คุยกับคุณไอ้ปลง

by วรภ วรภา @9 ส.ค.50 12.53 ( IP : 61...27 ) | Tags : กระดานข่าว

หมี่  ขอใช้พื้นที่หน่อยนะ  คือพี่อยากจะคุยกับคุณไอ้ปลงหน่อยน่ะ  แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกบอร์ดไทยไรต์เตอร์และสมัครไม่เป็น(อ่านตัวอักษรไม่ตรงที่กำหนดซะที)  ไม่แน่ใจหรอกว่าคุณไอ้ปลงจะเข้ามาหรือไม่ ไงๆ ใครที่ผ่านทางมาถ้ารู้จักช่วยบอกด้วยละกัน.....

คุณไอ้ปลงครับ ติดใจคำว่า 'เสียดายใจกวี' ที่คุณรำพึงไว้ในบอร์ดจึงอยากจะพูดคุยด้วย อย่าเสียดายเลย  ผมคิดว่าใจกวีที่ว่าน่ะไม่มีอยู่จริงหรอก มันก็ละม้ายกับที่บอกว่าคำนับกวีน่ะแหละ  ไม่มีใครคำนับใครหรอก แต่หากเราเชื่อว่าใจกวีมีจริง  ผมก็อยากถามกลับว่ากรรมการที่เป็นกวีด้วยมีใจกวีเรอะเปล่า  ผมยืนยันได้ประการหนึ่ง(แม้จะไม่มีคนเชื่อ  อย่างน้อยผมก็ไม่ละอายในสิ่งที่ทำเพราะมั่นใจว่าได้ทำอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส) ว่านี่ไม่ใช่กรณี 'ขี้แพ้ชวนตี' (มีเพื่อนกวีบางคนโทรเตือนว่าระวังจะโดนข้อหานี้  แต่ผมบอกว่าผมยืนยันตัวเอง) แต่เป็นเพราะเราเห็นและรู้สึกถึงเงื่อนปมบางอย่างที่เข้าใจว่าไม่ถูกต้อง เราจึงพยายามตั้งคำถาม หลายปีที่ผ่าน  มีเสียงด่าว่าทั้งทางหนังสือพิมพ์ ทั้งทางเน็ต  แต่หาคนรับผิดชอบการด่าไม่ได้  ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาตั้งคำถามอย่างจริงจังเพราะกลัวจะเป็นขี้แพ้ชวนตีเหมือนคุณว่า  บางคนก็กลัวว่าจะผิดใจกัน  บางคนก็กลัวว่ากรรมการจะหมายหัวส่งผลถึงอนาคต  ต่างก็บ่นกันข้างนอกเวที ปีแล้วปีเล่า พวกผมโง่จนไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะโดนข้อหาพวกนี้หรือ ทั้งกานติ  ทั้งวิสุทธิ์ ทั้งผมและเพื่อนพ้องอีกหลายๆ คนใช่ว่าจะไม่เคยตกรอบ  เราตกรอบกันมาคนละหลายๆ ครั้งแล้ว  แต่ทุกครั้งเรายินดีเพราะเราไม่พบเงื่อนงำคาใจ ในส่วนของกวี เราเชื่อว่าไม่ได้เป็นความผิดของกวี  ผมเข้ามาเล่นที่บ้านของหมี่เพราะหมี่เป็นน้องรักคนหนึ่ง  ส่วนตัวยินดีกับหมี่และลุ้นหวังให้หมี่ได้ครั้งนี้ ผมสนิทกับศิริวรและลุ้นให้ศิริวรได้ แต่ก็คิดว่าคนละส่วนกัน เราตกลงกันว่าจะเปิดเผยชื่อ(ที่มีตัวตนในโลกความจริง)เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ(เราไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนเห็นด้วยกับเราทุกคน  เราไม่รู้หรือว่าเราจะโดนอะไรจากบุคคลที่เห็นต่างจากเรา)  เราไม่ชอบแบบที่ด่าพล่ามทางเน็ตแต่ไม่กล้าปรากฏตัว  ได้แต่ใช้ชื่อแฝง แล้วแอบเร้นตามซอกมุม  เราไม่ชอบดักตีหัวเพื่อน ฉะนั้น  หากเราข้องใจ  สงสัย  และเรียกหาความถูกต้องยุติธรรมแล้วเราจะสูญเสียใจกวีไปอย่างคุณว่าเราก็ยอม(ผมว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะถกถึงประเด็นใจกวี-ใจกวีต้องยอมนิ่งในทุกกรณีหรือ)  เราจะถูกประณามว่าขี้แพ้ชวนตี องุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน เราก็ยอม ซึ่งทั้งหมด  กรรมการเองก็มีสิทธิที่จะตอบเรา  และถ้าจะเกลียดเราก็จะได้เกลียดถูกคน ผมมีประเด็นที่จะชี้แจงอีกเยอะ แต่สงวนสำหรับเขียนบทความสักชิ้น จึงขอแจงคุณแต่เพียงนี้

อ้อ...ผมชอบนามแฝงของคุณนะ  ไอ้ปลง  บอกให้รู้และเตือนสติถึงการสังวร  ชอบคำนิยามของคุณยิ่งกว่า 'ปลงซะก่อนที่จะปลดปลง' บอกให้เห็นถึงการสำรวมสติมั่น แต่.....ผมคิดว่า ปลง  ไม่ได้แปลว่า  ยอมแพ้ทุกอย่าง....ใช่ไหม?

