คำสารภาพของกามเทพ(บางทีก็รู้สึกว่ามันยาวจนเกินไป)

by queer @30 ธ.ค.48 2.02 ( IP : 61...171 ) | Tags : กระดานข่าว

คำสารภาพของกามเทพ
ข้าพเจ้ามีความปรารถนา  นับจากที่ได้ค้นพบศรแห่งการลืมเลือน  ชีวิตกามเทพของข้าพเจ้าก็พลันเปลี่ยนแปลง  ข้าพเจ้าเองต้องยอมรับว่าเหนื่อยหนักกับหน้าที่และแสนสะอิดสะเอียนกับเรื่องราวความรักอันหวานซึ้งมากขึ้นทุกที  ข้าพเจ้าปรารถนาให้ตัวเองกระทำสิ่งที่แตกต่างออกไป  ข้าพเจ้าอยากลองหาโอกาสใช้ศรแห่งการลืมเลือนที่เพิ่งค้นพบนี้สักครั้ง  พูดตามความจริงลึกๆแล้วข้าพเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงตนเองจากผู้สร้างเป็นผู้ทำลายดูบ้าง ข้าพเจ้าใช้เวลาเกือบ  เดือนในการนั่งนิ่งอยู่ในวิมานของตน  หลับตา  แล้วก็ฟังเสียงพร่ำเพรียกเรียกร้องขอสิ่งต่างๆที่ดังก้องในหูมาตลอดนับตั้งแต่ได้รับศรดอกนั้นมา  มันยากกว่าที่ข้าพเจ้าคิด  การจะหาใครสักคนที่ต้องการจะลืมคนรักของตนไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย  แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มี ในที่สุดข้าพเจ้าก็ตัดสินใจ  ลงสู่โลกมนุษย์ตามเสียงพร่ำเพรียกของชายคนหนึ่ง  ข้าพเจ้าลงมาเดินสวนกับมนุษย์ธรรมดาสามัญทั้งหลายตามท้องถนน  โดยไม่กังวลว่าจะมีใครสงสัยในการแต่งตัวอันแปลกพิกลของตนเอง  สำหรับมนุษย์เดินดินทั้งหลาย  ข้าพเจ้าเป็นเพียงสายลมวูบหนึ่งที่ผ่านเขาไปเท่านั้น  ข้าพเจ้าตามเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆของชายคนดังกล่าวเมื่อข้าพเจ้าเข้าใกล้เขา  จนในที่สุด  ก็มาถึงร้านเหล้าเล็กๆแห่งหนึ่ง ร้านแห่งนี้เป็นเพียงห้องเล็กที่ถูกขนาบด้วยร้านสะดวกซื้อขนาดมหึมา  แขกในร้านมีประปราย  และดูเหมือนจะต้องการความเป็นส่วนตัวเอามาก  บาร์เทนเดอร์วัยกลางคนจึงมีหน้าที่เพียงเช็ดแก้วอยู่ที่บาร์ขณะที่ตาก็จ้องมองสาวน้อยในโทรทัศน์  ส่วนเป้าหมายของข้าพเจ้าน่ะหรือ  โน่นแนะ  ฟุบหน้าเดียวดายอยู่บนโต๊ะในสุดของร้านตรงข้ามบาร์  มือกำแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองอ่อนและน้ำแข็งก้อนเล็กจิ๋ว
