก .. มันเป็นรถเอกชน แต่ละสาย นั้น มีหลายเจ้าของรถนำรถมาร่วม เช่น สาย 25 ไปอุบล มีกว่า 6 บริษัทฯ มาร่วม เขาเลยเรียกรถร่วม .. ร่วมกันเอาเปรียบผู้โดยสารงัย

เงินค่าโดยสารตะบี้ตะบัน เพิ่มได้เรื่อยๆ...  รถ 99 ของ บขส. เองก็ครือกัน .. ระวัง ถ้าคุณคิดจะเดินทางโดย ป.2 เพิ่มเงินอีกนิด นั่ง ป.1 ดีกว่า.. แต่โปรดระวังอีกต่อ .. ป.1 บางสาย บางบริ?ษัท .. แม่..งก็ระยำ รับคนเต็มรถเหมือนกัน ..  ผู้โดยสารถูกเอาเปรียบคือกัน ..

Comment #2
Posted @13 ก.ย.48 14.23 ip : 203...12

ช่วงเทศกาลมีรถไม่พอเพียงต่อปริมาณคน  แต่ช่วงวันธรรมดาคนกลับไม่มีพอเพียงต่อปริมาณรถ  การจะเพิ่มจำนวนรถ เที่ยวเดินรถ  หรือกระทั่งขยายถนนก็เป็นนโยบายที่ดี  แต่สิ่งที่รัฐควรกระทำมากกว่าก็คือ  การจัดการให้ประชากรท้องถิ่นสามารถอยู่ได้ในท้องถิ่นตน  ไม่ใช่ไปแออัดยัดกันอยู่แต่ในกทม.

ผมเห้นด้วยกับการย้ายเมืองหลวงไปจากกทม.    นั่นจะเป็นการกระจายความเจริญและระบายผู้คนออกจากกทม.ได้ดีที่สุด    แน่นอนที่รัฐจักต้องกระทำทุกอย่างอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ (แม้จะเป็นการคาดหวังลมลมแล้งแล้งก็ตามที)

ผมเคยคิดเล่นๆว่า  หากกระทรวงต่างๆแยกย้ายกันไปอยู่ในภูมิภาคต่างๆ  มันน่าจะดีกว่านี้  ในเมื่อระบบสื่อสารของโลกมันสามารถสื่อกันได้ระหว่างคนบนโลกกับนักบินอวกาศนอกโลกได้อย่างรู้เรื่องเข้าใจ      นอกเสียจากเราจะมีนักการเมืองและข้าราชการโง่ๆเท่านั้น  ที่ฟังภาษาไทยไม่ออก


การสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินบนดินทั้งหลายควรทำ  การสร้างถนนเพิ่มควรทำ  การซื้อรถไฟความเร็วสูงควรทำ  อะไรๆที่เกี่ยวกับการคมนาคมให้ดีขึ้นควรทำทั้งสิ้น  แต่การระบายความยัดเยียดกันในกทม. เป็นเรื่องน่ากระทำกว่า

แต่จะคาดหวังอันใดได้?  สนามบินหนองงูเห่าโครงการข้ามชาติก็ยังยุ่งๆเหยิงๆมาจนทุกวันนี้  ผ่านมากี่ปีแล้วหนอ?

Comment #3
ศิริโศภณ (Not Member)
Posted @7 มิ.ย.49 17.21 ip : 203...7

คึดฮอดหลาย คิดถึงนักๆๆ ส่งเข่งหมอกดอกเหมยมาบ้างเน้อ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 83 user(s)

User count is 2442492 person(s) and 10252827 hit(s) since 28 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).