Comment #1
Posted @9 ส.ค.50 16.23 ip : 125...20

คิดว่าคุณไอ้ปลงก็คงเข้ามาที่นี่อยู่บ่อยๆครับ


มันเป็นประเด็นร้อน และเปราะบางอยู่

อย่างไรเสีย  ทุกท่านที่เข้ามาตอบ ผมขอร้องล่วงหน้านิดนึง

ใจเย็นๆไว้ก่อนนะครับ

ขอบคุณครับ

Comment #2
นางสมทรงรักฟัก (Not Member)
Posted @9 ส.ค.50 20.09 ip : 58...173

ถ้าจะกรุณา น่าจะเอามาโพสต์ที่นี่ด้วยค่ะ เพราะเกิดความ "อยากรู้อยากเห็น"เนื้อความในบอร์ดไทยไล่เถอะอย่างช่วยไม่ได้

เออ ปลง มาซักทีสิ นางสมทรงรักฟัก คอยอยู่แถวหน้าประตูมหาลัย คริๆ

อย่าเสียดายใจกวีเลย เพราะ "เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน"

ถึงคุณวรภ ดิฉันมาดีค่ะ มาเพราะเห็นคุณเรียกหาปลง เลยโผล่หน้าเข้ามานิดนึง ทักทายนายปลงซักหน่อย พออร่อยใจ

คุณดักคอล่วงหน้าว่าให้เปิดตัว เด๋วจะเซ็นต์ชื่อกำกับไว้ข้างล่าง อิอิ แต่กรุณาเรียกดิฉันว่า นางสมทรงเถอะคะ ชอบบบบบ

"เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้"

Comment #3
วรภ วรภา (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 0.40 ip : 61...209

ขอบคุณครับคุณเจริญขวัญ  แพรกทอง บลาฮาสสกี้และคุณสมทรงรักฟัก ผมเพิ่งกลับมาจากบอร์ดไทยไรต์เตอร์  เข้าใจว่าคุณคงจะเข้าไปดูแล้ว เห็นด้วยกับคุณที่ว่า 'เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน' พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้นานแล้วว่า  ...กาลเวลาย่อมเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสัตว์...  เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนนั้น ดีขึ้นหรือเลวลง เท่านั้นแหละ เข้าใจว่าคุณไอ้ปลงก็คงเป็นน้องๆ ในวงการ  ผมไม่มีสิทธิ 'เรียกหา'เขาหรอกครับ ผมเพียงแต่อยากคุยด้วยเท่านั้น  ซึ่งหากคุณไอ้ปลงไม่อยากคุยกับผมก็เป็นสิทธิของเขา  เพราะที่สุดผมก็แค่อยากแจงอะไรบางอย่างแค่นั้นแหละ  ผมไม่ชอบทะเลาะกับใครหรอก  คุณอย่าวิตกเลย....หมี่เป็นพยานได้ ผมกับคุณไอ้ปลงอาจจะต่างก็หวังดีกับวงการเพียงแต่มีวิธีคิดและวิธีมองที่แตกต่างกัน  ผมไม่แน่ใจว่าข้อความที่คุณไอ้ปลงรำพึงไว้เกี่ยวกับเสียดายใจกวีนั้นจะยังอยู่หรือไม่  เพราะรู้สึกผมจะไม่เห็นแล้ว(ไม่ยืนยัน  ผมเล่นเน็ตไม่เก่งอาจดูพลาดได้) แต่เห็นข้อความที่คุณไอ้ปลงแลกเปลี่ยนกับคุณ[uu มีบางข้อความได้ตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการ 2 คนที่ถูกกล่าวหาว่าไม่มีคุณภาพเคยคัดงานของผมและคุณกานติ ณ ศรัทธาให้เข้ารอบในปีก่อนๆ แล้วปีนี้เขาไม่มีคุณภาพหรือ  ผมว่าคุณไอ้ปลงกำลังมองข้ามเรื่องของจริยธรรมคุณธรรมไป  จริยธรรมคุณธรรมจะดีหรือเสื่อม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวันเวลาเมื่อไร  เพียงแต่ว่าปีนี้เราเห็นความเสื่อมที่ว่า  เอาง่ายๆ  ปีก่อน  อ.นิตยา มีสายสัมพันธ์กับ คุณงามพรรณ  วรรณฤกษ์ไม่ใช่เหรอที่พยายามยกประเด็นความเหมาะสม มารยาทขึ้นมาให้ไตร่ตรองกัน  ปีก่อนโน้น (48) กรรมการพิเชฐเคยถูกโจมตีเรื่องเป็น บก.ให้หนังสือเล่มหนึ่งแล้วเป็นกรรมการด้วย ภายหลังวรรณฤกษ์ก็แก้ข่าวให้ว่าพิเชฐงดออกเสียง  ทั้งหมดนั้นยังไม่เป็นบทเรียนให้ใคร่ครวญอีกหรือ ย้ำว่า  ไม่ได้ชวนคุณไอ้ปลงมาทะเลาะ  แต่เพื่อแลกเปลี่ยนมุมคิดกัน  บางทีคุณไอ้ปลงจะมองเห็นเช่นที่ผมเห็น  หรือบางทีผมอาจจะบรรลุจิตตามแง่มุมของคุณไอ้ปลง  ซึ่งนั้นคงจะดีสำหรับผม  เพราะคงไม่โดนกรรมการชกกลับมา ด้วยคารวะการเข้ามาทักทายผม วรภ  วรภา  เทิดไท  นามแทน (นายฉลอง  โหลสกุล 0816789344)

Comment #4
ไอ้ปลง (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 11.54 ip : 203...251

พี่วรภที่รักและนับถือ

หลังได้รับร่างแถลงการณ์ ผมตั้งใจจะเขียน จม.ถึงพี่ทั้งสอง และเพื่อน(วิสุทธิ์)อยู่เหมือนกัน ว่าผมคงไม่สามารถร่วมลงชื่อด้วยได้ และจะบอกด้วยว่าผมมีความรู้สึกและเหตุผลอย่างไรต่อกรณีนี้ แต่เมื่อมาอ่านเจอกระทู้ในไทยไรเตอร์ ผมในฐานะขาประจำที่นั่นอดไม่ได้ที่จะร่วมแสดงความคิดเห็น แสดงความรู้สึก ซึ่งก็อย่างที่พี่อ่านพบ ก็จริงตามนั้น-- เมื่อพี่มาตั้งกระทู้ที่นี่ ทำให้ผมล้มเลิกการส่งจดหมายและขอใช้พื้นที่ตรงนี้กับไทยไรเตอร์สื่อสารแทน น่าจะสะดวกรวดเร็วกว่า