ข้าพเจ้าถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา  เขายังคงหลับสนิทไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ข้าพเจ้าจึงยื่นมือไปแต่ต้นแขนเขาเบาๆ

“ตื่นเถิด  ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” เงาจางๆค่อยเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะช้าๆ  เขามองข้าพเจ้าด้วยความประหลาดใจ “คุณเป็นใคร?” “แค่คนผ่านทางมา”ข้าพเจ้าตอบเรียบๆ “แล้วต้องการอะไร?”เขาถามต่อ “อยากรู้เรื่องที่เจ้าไม่สบายใจ” เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพูดว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม” ข้าพเจ้าพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเข้าใจ “เรื่องความรักล่ะสิ” เขาตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะปฏิเสธ “คุณจะบ้าเหรอ  ผมกังวลเรื่องงานต่างหาก” “เหอะ  งาน  ถ้างานมีปัญหาทำไมเจ้าถึงพร่ำเพ้อเรื่องอยากจะลืมใครคนนั้นเล่า” “คุณรู้ได้ยังไง  ผมละเมออกมาเหรอ”เขาขึ้นเสียง ข้าพเจ้าถอนหายใจก่อนตอบ “ข้าไม่จำเป็นต้องแอบฟังเจ้าละเมอหรอก  มองไปรอบๆสิ  สังเกตบ้าง  มีใครสนใจเจ้าไหม  ทั้งที่เจ้าพูดคุยเสียงดังอย่างนี้”

ดูเหมือนเขาจะเพิ่งสังเกตว่าคนรอบข้างยังคงดำรงชีวิตราวกับไม่มีเขาอยู่ในโลก  เขาหันไปตะโกนเรียกบาร์เทนเดอร์สุดเสียงแต่ก็ไม่มีการตอบรับ “เอาล่ะ  พร้อมจะฟังข้าหรือยัง?”ข้าพเจ้าถาม “นี่คือความฝัน?”เขาถามกลับมา “ไม่  นี่คือความคริง  ความจริงที่เจ้าคาดไม่ถึง” “คุณเป็นใครกันแน่?” ข้าพเจ้าก้มหน้าลงเล็กน้อย  ดูจะยากเอาการที่จะทำให้เขาสนใจในเนื้อหาที่ข้าพเจ้าจะบอกต่อไปหากไม่ตอบคำถามนี้เสียก่อน “ข้าคือคนที่รู้สึกผิด  ที่.....ที่มีส่วนทำให้เจ้าเจ็บช้ำจากความรัก”เขายังคงจ้องมาโดยไม่พูดอะไร “ข้าจึงมีข้อเสนอให้เจ้า  ข้อเสนอที่จะแลกกับทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”ข้าพเจ้าพูดต่อ “ทุกสิ่งเหรอ?  ข้อเสนอ?” “ข้าจะทำให้เจ้าลืมคนที่เจ้ารัก  ลืมนางไปตลอดกาล  แลกกับทุกสิ่งที่เจ้าอยากได้” เขาครุ่นคิดอยู่นาน  มองข้าพเจ้าบ้าง  หลับตาบ้าง  จนเวลาผ่านไปนาน “ผมไม่ต้องการอะไร  ผมแค่อยากลืมเธอ” “ตกลงว่าเจ้ารับข้อเสนอ” “ผมจะลืมเธอไปตลอดใช่ไหม?”

