คุยกับคุณไอ้ปลง

by วรภ วรภา @9 ส.ค.50 12.53 ( IP : 61...27 ) | Tags : กระดานข่าว

หมี่  ขอใช้พื้นที่หน่อยนะ  คือพี่อยากจะคุยกับคุณไอ้ปลงหน่อยน่ะ  แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกบอร์ดไทยไรต์เตอร์และสมัครไม่เป็น(อ่านตัวอักษรไม่ตรงที่กำหนดซะที)  ไม่แน่ใจหรอกว่าคุณไอ้ปลงจะเข้ามาหรือไม่ ไงๆ ใครที่ผ่านทางมาถ้ารู้จักช่วยบอกด้วยละกัน.....

คุณไอ้ปลงครับ ติดใจคำว่า 'เสียดายใจกวี' ที่คุณรำพึงไว้ในบอร์ดจึงอยากจะพูดคุยด้วย อย่าเสียดายเลย  ผมคิดว่าใจกวีที่ว่าน่ะไม่มีอยู่จริงหรอก มันก็ละม้ายกับที่บอกว่าคำนับกวีน่ะแหละ  ไม่มีใครคำนับใครหรอก แต่หากเราเชื่อว่าใจกวีมีจริง  ผมก็อยากถามกลับว่ากรรมการที่เป็นกวีด้วยมีใจกวีเรอะเปล่า  ผมยืนยันได้ประการหนึ่ง(แม้จะไม่มีคนเชื่อ  อย่างน้อยผมก็ไม่ละอายในสิ่งที่ทำเพราะมั่นใจว่าได้ทำอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส) ว่านี่ไม่ใช่กรณี 'ขี้แพ้ชวนตี' (มีเพื่อนกวีบางคนโทรเตือนว่าระวังจะโดนข้อหานี้  แต่ผมบอกว่าผมยืนยันตัวเอง) แต่เป็นเพราะเราเห็นและรู้สึกถึงเงื่อนปมบางอย่างที่เข้าใจว่าไม่ถูกต้อง เราจึงพยายามตั้งคำถาม หลายปีที่ผ่าน  มีเสียงด่าว่าทั้งทางหนังสือพิมพ์ ทั้งทางเน็ต  แต่หาคนรับผิดชอบการด่าไม่ได้  ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาตั้งคำถามอย่างจริงจังเพราะกลัวจะเป็นขี้แพ้ชวนตีเหมือนคุณว่า  บางคนก็กลัวว่าจะผิดใจกัน  บางคนก็กลัวว่ากรรมการจะหมายหัวส่งผลถึงอนาคต  ต่างก็บ่นกันข้างนอกเวที ปีแล้วปีเล่า พวกผมโง่จนไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะโดนข้อหาพวกนี้หรือ ทั้งกานติ  ทั้งวิสุทธิ์ ทั้งผมและเพื่อนพ้องอีกหลายๆ คนใช่ว่าจะไม่เคยตกรอบ  เราตกรอบกันมาคนละหลายๆ ครั้งแล้ว  แต่ทุกครั้งเรายินดีเพราะเราไม่พบเงื่อนงำคาใจ ในส่วนของกวี เราเชื่อว่าไม่ได้เป็นความผิดของกวี  ผมเข้ามาเล่นที่บ้านของหมี่เพราะหมี่เป็นน้องรักคนหนึ่ง  ส่วนตัวยินดีกับหมี่และลุ้นหวังให้หมี่ได้ครั้งนี้ ผมสนิทกับศิริวรและลุ้นให้ศิริวรได้ แต่ก็คิดว่าคนละส่วนกัน เราตกลงกันว่าจะเปิดเผยชื่อ(ที่มีตัวตนในโลกความจริง)เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ(เราไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนเห็นด้วยกับเราทุกคน  เราไม่รู้หรือว่าเราจะโดนอะไรจากบุคคลที่เห็นต่างจากเรา)  เราไม่ชอบแบบที่ด่าพล่ามทางเน็ตแต่ไม่กล้าปรากฏตัว  ได้แต่ใช้ชื่อแฝง แล้วแอบเร้นตามซอกมุม  เราไม่ชอบดักตีหัวเพื่อน ฉะนั้น  หากเราข้องใจ  สงสัย  และเรียกหาความถูกต้องยุติธรรมแล้วเราจะสูญเสียใจกวีไปอย่างคุณว่าเราก็ยอม(ผมว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะถกถึงประเด็นใจกวี-ใจกวีต้องยอมนิ่งในทุกกรณีหรือ)  เราจะถูกประณามว่าขี้แพ้ชวนตี องุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน เราก็ยอม ซึ่งทั้งหมด  กรรมการเองก็มีสิทธิที่จะตอบเรา  และถ้าจะเกลียดเราก็จะได้เกลียดถูกคน ผมมีประเด็นที่จะชี้แจงอีกเยอะ แต่สงวนสำหรับเขียนบทความสักชิ้น จึงขอแจงคุณแต่เพียงนี้

อ้อ...ผมชอบนามแฝงของคุณนะ  ไอ้ปลง  บอกให้รู้และเตือนสติถึงการสังวร  ชอบคำนิยามของคุณยิ่งกว่า 'ปลงซะก่อนที่จะปลดปลง' บอกให้เห็นถึงการสำรวมสติมั่น แต่.....ผมคิดว่า ปลง  ไม่ได้แปลว่า  ยอมแพ้ทุกอย่าง....ใช่ไหม?

