ถนนสายละม้ายสงเคราะห์ :: ๑.) บ้านเลขที่ ๔๑/๓
ถนนสายละม้ายสงเคราะห์
บ้านเลขที่ ๔๑/๓
๑).
เป็นบ้านไม้ตรงข้ามบ้านข้าพเจ้า
เหมือนจะร้างว่างเปล่าดูเหงาเงื่อง
สงบเงียบนิ่งท่ามเสียงเมือง
กระเบื้องแดงแดดเผามุงหลังคา
ปิดไฟมืดมิดสนิทมืด
แง้มพืดประตูเหล็กเพียงโผล่หน้า
บังแดดบังคนด้วยบังตา
ซิ้มชราบังตนอยู่คนเดียว
ถนนสายละม้ายสงเคราะห์&
บ่ายที่ดาวเคราะห์นี้หมุนเชี่ยว
แดดกำลังเร่งขีดความซีดเซียว
แผดเคี่ยวเกรียวกราดลาดหลังคา
๒).
ซิ้มฮกเกี้ยน&
ผ่านการเวียนมาเยือนของเดือนห้า
สู่หนที่เจ็ดสิบเพียงพริบตา
ตีนกาย่นยับเกินนับรอย
รู้สึกถึงความร้อนอันแห้งแล้ง
ทวีแรงความสดมิลดถอย
จ้าจนดอกแดดยิ่งแผดลอย
ยางมะตอยก็เริ่มจะเยิ้มยาง
อึกทึกอึงอลเครื่องยนต์รถ
ล้อบดผ่านเลยมิเคยว่าง
คำรามโหยหวนอยู่ครวญคราง
เส้นเหลืองซีดจางอยู่กลางเลน
คำรามลั่นถนนคำรณย่าน
สะเทือนบ้านไม้เดียวที่โดดเด่น
ทางเท้าฟุตบาธลาดซีเมนต์
ยังเย็นนิ่งนานอยู่บ้านไม้
๓).
บ้านที่แง้มประตูมาดูโลก
ร้อนโกรกสังกะสีกันสาดไหม้
ฝุ่นเขรอะจับหนาม้วนผ้าใบ
สายไฟสายโทรศัพท์เดินซับซ้อน
มองในโลกใบเยียบเย็นเงียบงัน
ผ่านควันรถคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน
คือวันที่ขาดห้วงแห่งช่วงตอน
และรอยต่อสึกกร่อนของช่วงวัย
มิมีอีกแล้วกาลเวลา
ดวงตาพังผุอายุขัย
รอการแตกดับแล้วลับไป
แยกไฟแยกดินแยกน้ำ
เหลือลมอย่างเดียวธาตุเปลี่ยวเหงา
อ้างว้างบางเบาเหงาร่ำ
รอเพียงการเซ่นสรวงบวงบำ
และการรำลึกถึงครั้งหนึ่งมี
๔).
ข้าพเจ้ามองจากฟากตรงข้าม
เห็นแต่ความนิ่งเหมือนมิเคลื่อนที่
กาลเวลาร่วงลงเป็นผงคลี
กองสีขี้เถ้าอันเปล่าดาย
แดดบ่ายยังจัดจ้านตะวันตก
ยิ่งศกผ่านไปยิ่งใจหาย
ยิ่งร้อนคุกรุ่นยิ่งวุ่นวาย
ถนนสายรถยนต์ที่ล้นเลน
ปีที่เจ็ดสิบซิ้มฮกเกี้ยน
การแปลงเปลี่ยนไปสู่มิรู้เห็น
บ้านไม้ยังงำเงียบยังเยียบเย็น
โดดเด่น โดดเดี่ยว เดียวดาย
กันสาดนั้นกั้นแดดตะวันตก
มืดหมกร่มงำในยามบ่าย
เป็นบ้านไม้ชำรุดหลังสุดท้าย
ณ ถนนสายละม้ายสงเคราะห์พ.ศ.นี้!
มนตรี ศรียงค์