ข้าพเจ้ายิ้มก่อนตอบ “แน่นอน  ทุกสิ่งที่เจ้าและเธอทำร่วมกันมา  ทุกความทรงจำ  จะถูกกักไว้ในที่  ที่เจ้าไม่มีทางค้นเจออีกตลอดกาล” เขาพยักหน้ารับ  ข้าพเจ้าสูดลมหายใจเข้าลึก  เอาล่ะความปรารถนาของข้าพเจ้ากำลังจะสำเร็จแล้ว  แต่ก่อนอื่น  ข้าพเจ้าอยากทราบอะไรบางสิ่งจากปากเขา “เล่าข้าฟังได้ไหม  เรื่องเจ้ากับนาง” เขามองข้าพเจ้านิ่ง  ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าและเริ่มเล่า

ผมเจอเธอครั้งแรกตอนเข้าปี 1เราต่างกันลิบลับแทบไม่น่าเชื่อว่าจะโคจรมาเจอกันได้ด้วยซ้ำ  เธอน่ารัก  เป็นดาวของคณะ  ร่ำรวย  และมีเสน่ห์ขณะที่ผมเป็นแค่เด็กบ้านนอกต็อกต๋อยคนหนึ่ง พูดก็ไม่ค่อยเก่ง เรามาเจอกันตอนที่...ที่มีกีฬาของมหาวิทยาลัย  ผมดูแลสแตนด์กองเชียร์ขณะที่เธอเป็นเชียร์ลีดเดอร์  แล้วหลังจากนั้นเราก็ได้ทำงานด้วยกันเป็นว่าเล่นแต่ผมก็ไม่หวังอะไรมากหรอก  เราต่างกันเกินไป เหตุการณ์มันมาเปลี่ยนแปลงเอาวันที่เราต้องอยู่เตรียมการรับน้องกันจนดึก  แถมแม่เธอที่ปกติมารับมาส่งเป็นประจำก็มารับไม่ได้  เธอต้องกลับเองผมก็เลยไปส่ง  บ้านเธออยู่ลึกมากนะ  เปลี่ยวด้วย  เราต้องเดินเข้าไปเพราะไม่มีรถแล้ว  แต่ผมมีความสุขมากเลยล่ะ เราเดินกันไปคุยกันไป  เหมือนฝันเลยล่ะ วันต่อมาแม่เธอก็มาขอบคุณผม  แถมยังฝากฝังให้ผมช่วยดูแลเธอด้วย  แน่นอนล่ะ  ผมก็รับด้วยความเต็มใจ  นับแต่นั้นเราก็สนิทกันมากกว่าใคร  แล้วเราก็กลายเป็นแฟนกัน  ตอนไหนก็ไม่รู้ ขึ้นปี 2 แม่เธอก็ไม่มารับอีกต่อไป  เวลาตอนเช้าก็มาส่งเธอที่หน้าหอพักผม  แล้วตกเย็นผมก็ไปส่งเธอที่บ้าน  มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก  ทุกสายตามองผมด้วยความอิจฉา  เวลาผมกับเพื่อนมาสังสรรค์กันที่ร้านนี้  เธอก็มานั่งคอย  เป็นอย่างนี้ตลอดจนเราขึ้นปี 4

แต่ลึกๆแล้ว  ผมอยู่อย่างหวาดระแวงมาตลอด  ผมไม่รู้ว่าเธอรักผมหรือเปล่า  เธอไม่เคยบอกให้ผมรู้ขณะที่ผมเฝ้าเพียรถาม  ระหว่างนี้ก็มีหลายคนเข้ามาจีบเธอ  แม้เธอจะไม่เล่นด้วยแต่ผมก็ยังกังวล  กลัวว่าสักวัน  สักวันจะมีคนที่สมบูรณ์พร้อมกว่าผมเข้ามาในชีวิตเธอ คุณเชื่อไหม  ความกลัวของผมเป็นจริง  มีลูกชายของเพื่อนพ่อเธอมาจีบเธอ  หนุ่มนักเรียนนอก  ทายาทบริษัทใหญ่  ที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง  ผมสังเกตมานานแล้ว  ว่าหมู่นี้เธอเงียบๆไป  ดูเหมือนมีปัญหา  แล้ววันนี้เรามาทำงานกันที่มหาวิทยาลัยมันก็มารับเธอเมื่อตอนเที่ยง  คุณรู้ไหม  เธอบอกผมว่ายังไง  เธอบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“ไปก่อนนะ  ขอเจนไปเคลียร์เรื่องงานแต่งงานของเจนก่อน” ผมแทบบ้า  ผมจะไปสู้อะไรเขาได้  ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมเป็นแค่คนเพ้อฝันคนหนึ่ง  คนเพ้อฝันที่มี  ฝันอย่างเป็นศุกร์  มาตลอด 3ปี  โดยไม่รู้ว่าพอตื่นขึ้นมาจะต้องเจ็บปวดขนาดนี้