ผมคิดว่าถึงเวลานี้ พี่คงพอจะทราบแล้วว่า "ไอ้ปลง" คือใคร ผมไม่ได้มีเจตนาปกปิดแต่อย่างใด นั่นคือล็อกอินเนมของบอร์ดแห่งนั้น และผมคิดว่าพี่คงรู้ว่านามแฝงในโลกอินเทอร์เน็ตไม่ได้มีไว้ตีหัวใครเสมอไป มันก็เช่นเดียวกับนามแฝงในวงการนักเขียน เหมือน เทิดไท นามแทน นั่นแหละ พี่ย่อมมีเหตุผลในการเลือกใช้นามนั้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพี่จะไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พี่เขียน หากเผลอไปกระทบกับใครเข้า อย่างน้อยบรรณาธิการก็น่าจะรู้ว่าพี่เป็นใคร อันนี้ก็เช่นกัน นอกจากเว็บมาสเตอร์ไทยไรเตอร์หรือพี่หมี่เป็ดจะรู้ว่าผมเป็นใครแล้ว มิตรสหายจำนวนไม่น้อยที่นั่นก็รู้กันดี  (เหนือสิ่งอื่นใด ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองสลักสำคัญอะไรต่อวงการนี้มากนัก ครั้งหนึ่งเหมือนผมเคยคิดจะเป็นกวี นักเขียน แต่วันนี้ไม่แล้ว...ผมแค่เฉียด ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ถอยออกมา และเลือกที่จะเฝ้ามองวงการวรรณกรรม เฝ้ามองพี่ ๆ และเพื่อน ๆ อย่างเงียบ ๆ แน่นอนอาจถูกมองว่าเป็นพวกบ้อท่า ล้มเหลว ผมยอมรับได้

ชีวิตที่เหลือผมเพียงอยากเป็น "มนุษย์ที่ดี" ในมาตรฐานของผมเท่านั้น ซึ่งก็ยากชะมัด
ผมขอขอบคุณ ที่ได้ให้เกียรติส่งร่างแถลงการณ์ตรวจสอบคณะกรรมการรางวัลซีไรต์ รอบคัดเลือก พ.ศ.2550 มาให้ผมพิจารณาและร่วมลงชื่อ ต้องขออภัยและคงต้องบอกตามตรงว่าผมไม่สามารถร่วมลงชื่อได้ ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะผมเป็นหนึ่งในสมาชิก "กลุ่มกวีหน้าราม" ที่ถูกพาดพิง แต่เพราะน้ำหนักแห่งเหตุและผลในแถลงการณ์ของพี่ไม่เพียงพอ ผมไม่นิยมการเล่นพรรคเล่นพวก หรือ "พวกนิยม" อะไรแบบนั้น ผมมั่นใจว่าพี่ย่อมรู้ถึงธรรมชาติของคำว่า "กวีหน้าราม" ได้ดีว่า นั่นเป็นเพียงแค่ชื่อเรียกขานและเป็นการจัดสังกัดให้ผมและคนอื่นๆ เพื่อง่ายต่อการจำได้หมายรู้เท่านั้น  สังกัดแท้จริงของผมถ้าเลือกได้ อยากอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องดีงามมากกว่า

ที่ผม(บังอาจ)กล่าวว่า เหตุผลในแถลงการณ์ของพี่มีน้ำหนักไม่เพียงพอนั้น ผมขออนุญาตขยายความให้ทราบพอสังเขปในแต่ละข้อดังนี้ครับ

-กรรมการไม่เข้าใจกวีนิพนธ์อย่างแท้จริง หรือมีอคติ
    ประเด็นนี้ผมคิดว่าถ้าเป็นการคิดและคุยกันอยู่ในวงเล็ก ๆ แคบ ๆ อาจสามารถกระทำได้โดยไม่มีปัญหาต้องโต้แย้งอะไรมากนัก ทัศนะของพี่พิเชฐต่อกวีนิพนธ์นั้น เป็นเพียงทัศนะหนึ่งที่เราควรเปิดใจกว้างรับฟัง และผมเห็นว่าเป็นสิทธิที่จะคิดหรือเชื่อเช่นนั้น (ไม่ว่าความคิดดังกล่าวจะอยู่ในคณะกรรมการรางวัลซีไรต์หรือบุคคลในประชาคมวรรณกรรมทั่วๆไป) เหนือสิ่งอื่นใด ผมคิดว่านั่นก็คือการนิยามและให้ "คุณค่า" กวีนิพนธ์อีกแบบ นอกเหนือจากที่เราเคยคุ้นชิน ซึ่งทัศนะดังกล่าวไม่ได้ทำให้ "กวีนิพนธ์" ตกต่ำลง แต่ทำให้กวีนิพนธ์กลายเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตผู้คนมากขึ้น แม้คำพูดจะมีนัยของการ "รื้อสร้าง" ซึ่งได้ถูกแปรความหมายไปในเชิงหยาบหยามก็ตามที ผมเองยังตั้งเฮดไลน์บล็อกผมว่า "ข้าไม่ได้เป็นกวีชาติที่แล้ว ข้าไม่ได้เป็นกวีในชาตินี้ แต่ข้าจะเป็นกวีชาติหน้า(ตอนบ่ายๆ)" คงไม่ได้แปลว่าผมหมิ่นหยามทั้งท่านอังคารและพี่ไวท์-ศักดิ์ศิริ<br />