Comment #41
สุดาวดี (Not Member)
Posted @12 ส.ค.50 16.43 ip : 58...10

หงุดหงิดกับเรื่องซีไรต์ปีนี้อย่างยิ่งเพราะได้อ่านงานชั้นยอดของหลายคน เล่มที่เข้ารอบก็มีเข้าท่า ไม่ว่าอะไร แต่น่างงที่เอาสื่อมวลชนมาคัดหนังสือกวีนิพนธ์ทิ้งไปตั้ง 68 เล่ม ตลกไหมล่ะ แล้วส่งให้กรรมการชุดสุดท้ายอ่านแค่ 8 เล่ม วิธีการแบบนี้แสดงความชุ่ยของคณะกรรมการซีไรต์ สักแต่ตีฆ้องให้ดัง แต่ไม่รับผิดชอบผลที่ออกมา ท่านที่ผูกขาดอยู่ในนั้นก็ยึดไว้เป็นเรือนตาย ภูมิใจเหลือเกินที่มีอิทธิพลอยู่ในซีไรต์ โก้ตรงไหนหรือ งานนี้กวีไม่ผิด ผู้ที่ประท้วงก็ทำหน้าที่ได้อาจหาญ ดีแล้ว คุณชายสุขุมพันธ์ช่วยออกมาพิจารณาให้สมกับที่เคยเป็นอาจารย์ อย่าเล่นแต่การเมือง สงสารชื่อเสียงของซีไรต์

Comment #42
วรภ วรภา (Not Member)
Posted @12 ส.ค.50 19.19 ip : 61...187

ขอโทษที่เข้ามาช้าหน่อย  ระบบอินเตอร์เน็ตพี่มีปัญหา  มันหลุดถี่ๆๆๆๆๆ (พี่ใช้เครื่องCDMAของกสท.)มาก คุยต่อนะครับ - ประเด็นที่ 1 ที่น้องถามว่า นั่นแสดงถึงตัวตน ‘บางด้าน’ที่น่าชื่นชมของพี่พินิจหรือเปล่า – ส่วนตัวพี่ตอบว่า พี่ก็ชื่นชมใน ‘บางด้าน’ที่น้องไอ้ปลงว่า  และน้องยังว่าถึงวันนี้พี่เกิดคลางแคลงเสียแล้ว  ข้อนี้พี่ก็ยอมรับ ทั้งอยากเพิ่มเติมว่า พวกพี่คลางแคลงเพราะมีอีก ‘บางด้าน’ ทำให้คลางแคลง ‘บางด้าน’ ที่พวกพี่พยายามตั้งคำถามขึ้นมา พินิจอาจจะยังคงความน่าชื่นชมอยู่เช่นที่พี่เคยสัมผัส แต่ความคลางแคลงนี้เกิดเพราะพวกพี่เห็นว่า ‘ข้อมูลบ่งชี้’ บางอย่างอาจเป็น ‘เหตุปัจจัย’ ทำให้ ‘บางด้าน’ที่ควรจะคงความน่าชื่นชมดังว่าเบี่ยงเบนไป - บางทีโดยพินิจเองก็ไม่รู้ตัว ขอโทษที่พี่ยังไม่ยก ‘เหตุปัจจัย’ นั้นมาบอกเล่าตอนนี้

-ประเด็นที่ 2 ที่น้องท้วงติงว่าพินิจกับพิเชฐเป็นกรรมการ 2 และ 4 ปีนั้น พี่ยอมรับว่าเป็นความ ‘พลาด’ของแถลงการณ์ฯ เนื่องจากไม่ได้แจกแจงแยกแยะโดยละเอียด  เจตนาเดิม กรณี ‘ยาวนาน’ และ ‘ผูกขาด’ เราพยายามชี้รวมกรรมการหลายๆ ท่านซึ่งเวียนวนอยู่บนเวทีจนดูเหมือนกับว่าเมืองไทยมีคนเป็นกรรมการได้อยู่แค่นี้เอง  แต่ที่อ้าง อ.ธเนศ  พินิจ และพิเชฐก็เนื่องเพราะคำให้สัมภาษณ์ที่บ่งชี้ให้เห็นถึง ‘อัตวิสัย’ ในการกำหนดทิศทางการคัดเลือกบทกวีไว้อย่างชัดเจน (อ่านบทสัมภาษณ์ ‘หลากหลายมุมมองฯ’ในมติชน) ซึ่งพี่อยากให้น้องยกข้อความในวงเล็บ  ‘หรืออีกนัยหนึ่งคือภาพรวมของกรรมการทั้งหมด’ มากล่าวด้วย เรามองว่า กรรมการควรใจกว้าง  มองกว้าง  มองลึก  แม้หนี ‘อัตวิสัย’ ไม่พ้น แต่เมื่อรับเป็นกรรมการ(ซึ่งถือว่าเป็น ‘สถานะพิเศษ’) ก็ต้องทรงไว้ซึ่งความ ‘ยุติ - ธรรม’ ควบคุมและลดอัตวิสัยให้เหลือน้อยที่สุด  ควรพิจารณางานตามความหลากหลายของประเภทงาน มิใช่ ‘จำกัด’เฉพาะงานประเภทที่ ชอบ และ ถูกใจตัวเท่านั้น และนั่น คือสิ่งที่แคลงใจอีกประการ – การจำกัดเช่นนั้น  เป็นการตั้งธงไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า