ข้พเจ้ายื่นมือไปแตะหน้าอกเขาช้าๆ  ร่างเขาสะดุ้งสุดตัว  มือของข้าพเจ้า  เอื้อมไปถึงหัวใจของเขา  ข้าพเจ้าลูบมันอย่างทะนุถนอม  ไม่มีลูกศรใดติดตรึงอยู่กับใจดวงนั้น  มีเพียงรูเล็กที่เป็นพยานว่าครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยยิงลูกศรมาติดตรึงเอาไว้ที่นี่  ฉับพลันข้าพเจ้าพลันนึกถึงผู้ลิขิตอีกครั้ง  นี่สินะภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตาแก่คนนั้น  ภาระหน้าที่ที่ต้องสร้างความเจ็บช้ำแก่ผู้คนโดยมีข้าพเองเป็นแขนขากระทำแทน “จงหลับตาลงเถิด”ข้าพเจ้าพูดพลางกำมือ  ลูกศร  หัวกลมหางย้อมสีแดงดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ “หลับตาแล้วก็ลืมมันไปตลอดกาล” ช้าพเจ้าดันหัวลูกศร  เข้าไปในหัวใจเขาช้าๆ “เปรี๊ย!!” บาร์เทนเดอร์กลางคนเดินมาที่โต๊ะพลางสะกิดชายหนุ่ม “เต้! เต้! ตื่น ตายห่า ไอ้เต้  ตื่นเร็ว” ชายหนุ่มค่อยๆงัวเงียลุกขึ้น  มือที่กำแก้วคลายออก  แก้วใบนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ  เลือดสีแดงเข้มหยดลงบนโต๊ะ “ชิบหาย  ฝันเรื่องอะไรวะ  บีบแก้วซะแหลกคามือเชียว  เลือดออกด้วย  เจ็บไหมน่ะ?” ชายหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างงุนงง  ก่อนจะพูดเบาๆ
“ไม่เป็นไรพี่  ผมปวดหัวน่ะ” บาเทนเดอร์ประคับประคองเต้ไปหลังร้าน  ข้าพเจ้ายังคงนั่งยิ้มกริ่มอยู่ที่เดิม  มองดูชายหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อความปราถนาของข้าพเจ้าผู้นั้นทำแผลเงียบๆก่อนจะติดตามเขากลับที่พัก เช้าวันถัดมาข้าพเจ้าเห็นเต้ถูกกระชากลงจากเตียง  โดยชายหนุ่ม 2  ที่บุกรุกเข้ามาในห้องพักของเขา  จากคำพูดของพวกเขาข้าพเจ้าคาดว่าทั้ง 2 คงจะเป็นเพื่อนสนิทของเต้  พวกเขาขับไล่ไสส่งให้เต้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะลากเต้ขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง  โดยมีข้าพเจ้าติดตามไปด้วยเงียบๆ ข้าพเจ้าชักหน้าเสียด้วยความรู้สึกสงสารเต้  ระหว่างทางชายหนุ่มทั้ง 2 ซึ่งดูจะโกรธเคืองเต้เอามากๆระบายอารมณ์ใส่เขาตลอดเวลา  พวกเขารุมซักไซ้  วิเคราะห์  ตีความ  ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเต้  แน่นอน  ไม่มีคำอธิบายใดๆที่ถูกต้องหรอก