กระนั้นก็ตามประเด็นของพิเชฐหากไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่สามารถถกเถียงกันได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะปัดทิ้งหรือทำหมันความคิดนี้ไปตั้งแต่แรก และเชิดชูให้ความคิดแนวขนบถูกต้องเพียงประการเดียว ผมไม่คิดว่าความเชื่อของพวกพี่จะถูกกระทบกระเทือนอะไรด้วยซ้ำ คนส่วนมากยังเชื่ออย่างที่พวกพี่เชื่อ น้อยคนที่จะคล้อยตามความเห็นพิเชฐ เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าพี่ไม่จำต้องเดือดร้อนอะไร ในแนวทางของการสร้างสรรค์งานศิลปะ ความแตกต่างหลากหลายไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือครับ

ผมว่าประเด็น อะไรคือคุณค่าที่แท้จริงของกวีนิพนธ์  ทำไมคนรุ่นใหม่ไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของกวีนิพนธ์ ความหมายของกวีนิพนธ์มีเพียงแง่มุมเดียวที่เราเลือกสมาทานอยู่หรือไม่ เหล่านี้เป็นเรื่องที่แวดวงวิชาการ และประชาคมวรรณกรรมควรถกเถียงกันนอกเหนือเทศกาลซีไรต์ได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่เป็นประเด็นที่จะหยิบยกมาดิสเครดิตกรรมการที่เขามีความคิดความเชื่อต่างจากเรา ผมค่อนข้างเหลือเชื่อที่พี่มาติดใจเรื่องราวเหล่านี้

ยิ่งเรื่องการต้องลุกขึ้นโค้งคำนับกวีอะไรนั่นด้วยแล้ว ผมไม่รู้มันเป็นขี้ปากอะไรใครมาจากไหน แต่มันก็เป็นวาทะที่ผลิตซ้ำกันวุ่นวายจนทึกทักเหมาว่าเป็นสัจธรรมจริงไปตามนั้น หากเราสักคนไม่เชื่อตาม ผมไม่เห็นว่ามันจะไปหมิ่นแคลนเกียรติ หรือพุทธิปัญญาของกวีคนหนึ่งคนใดเลยด้วยซ้ำ พี่ย่อมรู้ไม่ใช่หรือ การที่เราจะนับถือใคร ก้มหัวให้ใคร ลงให้ใครทั้งกายและใจ ยอมรับใครนั้น ไม่ได้อยู่ที่เครื่องทรง ไม่ได้แค่เขาเป็นกวีหรือไม่เป็น ไม่ได้แค่เขาเขียนงานสะท้อนปรัชญาธรรมะสูงส่งมามากมายแต่เพียงประการเดียว แต่ยังต้องรวมถึงวัตรปฏิบัติแท้จริงของเขาต่อเรา (และคนอื่น ๆ) ด้วย วาทะอันนี้เองทำให้กวีรุ่นใหม่ ๆ จำนวนหนึ่งหลงเพ้อพกไปกับสถานะที่สูงส่งจนไม่เห็นหัวใครต่อใครมามากแล้ว ผมว่าพอกันที...ขออภัยพี่ด้วยที่ต้องพูดตรง ๆ อย่างนี้

ยังมีต่อนะครับ...แต่ผมขอพักไปทำอย่างอื่นก่อน

อ่านแถลงการณ์ 3 กวีใต้ได้ที่นี่ครับ

http://www.oknation.net/blog/nity/2007/08/08/entry-2

Comment #5
วิกมล (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 13.46 ip : 58...53

รออ่านครับ Good Thought
Good Speech
Good ACtion
Bring Happiness

Comment #6
นันธวรรณ์ (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 14.25 ip : 87...183

ชัดเจน และมีน้ำหนัก
รออ่าน...

Comment #7
วรภ วรภา (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 15.00 ip : 61...209