-ประเด็นที่ 3 น้องถามและคุณวิกมลก็ข้องใจว่า มีอะไรกันส่วนตัวหรือเปล่า (ซึ่งคำถามของน้องทำให้พี่ ‘สำนึก’ว่าเท่าที่เราคบหากันมา พี่ไม่มีอะไรทำให้น้องเชื่อถือพี่ได้เลย  หรืออีกนัยหนึ่งอาจเพราะพี่ไม่ใช่กลุ่มหน้าราม พี่จึงไม่น่าเชื่อถือ) – ตอบว่าเปล่า  ถ้ามีเรื่องส่วนตัว พี่ทะเลาะกับพินิจ พิเชฐแบบส่วนตัวไม่ดีกว่าหรือ  สะเออะโผล่หน้ามาให้น้องๆ ถล่มทำไม  กับพินิจ พิเชฐพี่ก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ตามแบบท้องถิ่นนิยมอยู่ (แต่ถึงตอนนี้พี่ไม่แน่ใจว่าน้องทั้งสองนั้นจะรู้สึกกับพวกพี่ๆเหมือนเดิมรึเปล่า!?ก็ดูซิ ขนาดน้องๆ ที่รักและเป็นห่วงทั้งคู่ยังวุ่นวายใจเลย) แต่พวกพี่ตั้งคำถามต่อ กรรมการ ต่างหาก พี่เข้าใจว่าสิ่งที่พวกพี่ทำอยู่นี้ไม่ใช่การ ‘โวย’เช่นที่น้องๆในบอร์ดหลายๆคนติติง  พี่มองว่าการกระทำนี้มีความเป็นทางการ  มีระบบชัดเจน  มีผู้รับผิดชอบแน่นอน  มีการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง กระทั่งเปิดกว้างให้ทุกคนร่วมคิดเห็น (เช่นที่น้องกำลังตั้งคำถามต่อพวกพี่ไง) และเราไม่ได้ต้องการแพ้,ชนะ  เราเพียงต้องการความโปร่งใส  ความโอ่อ่าภาคภูมิ  ไร้ข้อมลทินของกรรมการ เพื่อที่เราจะได้คงมี ‘ความนับถือ’ต่อกันสืบไป ถ้ามองอีกมุม พี่ก็ว่ามัน(น่าจะ)เป็นการดีที่กรรมการจะได้ตอบข้อข้องใจของสังคมวรรณกรรมกลุ่มหนึ่งมีอีกหลายคนที่ข้องใจแต่ไม่อยากออกมาเผยโฉม  มีบางคน ‘โวยวาย’ อยู่ในบอร์ดและวงเหล้า  มีบ้างพาลเกลียดชังกรรมการ  พี่ว่าการ ‘เสนอหน้า’ของพวกพี่จะเป็นประโยชน์ต่อกรรมการในการชี้แจงมากกว่า (ก็เหมือนกับที่น้องบอกพี่ว่าการคุยกับน้องจะเป็นประโยชน์ต่อพี่ไง)

-ประเด็นที่ 4  ขอบคุณที่แนะนำว่า ‘ถ้าหวังดีกับราวัลซีไรต์จริงๆ พี่ต้องพูดรวมไปถึงภาพรวมทั้งหมดของรางวัล  แล้วพี่จะได้แนวร่วมมากกว่า’ ขอบคุณมากๆ  จริงๆแล้วจุดมุ่งของเราอยู่ตรงนั้น  แต่รายทางมันก็ต้องกระทบกับผู้เกี่ยวข้องโดยไม่อาจเลี่ยงได้ มากน้อยตามมุมที่เราเห็น  ยอมรับว่าแถลงการณ์มีจุดพร่องอยู่บ้าง ด้วยเหตุ 1. เรายังพูดไม่หมด  2. เราเร่งจะสื่อสารกับเพื่อนพ้องขณะที่เหตุการณ์ยังสดอยู่  3. เป็นเพียงแถลงการณ์เชิญชวนให้ใคร่ครวญและแสดงความคิดเห็น  4. เราระบุแล้วว่ายังใช้อ้างอิงไม่ได้เพราะจะต้องปรับต่อไปเนื่องจากเราดำลังประมวลข้อมูลที่ทำให้คลางแคลงเข้าด้วยกัน ว่าแต่ว่าเมื่อทุกอย่างลงตัว  เมื่อทุกอย่างเดินไปตามที่น้องแนะนำ  น้องไอ้ปลงจะเป็นแนวร่วมมั้ยน้อ??

-ประเด็นกรรมการไม่ได้เสนอตัวเอง  พี่จะไม่ชี้แจงอะไร  แต่วานน้องถามกรรมการบริหารสมาคมฯ ทั้งสองดูว่าแท้แล้วการคัดเลือกผ่าน ‘กระบวนการ’อย่างไร  (ตามที่ปฏิบัติจริงน่ะ) และจุดนี้จะเป็นจุดหนึ่งที่เรากำลังชี้เช่นกัน  พี่ก็หวังว่าจะถูกจุดและมีความเป็นอารยะมากขึ้น

-ต่อประเด็น คนรักใคร่ รู้จักและนับถือกัน ไม่พึงกระทำกันเช่นนี้ – ใช่  ถ้ามองในแง่ของ ‘เพื่อนพ้อง น้องพี่ พรรคพวก’ (ที่น้องบอกว่าไม่ชอบเล่นพรรคเล่นพวกนั่นแหละ) พวกพี่ก็ ‘ผิด’และ ‘น่าชัง’ เต็มๆ  แต่ที่พี่อยากถามว่าเมื่อมี ‘มูลเหตุ’ไม่ชอบมาพากล เราจะวางเฉย ปล่อยให้ขึ้นเขาลงควนตามแต่ใจกระนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้น ในใจเราจะเหลือ ‘ความรู้สึกนับถือ’อยู่อีกหรือ? ประเด็นคุณธรรมจริยธรรมที่น้องว่าแทบไม่เกี่ยวอะไรเลยน่ะ  ในฐานะที่น้อง(ที่พี่เข้าใจว่า)เคยบวชเรียนมาแล้ว(อาจจะมากกว่าพี่ซะด้วยซ้ำ) พี่อยากถามว่าพฤติกรรมไหนของมนุษย์ที่ไม่ต้องอาศัยคุณธรรมจริยธรรมมารองรับ?!! ในกรณีกรรมการ  แค่กรณีร่วมในองค์กรมีผลประโยชน์โดยตรงกับผู้ส่งงาน(ดูในคมชัดลึก ฉบับวันอาทิตย์ที่ 10 สค 50) ยังไม่ขาดคุณธรรมและชวนให้ตั้งคำถามหรอกหรือ นั่นแหละ-มันเป็นข้อแคลงใจที่ทำให้พี่เจ็บปวดและเศร้าใจใน ความนับถือที่พี่มีให้น้องๆ เช่นกัน