พวกเขานำเต้มาที่ร้านอาหารชื่อดัง  ที่นั่นหญิงสาว 2 คนนั่งรออยู่เงียบๆ  หนึ่งในนั้นดูอิดโรยและเศร้าสร้อย  เมื่อเห็นหน้าเต้  หญิงสาวคนนั้นก็เริ่มร้องไห้  ข้าพเจ้าทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ว่างของโต๊ข้างเคียง  ขณะที่เต้นั่งทำหน้าเหลอหลาอยู่อีกฝั่ง  หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มวิพากษ์เต้ผู้น่าสงสารของข้าพเจ้าอีกครั้ง ในสายตาของพวกเขาเต้คือนักโทษประหารผู้มีความผิดอันมิอาจให้อภัย  พริบตานั้นข้าพเจ้าพลันรู้สึกผิดเสียแล้วที่ทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น  มันเป็นสิ่งที่เกิดจากกิเลสของข้าพเจ้าเองโดยแท้
“ไอ้เหี้ยเต้มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย!!!” “เราไม่เคยคิดเลยนะว่าเต้จะเป็นคนแบบนี้” “ไอสัดเต้เอ๊ย  มึงสนุกมากไหมเนี่ย!!!” “มึงเห็นเจนร้องไห้ไหม๊  มึงเห็นน้ำตาเจนไหม๊  เมื่อไหร่มึงจะเลิกเล่นวะ!!!” ท่ามกลางเสียงก่อนด่า  สาปแช่งนั้น  หญิงสาวผู้รับเคราะห์ก็เอ่ยปากขึ้น “เจนไม่รู้ว่าเต้เป็นอะไรนะ  แต่เต้ไม่เชื่อเจนเหรอ  ว่าเจนบอกยกเลิกแผนแต่งงานของพ่อแล้ว  เจนไม่ต้องแต่งงานแล้ว  เต้ไม่เชื่อเจนเหรอ?” ทุกสายตาบนโต๊ะหันมาจับจ้องที่เต้ “ผม.....ผมขอโทษนะ  ผมเชื่อคุณ  คุณเจน  แต่  ผมจำไม่ได้จริงๆ  ตั้งแต่คุณโทร.มาเมื่อคืน  ผมพยายามนึก  พยายามไล่เลียงแล้ว  ผมจำไม่ได้จริงๆว่าเราเคยรู้จักกัน” ชายหนุ่มที่นั่งขนาบข้างเต้อ้าปากเตรียมจะก่นด่าเขาอีกครั้ง  แต่เจนขัดขึ้น “เต้จำเจนไม่ได้จริงๆ?” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ดูเหมือนทุกคนรอบโต๊ะจะเพิ่งรับรู้ความจริงในครั้งนี้เอง  พวกเขารับรู้ได้แล้วว่า  เต้  ไม่ได้แกล้งเล่นละครอีกต่อไป “เต้จำเรื่องของเจนไม่ได้เลยเหรอ” เต้ส่ายหน้า “เต้จำตอนงานกีฬาปี 1หนึ่งได้ไหม” เต้ส่ายหน้า “ตอนที่เต้ส่งเจนกลับบ้านล่ะ?” เต้ส่ายหน้า “ตอนที่เรามาทำการบ้านด้วยกันล่ะ?” เต้ส่ยหน้า “แล้วจี้อันนี้ล่ะ  ที่เต้ให้เจนตอนวันวาเลนไทน์ปีแรก  จำได้ไหม?” เต้ส่ายหน้า “แหวนนี่ล่ะเต้  วันเกิดเจนไง” เต้ส่ายหน้า “ครั้งแรกที่เราไปเที่ยวกันล่ะเต้?” เต้ส่ายหน้า “ครั้งแรกที่เต้บอกรักเจนล่ะ” เต้ยังคงส่ายหน้า ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า  หากข้าพเจ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเจนนี้ข้าพเจ้าจะทนไปได้ถึงเมื่อใด  ข้าพเจ้าคงร่ำไห้ออกมาเป็นแน่เมื่อพบว่าคนที่ข้าพเจ้ารักไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับข้าพเจ้าอยู่เลย  แต่หญิงสาวนางนี้เข้มแข็งเกินกว่าที่ข้าพเจ้าคิด  ข้าพเจ้าเห็นเพียงหยดน้ำเอ่อคลอที่ดวงตาของเธอ  แต่ดูเธอจะยังไม่ละความพยายาม  เธอยังคงไล่เรียงความหลังออกมาเรื่อยๆ  แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับไปคือความเงียบ เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไป  จนราตรีกาลอันมืดมิดเข้ามาเยือน  ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจแยกย้ายกันก่อนเวลาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะปิดไม่นานนัก
