สุนทรพจน์ในวันรับรางวัลซีไรต์
สุนทรพจน์เล็กๆ
ข้าพเจ้าเป็นคนต่ำต้อย เกิดและเติบโตมาอย่างเงียบๆในดินแดนที่
เจริญรุ่งเรืองด้วยศิลปวัฒนธรรมซึ่งถูกปิดซ่อนอย่างอลหม่าน
และตระการไปด้วยขบวนคาร์นิวัลล์ในทุกเทศกาลรื่นเริง ขาย
บะหมี่เป็ดตุ๋นยังชีพมาตั้งแต่รุ่นพ่อ มองเห็นบ้านเกิดและผู้คน
เปลี่ยนแปลงไปตามการโคจรของดวงจันทร์ ข้าพเจ้าเฝ้ามอง
ปรากฏการณ์เหล่านั้นจากร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ พูดคุยกับลูกค้า
เดินในตลาดกิมหยง วิ่งออกกำลังกายที่มหาวิทยาลัยสงขลา
นครินทร์ กินข้าวมื้อเย็นที่ร้านป้าอุ๋ย ด้วยวิถีชีวิตอันเป็นปกติที่
แสนจะปกติ ข้าพเจ้าเป็นคนตัวเล็กๆในบ้านเกิดที่พยายามขยาย
อาณาไปสู่ความอึกทึกครึกโครม ยิ่งบ้านเกิดอึกทึก คนตัวเล็กๆ
เช่นข้าพเจ้ายิ่งถูกกลืนหายไปในระดับเดซิเบลที่เพิ่มขึ้นของ
เมือง เราพบเช่นที่คนในเมืองใหญ่พบ ว่าเรารู้สึกเหงาและโดด
เดี่ยวยิ่งขึ้นทุกที แต่ท่ามกลางความเหงาอันแสนอัปลักษณ์
ข้าพเจ้ากลับมองเห็นเยื่อบางๆเป็นใยที่รัดตรึงพวกเราเข้าไว้ มิให้
กระจัดกระจายไปตามแรงเหวี่ยงหมุนของโลก ข้าพเจ้าพูดคุยใน
เรื่องทั่วๆไปกับ น้องเอก เด็กหนุ่มมัธยมปีที่ ๖ ผู้เป็นลูกค้าที่
ร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์ พูดคุยกับ ปิง ในเรื่องการเมือง-ศาสนา
ชวน พี่ยุ้ย คนขายเนื้อหมูในตลาดกิมหยง ไปร่วมทำบุญเดือน
สิบที่วัดโลการาม อำเภอสิงหนคร กล่าวขอบคุณสำหรับของ
ขวัญวันปีใหม่แก่ พี่อะฉะห์ คนขายเนื้อไก่ในตลาดกิมหยงที่ซื้อ
ขายกันมานานปี และได้รับการเลี้ยงฉลองจาก ป้าอุ๋ย เนื่องแต่
การได้รับรางวัลซีไรต์ ร้านข้าวที่ข้าพเจ้าฝากมื้อเย็นไว้เกือบทุก
มื้อ ขณะที่มีการตัดถนนเพิ่มใหม่ ตัวเมืองขยับขยายเส้นรอบวง
รุกเข้าไปยังพื้นที่ชนบท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้ลงจาก
รถทัวร์ ที่ยังคงเร่งรีบสอดส่ายสายตามองหาวัตถุบำบัดความ
ใคร่ ข้าพเจ้ากลับรู้สึกอบอุ่นกับสัมพันธภาพแบบสังคมเก่า ที่
ยังคุกรุ่นไม่เลือนหาย
ข้าพเจ้าค้นพบคำตอบในคุณค่ามนุษย์ เชื่อในความรักที่เรามี
ต่อกัน มันมีอยู่จริง มันมีอยู่ทุกขณะ มีอยู่ในทุกปรากฏการณ์
ใหม่ๆที่เป็นผลิตผลของอารยะ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ผู้ชาย
ที่กำลังจับมือกัน หนุ่มสาวที่ความรักกำลังงอกงาม ทุกครั้งที่มี
เสียงระเบิดกลางเมือง ข้าพเจ้าเห็นการกุลีกุจอช่วยเหลือชีวิตกัน
อย่างวุ่นวายเร่งรีบ ทุกครั้งที่เกิดอุทกภัยใหญ่หลวง ข้าพเจ้าเห็น
การเอื้อเฟื้อช่วยเหลือแก่กัน ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ ข้าพเจ้าเห็น
ใครคนหนึ่งโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล ชีวิตไม่ได้โดดเดี่ยวอย่าง
ที่คิด ชีวิตไม่ได้เคว้งคว้างไร้การเกาะแน่นของเซลล์แต่ละเซลล์
อย่างที่เคยรู้สึก เราล้วนคือคนตัวเล็กๆ ที่ดำเนินชีวิตไปตาม
ปกติ จิตฝ่ายสูงของเราเตรียมพร้อมที่จะผุดพรายความดีงาม คน
ตัวเล็กๆทั้งนั้น ที่เกาะติดกันด้วยเยื่อใยบางๆอันมองไม่เห็น เรา
สร้างสังคมขึ้นมาเป็นเมือง แล้วเราก็อยู่ในเมืองที่ยิ่งขยายอาณา
ออกไป เรายิ่งตัวเล็กลีบ เราก็ยิ่งสร้างเยื่อใยบางๆแผ่ห่มขึ้นมาทบ
ซ้ำ รวมศูนย์อยู่กึ่งกลางของแรงเหวี่ยงอันกรรโชกเชี่ยวกราก
เราเหนียวแน่นเพียงพอในการมีชีวิตอยู่ เราเข้มแข็งเพียงพอใน
การรับแรงกระแทกของแรงปะทะต่างๆ คนตัวเล็กๆเท่านั้นที่จะ
รู้จักการเอื้อเฟื้อพื้นที่เพื่อร่วมกันปกป้องกันและกัน ด้วยเยื่อ
บางๆเสมือนพังผืดที่ยึดโยง เราไม่ใช่มนุษย์ผู้โดดเดี่ยวแต่อย่าง
ใด
ข้าพเจ้าเป็นคนต่ำต้อย เกิดและเติบโตมาอย่างเงียบๆ ภายใต้
เงื่อนไขปัจจัยแห่งเยื่อบางๆนั้น ในดินแดนที่วัฒนธรรมหลาก
หลายปนเปกันอย่างชุลมุน มันกลับหลอมทุกอย่างรวมเข้าไว้เป็น
เนื้อเดียวกันอย่างกลมกลืน แม้มันจะถูกกัมปนาทอันฟังไม่ได้
ศัพท์ของเมืองกลบหายไปก็ตามที มนุษย์ก็ยังมีความสามารถ
เพียงพอที่จะอยู่ร่วมกับความแตกต่างได้อย่างมีความสุข เชื่อสิ-
มนุษย์มีความสามารถเพียงพอที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง- มนุษย์มีความสามารถเพียงพอที่จะอยู่ร่วม
กันได้อย่างมีความสุข
ด้วยความดีงามทั้งปวง
มนตรี ศรียงค์
๖ ตุลาคม ๒๕๕๐
ปล. แต่ในงานที่อ่านสุนทพจน์ ผมต้องตัดออกไปบางส่วน เพราะมันยาวเกินไป
Relate topics