-ประเด็น อ้างสิ่งที่ใหญ่และมีน้ำหนักคือเรื่องความถูกต้องชอบธรรม การรักษารางวัลซีไรต์ การปกปักรักษาวงการวรรณกรรม วงการเรียนรู้ด้านปัญญาของประเทศ ฯลฯ มาเป็นฉากบัง (ต้องขออภัยที่ผม “เลือก”เชื่อเช่นนี้.......) – เมื่อน้องเลือกเชื่อเช่นนั้น ก็จนปัญญาที่พี่จะยืนยัน (ขืนยืนยันน้องๆ ทั้งหลายก็คงหัวเราะเยาะ หมั่นไส้และสมเพชคน(เริ่ม)แก่  ไร้ตบะบารมี และเชยๆ เช่นพี่เท่านั้นแหละ)  แต่ที่พี่อยากจะถามก็คือเรากำลัง เพ่งมองกันถึงกรณีซีไรต์ใช่ไหม?!  ปีก่อนๆ โน้น น้องไอ้ปลงไม่เคยตั้งคำถามและคิดจะปกปักรักษาวงการเลยหรือ??? เรากำลังตั้งคำถามตรวจสอบภาวะของการเป็นกรรมการซีไรต์ใช่ไหม?

-ประเด็นพลีชีพ พลีชื่อพี่ๆ เพื่อนๆ สักคนสองคน.....จะเป็นเรื่องคุ้มค่าหรือ และมันมีนัยแฝงที่มุ่งทำลายทำร้ายกรรมการบางราย(มากเกินไป) จริงหรือ??!!?....การยกตัวอย่างพฤติกรรมที่สร้างความเคลือบแคลงเป็นนัยแฝงมุ่งทำร้ายทำลายหรือ – พี่ว่าถ้ากรณีที่ยกมาเป็นการกลั่นแกล้ง  มันจะทำร้ายทำลายผู้กลั่นแกล้งมากกว่า  มันจะทำให้พวกพี่เป็นพวกขี้อิจฉา  ใจแคบ  หักหลังเพื่อน  เห็นแก่ตัว ฯลฯ  โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงไปไหนเลย  ชื่อเสียงที่แต่ละคนสั่งสมมานับสิบๆ ปีก็คงย่อยยับป่นปี้  ว่ามั้ย  น้องว่ามั้ย ตอนเราบวชเรียน เราเคยชี้แนะให้ญาติโยมเชื่อว่าธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ไม่ใช่หรือ  ตอนนี้ ล่ะ  เรายังเชื่อเช่นนั้นไหม และพี่ว่าถ้ากรรมการประพฤติเช่นข้อคลางแคลงจริง  เขาต่างหากที่ทำร้ายและทำลายตนเอง พี่รู้  พวกพี่มีอัตราเสี่ยงสูง  แต่...น้องก็รู้ไม่ใช่หรือ...พี่เป็นคนใต้เหมือนกับน้อง...คนใต้ที่มีเลือดความตรงไปตรงมา  ชัดเจน และเป็นเลง มากพอที่จะลุกขึ้นทักถาม(ทั้งๆที่รู้ว่าเสี่ยงนักหนา) ประเด็นนี้พี่ยืนยัน(แม้คิดว่าน้องจะเลือกไม่เชื่อ)ว่า นี่ไม่ใช่การเอาน้องมาพลีชีพ  ไม่ได้ทำเพราะเกลียดชังส่วนตัว (เช่นที่น้องเสนอความเห็นลากโยงเข้าหา)อย่างแน่นอน

-ประเด็นข้อมูลคลาดเคลื่อน  ยอมรับว่าเร่งร้อนเพราะต้องการความร้อนของห้วงเวลามาเป็นตัวปลุกเร้าอีกทางหนึ่ง จึงออกแถลงการณ์โดยกล่าวรวม(ซึ่งพี่เล่าไว้ในประเด็นที่ 2แล้ว) ส่วนดิสเครดิตที่น้องว่าพี่ก็คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่น้องเลือกเชื่อและลากโยงอีกนั่นแหละ อยู่ดีๆ พวกพี่จะลุกขึ้นมาดิสเครดิตพินิจกับพิเชฐทำไม น้องถามพินิจกับพิเชฐดูว่าพวกพี่มีเรื่องโกรธกับเขาเป็นการส่วนตัวไหม อ้อ...ประเด็นเล็กๆ ของพี่ที่เป็นข้อมูลซึ่งน้องยกมาดิสเครดิตพี่(พี่เลือกเชื่อเช่นนี้ตามที่น้องวางจังหวะสวนกลับเอาไว้) คือ 1. พี่ไม่เคยส่งงานคุณภาพ(ตามที่น้องว่า)ไปยังฐานสัปดาหวิจารณ์และชาวกรุงเลย(กานติ พี่ไม่รู้)  ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ  แต่ถ้าพี่จำผิด น้องจะกรุณายกชื่องานของพี่ที่ว่ามาเตือนสติพี่หน่อยได้ไหม  พี่นึกไม่ออกจริง แต่ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นข้อมูลเล็กๆ เท่านั้น.....