ข้าพเจ้าก็ตัดสินใจเช่นกัน  ตัดสินใจติดตามหญิงสาวผู้รับเคราะห์กรรมจากความปรารถนาของข้าพเจ้าไป  หนึ่งนั้นเพราะข้าพเจ้ารู้สึกสงสารเธอจับใจ  แต่ข้าพเจ้าไม่ปิดบังท่านหรอก  ข้าพเจ้ายังมีอีกความหวังเล็กๆก็คือ  การเสนอให้เธอลืมเต้เสีย ข้าพเจ้าติดตามเธอขึ้นรถประจำทาง  จนมาหยุดยืนหน้าซอยเปลี่ยวร้างแห่งหนึ่ง  เธอก้าวเข้าไปในซอยอย่างรวดเร็ว  โดยมีข้าพเจ้าตามอยู่ห่างๆ  สายลมพัดเฉื่อยส่งให้กอหญ้าริมทางกระทบเสียดสีกันส่งเสียงขู่ให้เธอเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ทันใดนั้น  ข้าพเจ้าพลันเห็นเงาสีดำ 2 เงาเคลื่อนไหวในพงหญ้า  ข้าพเจ้ารับรู้ถึงกลิ่นอันตรายที่ก่อตัวขึ้นในบริเวณนี้  ข้าพเจ้าโดดลอยขึ้นไปเหนือศีรษะหญิงสาว  หยุดตัวให้ลอยอยู่บนนั้น  ไม่ไกลนักข้าพเจ้าเห็นเงาดำ 2 ร่างกำลังตรงมาที่ถนน  ข้าพเจ้ารับรู้ได้แล้วว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นกับหญิงสาว  ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเธอประสพเคราะห์กรรมมามากพอแล้วจากความปรารถนาของข้าพเจ้าเอง  ข้าพเจ้ารู้สึกผิดต่อเธออย่างยิ่ง
“อย่าไป  หยุดก่อน!!”ข้าพเจ้าร้อง ข้าพเจ้าลืมตัวไปเสียแล้วว่าสำหรับเธอข้าพเจ้าเป็นเพียงสายลมหอบหนึ่งเท่านั้น “อย่าไป  หยุด  อย่าเดินต่อไป” ดูเหมือนคำร่ำร้องของข้าพเจ้าจะไม่ได้ผล  เจนยังคงเดินต่อไปข้างหน้า  เดินเข้าไปหาหายนะตรงหน้านั้น  ราวลูกกวางที่ก้าวย่างเข้าสู่ดงสิงโต ชาย 2 คนปรากฏออกมาจากพงหญ้ารกครึ้ม  พวกมันคว้าตะปปร่างหญิงสาว  มือหยาบใหญ่ปิดปากไม่ให้เธอส่งเสียงร้อง  เจนถูกลากเข้าไปในพงหญ้าอย่างรวดเร็ว  เสียงทุบตีดังเบาๆ 2-3 ครั้ง  และแล้วเพียงชั่วพริบตาทุกสิ่งก็พลันหยุดนิ่งอีกครั้ง ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่ว  ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง  ข้าพเจ้ายังคงยืนอยู่กลางถนนแห่งนั้นอย่างเดียวดาย
