เกริ่น-
หมวดนี้เป็นงานที่ได้รับการรวมเล่มเมื่อปี ๒๕๔๑ กับ แพรวสำนักพิมพ์ ในชื่อปกว่า ดอกฝัน : ฤดูฝนที่แสนธรรมดา โดยมี จตุพล บุญพรัด เป็นบรรณาธิการเล่ม
เกือบจะทุกคนออกปากเป็นเสียงเดียวว่า คำนำเขียนได้ดีเหลือเกิน... นับเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างหนึ่งของกวีทีเดียว ด้วยผมมิใช่นักเขียนคำนำ ผมเป็นกวี! ได้ยินไหม?-ผมเป็นกวี!
ผมเรียกตัวผมเองว่า กวี เอาดื้อๆหรือ? มิใช่หรอก..คำนี้มีคนอื่นเรียกผมมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่งานได้ลงตีพิมพ์ชุกเมื่อ ๑๐ ปีก่อน แล้วผมก็ได้รับการต้อนรับเข้าสู่วรรณพิภพอย่างอบอุ่น มีเพื่อนฝูงน้องพี่มากมาย ดื่มและคุยกันในทุกเรื่องที่ยกเว้นเรื่องวรรณกรรม นี่เป็นการตกผลึกที่ดีที่สุดในชีวิตกวีเลยทีเดียว หลังจากที่ผ่านการถกเกียงแทบเป็นแทบตายเพื่อจะหาคำตอบว่า อย่างไหนจึงจะเป็นงานที่ดี.....โอ-ความไร้เดียงสา!
ครั้งหนึ่ง-ผมเคยรู้สึกอย่างรุนแรงต่อคำว่า กวี มันงดงามมันไฉไล มันทรงพลังมันจองหองอย่างที่สุด การตะเกียกตะกายเพื่อความเป็นกวีของผม มันหนักหน่วงรุนแรงไปตามความรู้สึก จนเมื่อเวลาผ่านไป ผ่านไป...
ผมพบว่า-แท้แล้ว การเป็นนักเขียนหรือกวีนั้น มันก็เพียงแค่การพูดคุยในรูปแบบหนึ่ง มันเป็นการสำแดงทัศนะที่ผ่านออกมาด้วยตัวหนังสือ ไม่ต่างกับการพูดคุยในวงเหล้าวงกาแฟ ไม่ต่างจากการพูดคุยกันในสภาในห้องสมุด มันคือการเล่าเรื่อง การให้ความเห็น การบอกกล่าว ที่เราใช้ตัวหนังสือเป็นสื่อเท่านั้นเอง
ผมอาจเรียนรู้มาผิดพลาด หรืออาจตกตะกอนมาครึ่งๆกลางๆ แต่มันก็ทำให้ความตื่นเ้ต้นในการได้เป็นกวีลดน้อยลงไปพอควร เป็นการกลับไปสู่ความเป็นธรรมดา ความเป็นไม่มีอะไรพิเศษเหนือใคร แหละการที่ความตื่นเต้นลดน้อยถอยลงนี่แหละ ที่นับวันผมยิ่งสบายใจในการทำงาน ไม่กดดัน ไม่เรียกร้อง และที่สุด-ไม่รีบ
ได้ยินไหม?-ผมเป็นกวี เป็นคำว่า กวี ที่แสนธรรมดาที่สุดคำหนึ่ง ที่ผมกล้าเอ่ยเรียกตนได้อย่างสนิทปาก โดยไม่กระดากอาย มันเป็นคำที่ไม่ต่างอันใดเลยกับคำว่า ผมเป็นคนขายหมี่เป็ด ผมเป็นประชาชนสามัญ ผมเป็นคนรักของ อั้ม พัชราภา ผมเป็นไอ้โน่นผมเป็นไอ้นี่...
แต่ผมไม่ใช่นักเขียนคำนำเด็ดขาด!
ด้วยเพราะผมเป็นกวี!