น้องไอ้ปลง  ยังมีประเด็นที่น้องถามอีกหลายประเด็น  แต่ตอนนี้พี่เหนื่อยแล้ว  ขอค้างไว้ก่อน แล้วจะมาต่อให้จบครั้งหน้านะครับ

อ้อ...ขอแถมนิดนึง

ประกาศถึงน้องพินิจและผู้อ่านกระทู้นี้

ตามที่พี่เคยคุยกับน้องไอ้ปลงความว่า  พินิจเสนอที่ประชุมให้ถอดพี่หน่อย คมทวนออกจากการเป็นกรรมการรางวัลเซเว่นบุ๊ค  นั้น  มีน้องคนหนึ่งได้โทรสอบถามน้องพินิจแล้ว  และได้รับการยืนยันการน้องพินิจว่า  ไม่เคยพูดเช่นนั้น  ซึ่งนั่นแสดงว่าพี่ได้รับข้อมูลบอกเล่ามาอย่างผิดๆ  และพี่บกพร่องโดยนำมาอ้างถึงอย่างพล่อยๆ ดังนั้นเมื่อน้องพินิจบอกเล่าความจริงมาเช่นนี้พี่จึงขอกราบขอโทษน้องพินิจมาด้วยความบริสุทธิ์ใจที่การกระทำของพี่ทำให้น้องเสียหาย ย้ำข้อความ  น้องพินิจไม่ได้ทำเช่นนั้น  เป็นผมใจเร็วด่วนได้ไปเอง ทั้งขอโทษผู้ที่จำต้องรับข้อมูลผิดๆไปด้วยครับ

Comment #43
Posted @12 ส.ค.50 19.38 ip : 203...201

เยาวชนเขียนงานกวี ด้วยหัวใจที่ศรัทธาต่อพลังของบทกวี เขาไม่เคยคิดหรอก ว่าซีไรต์จะมีดีกว่าบทกวีที่เขาเขียนเองตรงไหน

.......................... แด๋นขออนุญาตเข้ามาวิ่งเล่นด้วยคนนะครับ แด๋นจะเข้ามาวิ่งเล่นอย่างที่เด็กๆเขาวิ่งเล่นกัน วิ่งเล่นกับผองเพื่อน วิ่งเล่นกันด้วยความรักครับผม......

Comment #44
Posted @12 ส.ค.50 22.22 ip : 125...137

ขอบคุณพี่หลองครับที่ออกมาพูดคุยอีกครั้ง

เพื่อจะได้ฟังความทั้งสองด้าน  และได้มองประเด็นต่างๆที่หลากหลาย


ขอบคุณไอ้ปลง ที่ได้ออกมาตั้งคำถามต่อแถลงการณ์  เพื่อความเคลือบแคลงสงสัยจะได้หมดไป


ผมคิดมา 2 วันแล้วว่าจะปิดกระทู้นี้ได้หรือยัง

ด้วยเกรงมันจะบานปลายไปกันใหญ่โต

แต่ถ้าปิด  นั่นก็อาจหมายความว่าไม่มีสนามดีเบตถกกันเรื่องนี้  หรืออาจมีก็ไม่รู้นะครับ


ผมจะเปิดกระทู้นี้ไว้จนถึงวันพรุ่งนี้ค่ำๆ  เผื่อพี่หลองกับไอ้ปลงอาจมีเรื่องอื่นใดที่อยากพูดอีก  และถ้ามีสิ่งอยากพูด  ผมก็จะเปิดทู้ไว้เรื่อยๆ จนกว่าจะเคลีย หลังจากนั้นก็จะปิดกระทู้  โดยคงไว้ซึ่งหัวข้อและคำตอบทั้งหมด  เพียงแต่ไม่สามารถเข้ามาตอบต่อตอบเพิ่มได้เท่านั้นครับ


ขอบคุณครับ

Comment #45
ปลงไม่ได้ (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 5.24 ip : 58...10

ขอบคุณที่เปิดกระทู้นี้ ภาพรวมของซีไรต์แย่มาก ผมไม่โทษกรรมการคัดเลือก ผมไม่โทษกวีที่เข้ารอบ แต่ผมขอตำหนิอย่างรุนแรงต่อบรรดากรรมการใหญ่ของซีไรต์ที่ไม่ตั้งใจสนับสนุนงานวรรณกรรมอย่างจริงใจ กลับช่วยกันทำลายมากกว่า เร่มจากสรรหากรรมการที่ไม่เชี่ยวชาญมาช่วยกันคัดหนังสือทิ้งเกือบหมด วรรณศิลป์เป็นงานชั้นสูง ต้องได้คนมีระดับที่คร่ำหวอดอยู่กับเรื่องนี้มาตลอดชีวิต เท่าที่ทราบผู้ที่ผูกขาดตัวจริงชื่อ อาจารย์นิตยา มาศะวิสุทธิ์ รู้สึกว่าผูกขาดต่อเนื่องถึง 35ปีหรือกว่านั้น เป็นผู้ที่จัดการเรื่องซีไรต์ทั้งหมด ส่วนอาจารย์สุขุมพันธท่านก็แค่เอาหน้าตัวเองออกสื่อ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากการเมืองและเน้นการประชาสัมพันธ์ ผมขอตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการคัดเลือกซีไรต์พยายามประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างยิ่ง กรรมการคณะอื่นเขาไม่ออกหน้าอย่างนี้ ส่วนใหญ่ปิดกันเป็นความลับด้วยซ้ำว่าใครเป็นกรรมการ จึงจะศักดิ์สิทธิ์ นี่กลายเป็นงานที่ได้ประชาสัมพันธ์ตัวกรรมการเอง ไม่ชอบเลย หรือสมัยนี้เขาไม่ถือ เรามาช่วยกันติติงเพื่อภาพรวมของซีไรต์กันเถอะครับ อย่าให้เด็กรุ่นใหม่ว่าเอาได้ว่า คนที่ทำลายภาษาไทยคือผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็ก กระทรวงวัฒนธรรมดูแลเรื่องการประกวดทั้งหลายนี่บ้างก็ดี หาผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยกัน
อีกเรื่องที่คันใจอย่างยิ่งคือ ทำไมต้องคิดว่ากวีนิพนธ์รุ่นใหม่ต้องอ่านเข้าใจง่าย งานศิลป์ที่ดีก็คืองานที่ดี ไม่ควรตั้งกฎเกณฑ์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฉันทลักษณ์ การใช้คำศัพท์ การแสดงออก เนื้อเรื่องที่เขียน ขอให้ "ดีจริง" เถอะก็เข้าข่ายงานศิลปะชั้นดี ทีนี้ใครล่ะจะบอกได้ว่า "ดีจริง" ก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ขอยืนยันอีกครั้งว่า ต้องเลือกกรรมการที่เชี่ยวชาญด้านกวีนิพนธ์ ท้าเลยว่าให้เอา 76 เล่มที่ส่งไปให้ท่านใดก็ได้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ รับรองว่าการคัดเลือกจะออกมาเป็นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ถ้าผลบังเอิญออกมาเหมือนกัน ทุกคนก็รับได้เพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่มีแต่นักหนังสือพิมพ์ซึ่งใช้ภาษาไทยได้แย่ที่สุด