ข้าพเจ้านั่งอยู่ข้างเตียงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง  ห้องนั้นมืดมิดไรแสงไฟ  ดุจเดียวกับในใจข้าพเจ้าขณะนี้  ร่างบนเตียงที่ดูคล้ายวิญญาณหลุดออกจากร่างไปนั้น  เป็นหนึ่งในผลงานของข้าพเจ้าเอง เจน  ถูกพบตอนตี 3 กว่าโดยคนผ่านทางขณะที่กำลังตะเกียกตะกายออกมาจากพงหญ้า  พงหญ้าที่เธอถูกฉุดลากบังคับเข้าไปโดยชายใจโหด 2 คน  พงหญ้าที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปตลอดกาล ข้าพเจ้าติดตามเธอมาตลอด  อยู่กับเธอตลอดตั้งแต่เธอถูกนำส่งโรงพยาบาล  ข้าพเจ้าทราบดีว่าคนที่เธออยากให้อยู่ตรงนี้ไม่ใช่ข้าพเจ้า  แต่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง  แต่ก็เพราะข้าพเจ้าอีกนั่นแหละ  ชายหนุ่มคนนั้นถึงได้หลงลืมความทรงจำเกี่ยวกับเธอไป  เพราะข้าพเจ้านั่นแหละ  เธอจึงต้องโดดเดี่ยว  โอ  นี่ข้าพเจ้ากลับกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ทำลายชีวิตคนไปเสียแล้วหรือ ข้าพเจ้าครุ่นคิดหาทางออกอยู่เนิ่นนาน  ข้าพเจ้าเองที่ทำลายชีวิตของเธอ  ข้าพเจ้าจะหาทางชดใช้คืนแก่เธอได้เช่นไร  ในที่สุดข้าพเจ้าก็ตัดสินใจมือของข้าพเจ้าแตะลงที่ร่างบนเตียงนั้นเบาๆ  พร้อมๆกับมือที่แตะลงไป  เงาจางๆของเจนก็ปรากฏขึ้น  ดวงตาเธอยังคงแดงช้ำ  ใบหน้าหวานแปดเปื้อนใบด้วยรอยแผลที่เกิดจากคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งดี “ข้าอยากคุยกับเจ้า”ข้าพเจ้าพูดเบาๆ น้ำตาเธอไหลอกมาอีกแล้ว  ข้าพเจ้านั่งนิ่ง  ในใจมืดหม่นหาทางออกไม่ได้ “ข้ามีคำจะสารภาพ” เธอพลิกตัว  หันหน้ามาเผชิญกับข้าพเจ้า “คุณเป็นใคร?”เธอถามเบาๆพลางสะอื้น ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นโรคแพ้น้ำตา  แต่ขณะนี้ข้าพเจ้าแพ้น้ำตาเธออย่างแรง  มันคล้ายมีบางสิ่งที่ดึงดูดให้ข้าพเจ้าอยากจะร่ำไห้ตามเธอ ในที่สุด  ข้าพเจ้าก็ทนไม่ไหว  ทุกสิ่งพลันระเบิดออกมา “ข้าเป็นคน....คนที่มีส่วนทำให้เจ้าเจ็บช้ำ  ข้าเป็นคนที่ทำให้เต้ ลืม..ลืมเจ้า  ข้าเป็นคนที่ทำให้เจ้าต้องเดินทางกลับคนเดียในคืนนี้  ข้าเป็นคนที่ทำให้เจ้ามีสภาพเช่นนี้” และแล้ว  ข้าพเจ้าก็พลันร่ำไห้  ข้าพเจ้าร่ำไห้แล้วจริงๆ หญิงสาวมองข้าพเจ้าอย่างประหลาดใจ  อาจจะคิดว่าข้าพเจ้ามีสติที่ไม่สมบูรณ์  แต่ข้าพเจ้าหาสนใจไม่  ข้าพเจ้าร่ำไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร “ฉันอภัยให้คุณค่ะ” ข้าพเจ้าก้มหน้าลง  คิดถึงความเป็นไปได้บางสิ่ง
“ไม่ว่าคุณเป็นใคร  เจนคิดว่าคุณคงไม่ตั้งใจ  คุณคงไม่คิดว่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก” “เจ้าหนุ่มคนนั้นล่ะ  คนรักของเจ้า  ข้าทำให้เขาลืมเจ้า” “คุณทำได้ยังไงล่ะคะ” ข้าพเจ้ามองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนตอบ “ข้ายื่นข้อเสนอให้เขา  เขารับข้อเสนอของข้า  รับข้อเสนอที่จะลืมเจ้า” “ข้อเสนอ  แลกกับอะไร?” “ไม่แลกกับสิ่งใดเลย  ขณะนั้นเขาเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าจะแต่งงาน” เธอจ้องหน้าข้าพเจ้า  นิ่งเงียบ  เนิ่นนาน  ก่อนจะพูดเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ  ถึงเจนไม่อยู่ในความทรงจำของเขา  แต่เขายงอยู่ในความทรงจำของเจนเสมอ”