น้องไอ้ปลงที่นับถือ รู้สึกขอบคุณและดีใจที่น้องเข้ามาคุยกับพี่  อันที่จริงพี่ไม่รู้หรอกว่าน้องเป็นใคร  กับหมี่ก็ไม่เคยถามเพราะคิดว่าเมื่อเราใช้นามแฝงตรงสถานการณ์ใด ย่อมแสดงว่าเราต้องการให้ 'รู้จัก'เราตรงนามนั้น และหากเจ้าตัวไม่เผยออกมาเอง ก็ไม่บังควรไปแคะไค้เพียงเพราะอยากรู้อยากเห็น ต่อประเด็น 'แอบตีหัว' พี่ขอโทษหากพูดไม่ชัดแล้วทำให้น้องไอ้ปลงเข้าใจว่าหมายถึงน้อง  ที่จริงพี่ต้องการหมายถึงใครต่อใครที่ประพฤติเช่นนั้น ซึ่งเราก็เคยเห็นกันมาหลายครั้งแล้ว  นามแฝงชนิดนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของการ 'หมายรู้' แต่เป็นการแอบซ่อนด้วยไร้ความหาญกล้าและอ่าเผย ซึ่งพี่พยายามเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มพวกพี่ที่ลงชื่อมายืนยันความสัตย์ซื่อต่อสิ่งที่พบเห็น  เชื่อ และกระทำมัน โดยเฉพาะต่อการรับผิดชอบสิ่งที่พูดออกไป ขอบคุณ(อีกครั้ง)ที่ช่วยบอกพี่ตรงๆ ว่าร่วมลงชื่อไม่ได้ พี่โทรคุยกับหมี่  หมี่บอกพี่ว่าขอไม่ลงชื่อ  พี่ก็บอกกับเขาว่าพี่เห็นด้วย เพราะถ้าหมี่ไม่บอกพี่ พี่ก็จะบอกหมี่ว่าในฐานะที่หมี่เข้ารอบ หากหมี่มาลงชื่อมันจะดูไม่งาม กรณีของน้องไอ้ปลงก็เช่นเดียวกัน หากเห็นต่างก็มีสิทธิเต็มที่ที่จะไม่ลงชื่อ  แต่แค่น้องอ่านแถลงการณ์จบ พี่ก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยความเห็นน้องที่บอกว่า 'น้ำหนักไม่เพียงพอ' ก็ทำให้พี่รู้จุดพร่องที่ต้องเติมเต็มต่อไป ที่จริงแถลงการณ์ฉบับนั้นยังไม่สมบูรณ์นัก  เราจึงระบุไว้ว่าห้ามใช้อ้างอิง  บางประเด็นพูดแค่ 'ผล' หากยังไม่ขยายสู่ 'เหตุ' จึงอาจทำให้มองได้ว่าพวกพี่คิดแค่นั้นเช่นกรณีที่น้องยกมา  นั่นเป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดหนึ่งเท่านั้น  ยังมีส่วนที่ต้องขยายกันต่อไปอีก (แต่ตอนนี้พี่ขออุบไว้ก่อน เพราะสงวนไว้เขียนบทความ) พี่เข้าใจว่าตัวเองเป็นคนยอมรับกฎเกณฑ์กติกาและความคิดความเชื่อคนอื่น(บางทีพี่อาจกำลังเข้าใจผิด อาจเข้าข้างตัวเองอยู่) แต่ทั้งนี้การยอมรับนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความถูกต้อง ดีงาม(ซึ่งเราอาจจะมองต่างมุมกัน) ด้วย  การลุกขึ้นมาตั้งคำถามของพวกพี่ไม่ได้หมายจะดิสเครดิตกรรมการ  หากกำลังตั้งคำถามถึง กระบวนการ  ความเหมาะควร  และคุณธรรมจริยธรรม อันล้วนเป็นองค์ประกอบของความถูกต้อง งดงามดังว่า คงจะเปรียบได้ว่า เช่นครั้งหนึ่ง กลุ่มกวีหน้ารามเคยตั้งคำถามถึงกวีรุ่นใหญ่  น้องพินิจเคยตั้งคำถามถึงงานเข้ารอบของกานติ ณ ศรัทธาว่าเข้ามาได้ยังไง  เหมือนกับที่พี่ได้ยินมาว่า(พี่ไม่ยืนยันว่าจริงหรือไม่  ถ้าไงน้องลองถามพินิจดู)พินิจ 'เสนอ' ให้กรรมการเซเว่นบุ๊คถอดพี่หน่อย คมทวนออกจากการเป็นกรรมการด้วยเหตุผลพี่หน่อยไม่สบาย  ต่างๆ เหล่านี้ซึ่งทุกคนก็รับฟังความเห็นและข้อเสนอนั้น  ยกตัวอย่าง ใช่ว่าจะคิดแค้น หมายแก้ให้ใคร แต่ยกเพื่อให้น้องช่วยฟังพี่ในแง่มุมของการ 'ตั้งคำถาม' 'เรียกร้อง'และ 'เสนอแนะ' อะไรบางอย่าง เท่านั้น ถ้าพี่กับพรรคพวกจะบอกว่าเราทำเพื่อวงการวรรณกรรม ก็ดูจะอวดอ้างเกินไป และถ้าพี่กับพวกจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นขี้แพ้ชวนตี หลายคนคงจะไม่เชื่อเพราะเรามีตรา'ส่งประกวด'ประทับติดอยู่  ประเด็นนี้เราใคร่ครวญอยู่หลายตลบ  หากที่สุดเราก็สรุปว่าถ้าเราวางเฉย เราก็อยู่รอดปลอดภัย  พี่ไม่ชัง  น้องไม่เกลียด เพื่อนไม่ด่า(ข่าวแว่วว่ามีกวีหน้ารามคนหนึ่ง โทรไปต่อว่าวิสุทธิ์แล้ว) แต่ในที่สุดความไม่สง่างาม(ที่พี่กับเพื่อนมองเห็น) ก็จะคงอยู่ต่อไป  น้องปลงครับ หลังประกาศผล พวกพี่ได้รับโทรศัพท์จากนักเขียนที่ทั้งส่งประกวดและไม่ส่งโทรเข้ามาระบายความไม่พอใจ จากทั้ง 4 ภาค มากพอสมควร  ทำให้เราตัดสินใจลุกขึ้นมาพูด ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเปลืองตัว ต่อประเด็นที่มีคนถามว่าหากกรรมการเหล่านี้ยังอยู่พี่และพวกจะส่งงานอีกหรือไม่  พี่ไม่อาจตอบแทนพวกเขาได้ แต่สำหรับพี่ ตอบได้ว่า 'ส่งอีก' เพราะพี่ไม่ได้ตั้งหมายมุ่งว่าจะไล่กรรมการ(ซึ่งพี่ไม่มีอำนาจและรู้ว่าเป็นไปไม่ได้)  แต่เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของกรรมการ(ไม่ว่าใครจะมาเป็น)เท่านั้น  น้องปลงพูดถึงความหลากหลายของงานศิลปะ  พี่ก็เห็นด้วยและก็อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆแต่ว่ากรรมการเห็นอย่างนั้นไหม  จุดเล็กๆ ที่กรรมการอธิบายเห็นเช่นนั้นไหม  กรรมการมองในทิศทางของศิลปะที่มีอยู่หลายรูปแบบ  หลายวิธีการ  หลายขนบไหม น้องปลงอาจจะไม่รู้ว่าพี่เคยตกรอบพานแว่นฟ้า  เคยโทรคุยกับพินิจ น้องเขาปลอบใจพี่ว่า กรรมการหลายคน หลากหลายมุมมอง  หลายทัศนะ  พี่ก็ยอมรับ  ครั้นเมื่อได้อ่านงานของน้องๆ พี่ก็บอกตัวเองว่า เออ  อ้ายเจ้านี่มันแน่  เมื่อกระบวนดำเนินไปอย่างหมดจดงดงาม  ใครล่ะจะหาญกล้ามาตีโพยตีพายให้ขายหน้าผอง 'ปัญญาชน' พี่ดีใจที่น้องอุตส่าห์ให้เวลาคุยกับพี่  นี่เป็นการคุยข้อความในเน็ตครั้งที่ยาวที่สุด ทำให้คนแก่อย่างพี่ชักเหนื่อย แต่ก็ยังมีประเด็นอีกเยอะเหมือนที่น้องว่า  หวังว่าเราคงจะได้แลกเปลี่ยนกันอีก
ด้วยรักในหัวใจและฝีมือ พี่หลอง