Comment #46
ยินดี (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 6.12 ip : 58...10

เรียน คุณวรภ คุณวิสุทธิ์ และคุณกานติ เมื่อเราหาที่พึ่งลำบาก ลองเรียนปรึกษาทางราชบัณฑิตยสถานดีไหม ดิฉันลองเข้าเว็บราชบัณฑิตฯ พบว่าประเทศนี้มีราชบัณฑิตด้านวรรณกรรมร้อยกรองเพียงท่านเดียวคือ คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ รู้สึกว่า
ท่านเป็นประธานกรรมการงานประกวดหนังสือด้านกวีนิพนธ์ของสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมายาวนาน และไม่โดนครหาเลย
งานนี้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพฯ ท่านคงเมตตาดูแลความยุติธรรมด้วย

Comment #47
เกี๊ยวหมูแดง (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 10.12 ip : 203...185

กวีนิพนธ์ซีไรต์ที่พี่เกี๊ยวฯอ่านรวดเดียวจบเรื่องหนึ่งคือ "มือนั้นสีขาว" ของคุณศักดิ์ศิริ มีสมสืบอะคับ ก็ไม่ทราบว่าเมื่อปี 2535 คณะกรรมการมีใครบ้าง จะซ้ำกับกรรมการคัดเลือกปีนี้หรือเปล่า

ความรู้สึกเมื่ออ่านจบคือ หนังสือเล่มนี้ดีจริง ไม่ใช่เพราะเป็นกลอนเปล่า ไม่ใช่เพราะอ่านง่าย แต่เป็นหนังสือที่ดีจริงในการเสนอปรัชญาความคิดและการสื่ออารมณ์ ซึ่งเป็นลักษณะดีของกวีนิพนธ์ เรื่องนี้ควรได้รางวัล มีกลอนจากหนังสือเล่มนี้ได้คัดเลืมาลงในแบบเรียนภาษาไทยภาษาพาที ที่เด็กๆเรียนกันทั่วประเทศด้วยนาคับ

ดังนั้นหากมีความไม่เป็นธรรม ประเด็นไม่น่าจะมาจากแค่กรรมการคนใดคนหนึ่ง การใช้ฉันทลักษณ์ไม่ฉันทลักษณ์ กลุ่มสังกัดหรืออายุผู้แต่ง แต่น่าจะอยู่ที่ สำหรับปีนี้ เล่มไหน/หรือทุกเล่ม ห่วยไม่น่าเข้ารอบแต่ดันได้เข้ารอบมามากกว่า ซึ่งสิ่งนั้นสะท้อนฝีมือกรรมการได้ชัดเจนว่ามีความรู้ความสามารถไหม  และในเมื่อกรรมการเขาตัดสินกันด้วยทั้งคณะอย่างนี้ กรณีผลการตัดสินไม่มีคุณภาพ  หัวหน้าคณะกรรมการควรรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นนาคับ

ดังนั้นในความเห็นพี่เกี๊ยวจะรื้อก็ต้องรื้อให้หมดถึงจะถูก การจะเล่นกรรมการสองสามคนจากการให้สัมภาษณ์สั้นๆ หรือตัดข้อความสั้นๆมาจากคำสัมภาษณ์ยาวๆเฉพาะข้อความที่ฟังแล้วขัดหู  เอามาตีความต่อไปว่าเขาทุจริตหรือชั่วร้ายอะไรก็แล้วแต่ นั่นก็ไม่เป็นธรรมเหมือนกัน

Comment #48
ขอร่วมด้วย (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 12.08 ip : 58...10

วิธีการคัดเลือกที่ต้องปรับปรุงก่อนอื่น มีกรรมการหลายชุด เป็นไปได้ไง อย่าหลงประเด็น ช่วงนี้สื่อกำลังตีผู้ประท้วง ดูเข้าใจอะไรยากจัง แล้วมาตัดสินงานระดับวรรณกรรมของภูมิภาคได้ไง ยิ่งเข้าใจยากกว่าซะอีกนะ