ความรู้สึกผิดเกาะกินข้าพเจ้าอีกครั้ง  เจนยังคงกล่าวต่อไป “ความรักไม่ได้วัดกันที่ความทรงจำนี่คะ” ความรักไม่ได้วัดกันที่ความทรงจำ  ความรักไม่ได้วัดกันที่ความทรงจำ  นั่นสินะ  ความรักไม่ได้อยู่กันที่ความทรงจำเสียหน่อย  ข้าพเจ้าพลันตัดสินใจในบางสิ่ง “นอนเถอะ  หลับให้สบาย  ลืมทุกสิ่งเกี่ยวกับข้าไป”เงาของเจนหายไป “แล้วข้าจะชดใช้ให้”ข้าพเจ้าพูดต่อก่อนจะลุกออกจากห้องไปทันที ข้าพเจ้าออกมายืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง  ยืนพิงผนังเช่นนั้นจนพระอาทิตย์เคลื่อนขึ้นประดับฟ้าอีกครั้ง  ชายหนุ่ม3คนกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามระเบียง  ข้าพเจ้าจำพวกเขาได้ดี  คนกลางนั่น  เต้  ผู้เคยสละความทรงจำให้กับความเห็นแก่ตัวของข้าพเจ้า พวกเขากำลังเร่งร้อน  ข้าพเจ้าพลันหลับตาลงนึกภาพ  เต้เดินเข้าไปในห้อง  ทักทายเจนอย่างแห้งแล้ง  ด้วยหลงลืมไปแล้วว่าเคยรักเธอขนาดไหน  ความห่วงใยที่เจนควรได้เล่า  ก็คงแห้งแล้งราวบ่อน้ำในฤดูแล้ง  สิ่งที่เจนควรได้รับ  เขาคงไม่อาจจะมอบให้ได้  แม้ว่าความรักจะไม่ได้วัดกันที่ความทรงจำ  แต่ความทรงจำยังคงจำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้
ข้าพเจ้าจะมอบสิ่งที่เหมาะสมให้กับหญิงสาวที่ให้อภัยในสิ่งเลวร้ายที่ข้าพเจ้ากระทำ
ร่างของเต้กำลังจะผ่านข้าพเจ้าไป  มือขวาของข้าพเจ้าพลันยื่นออกไปตรงอกเขา  ล้วงเขาไป  แล้วกระชากออกอย่างรวดเร็ว เต้ทรุดฮวบลงทันที  เขาสะบัดศีระษะเร่าๆ  เพื่อนทั้ง2หันกลับมาประคอง ในมือข้าพเจ้า  ลูกศรกลมดอกนั้นกลับมาอีกครั้ง .................................................................................................................

Comment #1
Posted @3 ม.ค.49 20.01 ip : 203...24

ผูกเรื่องได้ยอกย้อนดี  จินตนาการก็น่าติดตาม  เป็นงานน่าอ่านอีกชิ้นของเควีย

พูดถึงความรักในแง่มุมอุดมคติ    ความรู้สึกดีดีที่มีต่อความรักนั้นสูงส่ง  และตั้งคำถามมุมกลับว่าหากเป็นไปอีกอย่างล่ะ?  เช่นที่กามเทพพิเรนเสียบศรแห่งการลืมเลือนไปแทนที่


อีกหน่อยเควียก็คงเป็นนักเขียนบอร์ดนี้ที่ชื่อหอมหวนไล่ๆมากับจ่าโจ ,พี่เฮฮา ,ชิดชบา แน่

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 40 user(s)

User count is 2442967 person(s) and 10254472 hit(s) since 28 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).