Comment #8
นันธวรรณ์ (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 15.29 ip : 87...183

ดิฉันไปอ่านแถลงการณ์แล้ว เห็นด้วยกับประเด็นกรรมการหน้าเดิม และควรสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทุกปี ไม่อย่างนั้นจะเหมือนกับว่าประเทศของเราขาดแคลนผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านวรรณกรรม
แต่การออกแถลงการณ์นี้ ดิฉันคิดว่าน่าจะกระทำก่อนที่จะมีการตัดสิน หรือก่อนที่ผลการตัดสินจะออกมา...คิดออกแค่นี้

Comment #9
Posted @10 ส.ค.50 16.18 ip : 125...18

มาทำลิงค์จากคห.ไอ้ปลงให้ครับ

www.oknation.net/blog/nity/2007/08/08/entry-2

Comment #10
ไอ้ปลง (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 16.20 ip : 203...251

พี่วรภครับ

ผมขอขอบคุณ ทั้งหลายทั้งปวงที่พี่เล่ามานี้เป็นข้อมูลสำหรับผมและคนอื่นๆจะได้เข้ามารู้เบื้องหลังและความนัยจริง ๆ ของพี่ ซึ่งย่อมได้ประโยชน์ทั้งตัวพี่ และคนที่สนใจติดตามเรื่องนี้

ที่พี่บอกว่า

"น้องปลงอาจจะไม่รู้ว่าพี่เคยตกรอบพานแว่นฟ้า เคยโทรคุยกับพินิจ น้องเขาปลอบใจพี่ว่า กรรมการหลายคน หลากหลายมุมมอง หลายทัศนะ พี่ก็ยอมรับ ครั้นเมื่อได้อ่านงานของน้องๆ พี่ก็บอกตัวเองว่า เออ อ้ายเจ้านี่มันแน่ เมื่อกระบวนดำเนินไปอย่างหมดจดงดงาม ใครล่ะจะหาญกล้ามาตีโพยตีพายให้ขายหน้าผอง 'ปัญญาชน'

นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงตัวตนบางด้านที่น่าชื่นชมของพี่พินิจหรือเปล่า และแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเวทีพานแว่นฟ้า หรือเวทีซีไรต์ เขาไม่มี "อำนาจ" ชี้นำใครได้ ก็ไม่รู้นะครับ รู้แต่ว่าถึงวันนี้พี่เกิดความคลางแคลงเสียแล้ว

ผมกำลังจะนำเข้าสู่ประเด็นที่แถลงการณ์ระบุว่า กรรมการผูกขาดอำนาจ

ผมอ่านแล้วไม่แน่ใจที่บอกว่า กรรมการหลายคน (ได้แก่ ธเนศ พินิจ พิเชฐ) ผูกขาดอำนาจมายาวนานนั้น อดสงสัยไม่ได้ว่าคำว่า "ยาวนาน" นั้นขนาดไหน (รางวัลซีไรต์จัดมาแล้ว 28 ครั้ง) กับอาจารย์ธเนศนั้นแน่ละ เป็นกรรมการซีไรต์หลายครั้งจนผมจำไม่หวาดไม่ไหวเหมือนกัน  (แต่ผมเห็นว่าอาจารย์ธเนศคงไม่ใช่เป้าประสงค์ที่แท้จริงของพวกพี่ในการออกแถลงการณ์ครั้งนี้)

สำหรับกรรมการอย่างพี่พิเชฐกับพี่พินิจนั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า "ยาวนาน" ได้หรือไม่ ถ้าจำไม่ผิดพี่พิเชฐเป็นกรรมการมาแล้ว 4 ครั้ง ส่วนพี่พินิจก็เพิ่งเป็นกรรมการเมื่อปีที่แล้วนี่เอง (ในแถลงการณ์บอกว่า "พินิจ นิลรัตน์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการซีไรต์มาหลายสมัย ตัดสินผลงานทุกประเภท ทั้งกวีนิพนธ์ เรื่องสั้น และนวนิยาย...") การเป็นกรรมการหลายปีคือการผูกขาด "อำนาจ" ใช่ไหม พี่รู้หรือครับว่าเสียงของพี่พินิจกับพี่พิเชฐมีพลังโน้มนำกรรมการคนอื่นในที่ประชุมแค่ไหน ตกลงการเป็นกรรมการติดต่อกันหลายปี (ไม่ว่าจะใครเป็น) มีปัญหาในตัวมันเองหรือว่าอย่างไร หรือว่ามีข้อแม้ว่าถ้าเป็นกรรมการหรือผู้ทรงคุณวุฒิบางคน เช่น ผศ.ดร.ตรีศิลป์ อดุล จันทรศักดิ์ อ.นิตยา มาศะวิสุทธิ์ นท.หญิงสุมาลี วีระวงศ์ หรือกระทั่งเนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ เหล่านี้ เป็นได้ สามารถผูกขาดได้ (เพราะไม่มีอำนาจชี้นำใครในที่ประชุมให้คล้อยตาม) ใช่ไหม ผมไม่เห็นพี่กล่าวถึงรายนามคณะกรรมการเหล่านี้เลย ถ้านับจำนวนครั้งเผลอ ๆ แต่ละท่านจะเป็นกรรมการถึง 10 ครั้งหรือมากกว่า ผมไม่มีเวลาตรวจสอบ

ผมเห็นด้วยว่าภาพการผูกขาดเหล่านี้เกิดมานานแสนนาน และการผูกขาดทุกวงการย่อมเป็นปัญหา ต่อกรณีซีไรต์ผมแปลกใจว่าไฉนต้องพุ่งมาที่พี่พินิจหรือพี่พิเชฐ (มีอะไรกันส่วนตัวหรือเปล่า-แต่ผมเห็นว่าสนิทสนมกันดีนี่ จนผมในฐานะน้อง ๆ แปลกใจว่าไฉนพี่ต้องเล่นกันถึงขนาดนี้) ต้องยอมรับว่า 2 คนนี้คือคนรุ่นใหม่ ที่เข้าไปเป็นส่วนผสมกับกรรมการหน้าเดิม ๆ    (จะมีคุณภาพไม่มีคุณภาพ ได้ดังใจใครหรือเปล่าเป็นอีกประเด็นนะครับ เพราะจะมีปัญหาอีกว่าใครเป็นคนตัดสิน จะใช้วุฒิการศึกษา จะใช้งานเขียน หรือใช้การได้รับรางวัลต่าง ๆ วัดหรือ...)