ซีไรต์กำลังทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเลอเลิศ

เชื่อไหมว่า ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกผู้ใหญ่เขารักษาหน้ากันเอง วงการภาษาไทยและวงการกวีนิพนธ์ซบเซาน่าอายที่สุดแห่งยุค

Comment #49
ซีอะไร (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 13.48 ip : 58...10

ซีไรต์เป็นของใคร เอกชนรับผิดชอบ? ได้รับมอบหมายจากใคร ช่วยอธิบายหน่อย ทำไมอิทธิพลเยอะจัง

Comment #50
เบื่อราง (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 16.21 ip : 124...60

อย่าได้ติดยึด หรือให้คุณค่ากับรางวัลเกินไป รางวัลไหนๆมันไม่มีทางทำให้ถูกใจคนทั้งหมดไปได้ ไม่มีความดี ความจริง ความงาม ในตัวของมันหรอก เพราะหนีผลประโยชน์ไมได้ อยากจะแก้ปัญหา น่าจะมองให้พ้นกรอบของรางวัล มาช่วยกันดูภาพรวมทั้งระบบของวงการน่าจะดีกว่า มีเรื่องอื่นๆที่ควรทำอีกตั้งเยอะ

Comment #51
วัวชน (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 16.30 ip : 203...251

พี่หมี่จ้ะ พี่กลัวไรนะถึงจะปิดกระทู้นี้ กลัวกระทบ สถานภาพ "ว่าที่" พี่หรือจ้ะ ทั้งที่เขาก็คุยกันมีเหตุและผลดี (ใครคมกว่าใครคนอ่านทุกคนก็รู้น่ะ) พี่จะปิดก็ได้ต่อไปพวกเราก็จะได้ไปคุยกันในพื้นที่อื่นๆๆๆๆๆ ที่มีว่างๆๆๆๆๆๆอีกเยอแยะมากมาย ไม่ง้อพี่หมี่แล้วนะ

Comment #52
Posted @13 ส.ค.50 16.53 ip : 125...108

น้องวัวชนจ้ะ-

สถานภาพว่าที่อะไรนั่นก็อย่าเพิ่งคาดเดาเลย  พี่ไม่เคยเอ่ยสักแอะ  นะจ๊ะ


ก็คิดๆอยู่ ว่าจะปิดดีหรือไม่ เพียงเกรงมันจะกลายเป็นบานปลายออกไปใหญ่โต พี่น้องแตกแยกมองหน้าไม่ติด เท่านั้น  กังวลเรื่องนี้เรื่องเดียว  ทั้งที่ก็รู้ว่าให้2ฝ่ายออกมาพูด มันก็น่าจะสร้างความเข้าใจกันได้มากกว่านิ่งเงียบอมพะนำ


ก็มีคนทักและตัดพ้อต่อว่าหลายคน


งั้นยังไม่ปิดคอมเมนต์ละกัน เนาะ


ไงก็ขอความกรุณาช่วยๆกันคอมเมนต์อย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกัน นะ

ขอบคุณอีกครั้ง

Comment #53
Posted @13 ส.ค.50 17.02 ip : 203...200

น้องแด๋น  ขออยู่ในความเป็นกลางที่สุดนะครับ แล้วก็ขอบอกกับทุกๆฝ่ายด้วย  ในฐานะที่แด๋นยังเป็นเด็กคนนึง  (เด็กที่ไม่มีใครคงอยากฟังความเห็นหรอกมั้งครับ)

แด๋นอยากพูดว่า  "ศรัทธาในบทกวีของตนเอง  จะดีกว่าไปศรัทธาในรางวัลที่คนอื่นมอบให้"  ครับ

Comment #54
จร (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 17.55 ip : 202...11

สวัสดีครับหมี่เป็ด ด้วยความเกรงใจหมี่เป็ดอย่างยิ่ง ที่ทำให้หมี่เป็ดไม่สบายใจกับลีลาเฉพาะตัวของผม

งั้นขอแลกเปลี่ยนกับ คุณปลงเป็นข้อๆแล้วกัน
1) คุณปลงคิดว่า กรรมการที่มาตัดสินรางวัลระดับซีไรต์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรางวัลที่มีผู้อ่าน "รู้จักและสนใจ" มากกว่ารางวัลอื่น (อาจเพราะมีอายุมายาวนาน) กรรมการควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง จึงจะเป็นที่ยอมรับ

2) ด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม ผมคิดว่า กวีนิพนธ์ เรื่องสั้น และนวนิยาย มีแนวการเขียนต่างกันโดยตัวเนื้องาน  ถ้าอย่างนั้น คุณปลงคิดว่า ทฤษฎีที่ใช้วิจารณ์ งานวรรณกรรมแต่ละประเภทควรแตกต่างกันโดยวิธีวิเคราะห์หรือไม่

3) คุณปลงคิดว่ากรรมการควรปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกันบ้างไหมในแต่ละปี เช่นคนนี้ถนัดวิจารณ์กวีนิพนธ์ ก็ไว้คัดเลือกกวีนิพนธ์ คนนี้ถนัดวิจารณ์เรื่องสั้นนี้ ก็ไว้เป็นตัวเลือกให้ไปคัดเรื่องสั้นเป็นตัน  ..ดีไหมครับ

4)  คุณปลงคิดว่า นักเขียนเมื่อเขียนงานปล่อยสู่สาธารณะก็ย่อมถูกตรวจสอบและถูกนักวิชาการวิจารณ์ซึ่งเป็นเรื่องปกติ  แล้วถ้านักวิชาการมาเป็นกรรมการตัดสินงาน ซึ่งก็เป็นตำแหน่งสาธารณะเช่นกัน  คิดว่าควรถูกตรวจสอบได้ไม่??

