โลกาภิวัฒน์
โลกาภิวัตน์
๐ เหวี่ยงกูมาสู่เมือง
ฤ จะเปลื้องกูเป็นไท
ขื่อแอกกูแปลกใจ
ไฉนหนอระดมโถม
ฟ้ามัวสลัวหม่น
คำรามรณและฝนโลม
ลมเชี่ยวฟั่นเกลียวโหม
ปิดบังทางสว่างเลือน
แอกขื่อที่ถือแบก
คือขื่อแอกกระแทกเตือน
ทุกข์ยากยังจักเยือน
หากถือแอกแบกขื่อคา
โลกาภิวัฒน์แจ้ง
ดั่งลิ่มแทงแดงเลือดทา
บ้านนอกและคอกนา
มาหลงทางอยู่กลางกรุง
เหวี่ยงคนที่ทนทุกข์
มากองคลุกกับคูถคลุ้ง
พลีเลือดเพื่อเรือดยุง
ลัทธิทุนนิยมกิน
แบกขื่อและถือแอก
ทุนหมายแดกเลือดหลั่งริน
บานผลิปฏิทิน
ยิ่งพร้อยแผลยิ่งแพ้ภัย
ฟ้ามัวสลัวหม่น
ดั่งใจคนที่จนใจ
เป็นทาส ฤ เป็นไท
ดูขื่อคาอันกาลี
คนโซใช่โคควาย
รู้ใครร้ายรู้ใครดี
เหวี่ยงกูมาย่ำยี
กูจะสู้ด้วยกูเอง
ด้วยมือที่ถือแอก
ขื่อที่แบกทุกข์กระเตง
มิยำและมิเยง
ทั้งมิเกรงและมิกลัว
โลกาภิวัฒน์ทุน
กูสิถุยลิ้นระรัว
ยืนหยัดผงาดตัว
หัวร่อร่าและท้าทาย
เหวี่ยงกูมาสู่เมือง
คือเหวี่ยงเฟืองมาเรียงราย
ต่อแถวแล้วขยาย
ทั้งทบท่าวทวีคูณ
คนโซจะโคจร
จากน้ำพอง ของ ชี มูล
ปิง วัง ยม น่านพู้น
สมิหลาและตาปี
โลกาภิวัฒน์ยุค
รวมคนทุกข์ลุกต่อตี
ชีพมีมิเคยมี
ก็จะทวงถึงชีพตน
คือคนใช่เครื่องจักร
ยิ่งประจักษ์ยิ่งทานทน
เป็นคนต้องคือคน
ทุนนิยมอย่าบิดเบือน
ฟ้ามัวสลัวหม่น
ใจคนกล้าหรือฝ้าเฟือน
เมื่อสู้กูจักเตือน
ว่ามิเหมือนแม้นอันใด!
เนชั่นสุดสัปดาห์ ๒๕๓๗