ผมว่าถ้าหวังดีกับรางวัลซีไรต์จริง ๆ พี่ต้องพูดรวมไปถึงภาพรวมทั้งหมดของรางวัล แล้วพี่จะได้แนวร่วมมากกว่านี้ เรารับสภาพนี้มานาน รอต่อไปอีกนิดพอการประกาศผลเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว "กลุ่มคลื่นใหม่" ค่อยเป็นตัวตั้งสังคายนาซีไรต์กันสักทีจะดีกว่ามั้ย มันมีห้วงเวลาอีกพอสมควรที่จะทบทวนเรื่องเหล่านี้กันจริงๆจังๆ ช่วงเวลาที่พี่ไม่ต้องเจอปัญหาขี้แพ้ชวนตีแบบที่กำลังเจอในห้วงเวลานี้ หรือว่ามันเร่งด่วนจนกระทั่งจะเกิดการล่มสลายภูมิปัญญาของประเทศ การตกรอบหรือการเข้ารอบมาได้ครั้งก่อน ๆ ของพี่(ภายใต้การผูกขาดที่ว่า) มันไม่ทำให้พี่เห็นว่าเราต้องเร่งทำอะไรสักอย่างเวลานั้นหรอกหรือ และแนวร่วมการปฏิรุปรางวัลซีไรต์นั้นแท้จริงก็ไม่ควรจำกัดเฉพาะเหล่ากวีเท่านั้น หากแต่ต้องขยายออกไปถึงประชาคมวรรณกรรมทั้งมวลด้วย

ค่อยมาต่อครับ

Comment #11
สานิตย์ (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 16.23 ip : 202...194

เวบพี่หมี่จะระเบิด ก็คราวนี้แหละครับ...(หมายความว่ามีประชาชนเข้ามาอ่านเยอะ)

Comment #12
วิกมล (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 16.33 ip : 58...53

มาอ่านอีกครับ อ่านไปคิดไป
ประโยคนี้ของไอ้ปลงก็น่าคิด "...แปลกใจว่าไฉนต้องพุ่งมาที่พี่พินิจหรือพี่พิเชฐ (มีอะไรกันส่วนตัวหรือเปล่า..)

Comment #13
Posted @10 ส.ค.50 16.42 ip : 125...18

พื้นที่นี้เปิดกว้างสำหรับทุกคนในการแสดงความคิดเห็น

ยินดีต้อนรับ และภาคภูมิใจเสมอ เมื่อเห็นการวิวาทะกันด้วยเหตุและผล


การได้ฟังทัศนะทั้ง2ฝ่ายเป็นเรื่องดีครับ

Comment #14
narapa (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 16.50 ip : 58...66

รู้สึกทะแม่ง ทะแม่งนะ สำหรับคุณไอ้ปลง

Comment #15
จร (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 20.29 ip : 202...11

เข้ามาสวัสดีหมี่เป็ด ..คุณวรภ และคุณไอ้ปลง...

ผมขอถามสมาคมนักเขียนคำเดียว.. "พินิจ นิลรัตน์" เคยมีผลงานวิจารณ์กวีนิพนธ์ที่อยู่ในระดับ "เหมาะควรเป็นกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งระดับอาเชี่ยน หรือไม่  โปรดแถลงไขและนำผลงานวิจารณ์วรรณกรรม(เฉพาะสาขากวีนิพนธ์) ที่มีให้ทราบกันหน่อยสิ จะเป็นพระคุณอย่างสูง ..... คนที่สมาคมนักเขียนคัดสรรมา ไม่มีใครที่เป็นนักวิจารณ์กวีนิพนธ์ระดับแนวหน้าที่สังคมเห็นด้วยและน้อมรับในผลงานวิจารณ์อีกแล้วหรือกระไรหรอ!

Comment #16
จร (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 20.43 ip : 202...11

อดขอร่วมแสดงความเห็นหน่อยนึงว่า.. การพูดถึงความเหมาะควรของกรรมการ ผมว่าจะเป็นผลสะเทือนส่งต่อไปถึงสมาคมฯที่คัดสรร กรรมการมาด้วย นี้ละคือการสัมมนาและสังคายนาเพื่อคุณภาพของซีไรต์ในปีถัดๆไป.... คนที่เป็นพี่น้องกัน แล้ว เล่นกันแรงอย่างนี้ละที่น่ายกย่องว่า "ถึงคราวสู้เพื่อความชอบธรรม ก็ต้องยกพี่น้องไว้ก่อน"   ส่วนรวมมิใช่บอบซ้ำก็เพราะ คนที่มีอำนาจตัดสินอะไรสักอย่าง แล้วยังเห็นแก่หน้า พี่น้อง ไม่กล้าต่อสู้เพื่อความขอบธรรมหรอกหรือครับ...

...