5)  ในการตัดสินรางวัลหนึ่ง  หากมีใครสักคนเป็นผู้เขียนคำนำหรือคำนิยมให้แก่หนังสือเล่มหนึ่ง และหนังสือนั้นก็ส่งประกวดรางวัลนี้ด้วย  แล้วเกิดมีการมาทาบทามให้ผู้ที่เขียนคำนิยมไปเป็นกรรมการตัดสิน  คุณปลงคิดว่าโดยมารยาท และโดยจริยธรรม เขาควรรับหน้าที่กรรมการนั้นหรือไม่  (แม้ว่าจะบอกว่าเข้าไปแล้วจะงดออกเสียงก็ตาม)

แค่นี้ละครับ..


---ขออธิบายเพิ่มนิดนึงว่า "ไม่มีใครขอร้องหรือมอบหมายให้ผมเข้ามาโพสต์ทั้งสิ้น"  ผมคิดเองเป็นครับ และก็เห็นด้วยกับการยกระดับวงการวรรณกรรม ตามแถลงการณ์ที่ได้รับ ครับ---

Comment #55
วัวชน (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 18.16 ip : 203...251

คุณจรจ้ะ ขอความกรุณากลับไปอ่านหนังสือให้มากกว่านี้หน่อยนะ แล้วค่อยมาตั้งกระทู้ถามโน่นถามนี่ใครอื่นเขา ไปเพิ่มความรู้ให้มากว่า "น้อยนิด" ก่อนนะจ๊ะ

พี่หมี่ขอบคุณจ้ะที่รู้ทันคนรู้ทัน หมี่ชามไม่น้ำไม่เผ็ด

Comment #56
พี่น้อย (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 19.29 ip : 58...10

หนังสือเรื่องสั้นหรือนวนิยาย พอรับได้นะถ้ากรรมการไม่ค่อยถึงขั้น (จำใจน่ะ) แต่งานร้อยกรองนี่ยอมไม่ได้ ศาสตร์ใครศาสตร์มัน ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในวงการงานร้อยกรองเท่านั้น ไม่ใช่แค่อ่านหนังสือออกหรือเขียนสื่อสารได้เท่านั้น คงต้องขอเป็นแนวร่วมรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของงานร้อยกรองไทยมากกว่านี้ ไม่ได้เข้าข้างใครนะ

Comment #57
จร (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 19.51 ip : 202...11

คุณจรจ้ะ ขอความกรุณากลับไปอ่านหนังสือให้มากกว่านี้หน่อยนะ แล้วค่อยมาตั้งกระทู้ถามโน่นถามนี่ใครอื่นเขา ไปเพิ่มความรู้ให้มากว่า "น้อยนิด" ก่อนนะจ๊ะ

น้อมรับครับ ผมจะพยายามหาหนังสือมาอ่านเยอะ ๆ ให้ความรู้มากล้นเหมือนคุณวัวชนนะครับ เพียงแต่ว่า คุณ วัวชน หรือคุณ ปลง ช่วยตอบคำถาม คห.ด้านบนของคนความรู้น้อยเช่นผมได้มั้ยละครับ... จะไล่ตอบคำถามตั้งแต่ คห.25 ก็ได้นะครับ หรือถ้าเลี่ยงจะตอบ คห.25 เพราะเห็นว่าไม่ชอบวัจนลีลาของผม ก็เลี่ยงมาตอบ คห.54 ก็ได้ครับ เพราะผมเกรงใจหมี่เป็ดเลยใช้น้ำเสียงสุภาพแบบคนมีปัญญาเช่น คุณวัวชน แล้วนะครับ 

Comment #58
จร (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 20.29 ip : 202...11

ขอแก้ไขนะครับ ไม่ใช้คำว่า ตอบ  ก็ได้เนอะ  ใช้คำว่า  "แบกเปลี่ยนทัศนะ" ดีกว่านะครับ.. คุณปลง และคุณวัวชนซึ่งน่าจะอ่านหนังสือมากกว่าผมเยอะเลย ก็ลองช่วยแลกเปลี่ยนทัศนะอันมีค่ากันดีกว่านะครับ

Comment #59
Posted @13 ส.ค.50 22.00 ip : 125...254
Photo :  , 170x170 pixel 60,681 bytes

ขอบคุณครับคุณจร

Comment #60
ไอ้ปลง (Not Member)
Posted @13 ส.ค.50 22.55 ip : 203...251

เรื่องปิดคอมเมนต์ เห็นด้วยว่าไม่จำเป็น และอย่าเพิ่งเลยครับพี่หมี่เผ็ด มันคงไม่ฮีทอะไรมากแล้วล่ะ...

รอพี่วรภเข้ามาตอบครบทุกประเด็นที่ผมวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งคำถามและแย้งแถลงการณ์ สำหรับในส่วนชองผมคงจบนะครับ ไม่โต้แย้งหรือถกเถียงอะไรต่อไปอีก
แม้ว่าจะมีบางประเด็นจะกระตุ้นต่อมอยู่บ้างก็ตามที

แต่ก็เอาเถอะครับ...
ผมถือว่าได้นำเสนอสิ่งที่ผมคิดและรู้สึกออกไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของวิจารณญาณของทุกคนที่ได้เข้ามาอ่าน ไม่งั้นไม่จบ ไม่แล้วใจกันสักที ต่างฝ่ายต่างก็มีอะไรให้แย้งได้เรื่อยๆ ยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกันครับ ผมติดไปทางขี้เกียจ ไม่งั้นป่านนี้ผมอาจมีรายชื่อเข้ารอบไปด้วยคนแล้ว อิอิ

ขอรออ่านตอนต่อไปของพี่วรภดีกว่านะ...

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 37 user(s)

User count is 2440292 person(s) and 10242259 hit(s) since 26 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).