Comment #17
นางสมทรงรักผัก (มีคน (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 21.04 ip : 58...19

เข้ามาอีกรอบ ไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังร้อนอยู่ค่ะ

แต่หากอยากจะบอกว่า การถกข้อเท็จจริงทางหน้าอินเตอร์เนต ก็เหมือนกับการเขียนประวัติศาสตร์แหละ ขึ้นอยู่กับว่า "ใคร" เป็นคนเขียน ใครยืนอยู่ฝ่ายใด และใครเลือกจะเชื่อใคร

ข้อมูลคือ ข้อมูล ความคิดเห็นคือความคิดเห็น  คนในแวดวงวรรณกรรม จะมีความชำนาญที่สามารถเขียนโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อในสิ่งที่ "ต้องการ" ให้เชื่ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งที่ถกกันต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นเพียงการระบายสีเท่านั้น  ส่วน "ข้อเท็จจริง" นั้น อยู่ตรงจุดไหนล่ะคะ

เคยเห็นมามากแล้ว กรณีที่คนในแวดวงมีปัญหากัน ต่างฝ่ายต่างใข้เครื่องมือโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อสิ่งที่ตนคิดและคนเชื่อมากที่สุด จนสุดท้าย กลายเป็นสองฝักสองฝ่าย และไม่รู้ว่า "อะไรจริง อะไรเท็จ"

เจอกันแบบเผชิญหน้า และคุยกันตรงๆ  ดีกว่ามั้ย

Comment #18
จร (Not Member)
Posted @10 ส.ค.50 21.06 ip : 202...11

www.oknation.net/blog/nity/2007/08/08/entry-2
ผมว่าแถลงการณ์ในลิ้งนี้  เขาพิมพ์ตก หรือจงใจจะไม่พิมพ์คำว่า  "ฉบับร่าง ห้ามนำไปอ้างอิงใดๆทั้งสิน" ..เผอิญผมได้รับฉบับนี้ด้วย แล้วทำไมคนนำไปลงถึงไม่พิมพ์ข้อความนี้ลงไป  นั้นเป็นฉบับที่เขาส่งให้พรรคพวกอ่าน  ก่อนจะออกแถลงการณ์เผยแพร่ฉบับจริงมั้งครับ...

Comment #19
วรภ วรภา (Not Member)
Posted @11 ส.ค.50 8.52 ip : 61...34

เช้านี้ขอคุยกับคุณสมทรงรักฟักก่อนนะน้องไอ้ปลง คุณสมทรงรักฟักครับ เห็นว่าคุณเข้ามาด้วยจังหวะลีลาที่น่าสนใจจึงอยากคุยกับคุณขึ้นมา เห็นด้วยกับคุณเต็มใจเลยครับ  ในโลกอินเตอร์เน็ตค่อนข้างเชื่ออะไรได้ยาก  แต่ถึงยังไงก็ตาม ผมคิดว่า 'ความจริง' 'ความเท็จ' มันอยู่ที่ 'คน' ต่างหาก ผมตั้งสมมุติฐานในการเข้าเล่นเน็ต(เป็นความคิดเฉพาะตัวนะครับ  ไม่หวังโน้มน้าวให้ใครเลียนแบบหรอกครับ) ว่า หนึ่ง เห็นชื่อที่รู้จักตัวตนกันอย่างแท้จริง  มีแนวโน้มว่า (อาจ)เชื่อได้  เช่นกรณีที่คุณเปิดเผยว่าชื่อ เจริญขวัญ  แพรกทอง อบาลาสสกี้  ซึ่งเคยเห็นกระทู้หมี่พูดถึง  ผมจึงเชื่อ  สอง การพูดมีข้อมูลสอดคล้องกับเหตุการณ์จริง  ผมคิดว่า  เราฟังแต่การบอกเล่าในเน็ตอย่างเดียวไม่ได้หรอก  เราควรเสาะหาข้อมูลด้านอื่นๆ ด้วยโดยเฉพาะจากเหตุต้นเรื่อง  แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราเห็นว่าไร้สาระ เราก็เฉยซะ  สาม เมื่อเราเห็นเหตุต้นเรื่อง นำมาประมวลเข้ากับเหตุและผล (ในรูปของวาทกรรมที่คุณว่า) ก็คงจะพอเห็นเค้าราง ผมคิดว่าสมมุติฐานสามด้านที่ผมยึดคงพอประมาณได้  แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็น
ก่อนจบ  ผมขอย้ำอีกทีว่า  ความไม่น่าเชื่อ ไม่ได้อยู่ที่คุยผ่านเน็ตหรือไม่ (คุยต่อหน้ายังหลอกลวงกันได้  มีเยอะแยะไป  คุณว่ามะ)  แต่มันอยู่ที่ คน ต่างหาก เรื่องการคุยเผชิญ  เรายินดี  ยิ่งถ้ามีองค์กรเปิดเวทีสัมมนาประเด็นนี้ยิ่งดีใหญ่ (ก็ผมถือว่า การมีตัวตนของเรา เทียบเท่ากับการเผชิญหน้าอยู่แล้ว) เออ...เท่าที่เห็นคุณคุยกับหมี่  ผมว่าท่าทีคุณน่ารักดีนะ

Comment #20
นางสมทรงรักฟัก (Not Member)
Posted @11 ส.ค.50 10.01 ip : 58...79

แวะมาอ่าน ขอติดพี่วรภก่อนนะคะ เดี๋ยวนางสมทรงจะรีบแล่นไปดูเจสัน บอร์น

ดูหมดทุกโปรแกรมแล้ว ยกเว้นเรื่องนี้เย็น ๆ จะแวะเข้ามาใหม่ ต้องรีบดูค่ะ ที่เมืองไทย ค่าดูหนังถูกกว่าแถวบ้านนอกที่ดิฉันอยู่มาก

ตอนนี้ กลับมาเมืองไทยอันแสนทันสมัย ต้องรีบดูซะให้คุ้ม

แท้จริงแล้วนางสมทรงเป็นคนน่าลาก หาใช่น่ารักไม่

เออ ปลงๆ พี่เค้านัดเจอแล้ว ไปนัดพี่เค้าแถวอาร์ซีเอหรือเซ็นเตอร์พอยท์ดีล่ะ

เดี๋ยวดิฉันจะมาร่วมถกอย่างมีสาระ ตอนเย็นๆ ค่ะ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 1 member(s) of 25 user(s)

User count is 2440186 person(s) and 10241793 hit(s) since 26 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).