มอญร้องไห้
มอญร้องไห้
๑).
ทะมึนขรึมขลังอลังการ
เป็นบ้านไม้เนื้อดีทาสีเขียว
หลังคาลาดงอนหงาย-ปลายเรียว
เก่าเคี่ยวจนคร่าคร่ำฝาไม้
หยากไย่ใยบางระยางโยง
อับหมองห้องโล่ง - โถงใหญ่
สงัดเงียบเยียบถึงก้นบึ้งใจ
หอมกลิ่นน้ำอบไทยอยู่บางเบา
โพล้เพล้เพลาสนธยากาล
คร่ำครึโบราณ - บ้านเก่า
รูปหนึ่งเหมือนแท้ - แรเงา
ตรงเสาเก่าคร่ำตกน้ำมัน
๒).
ฝาไม้ลดแรงแห่งแสงพลบ
สงบสงัดเงียบจนเยียบขวัญ
สาบฝุ่นขนลุกซู่ - ชูชัน
หวาดไหวใจสั่นพรั่นพรึง
กรุ่นกลิ่นดอกไม้ไทยมาจางจาง
นอกหน้าต่างยืนต้นอยู่ต้นหนึ่ง
โบกใบไกวกวัก - รากตรึง
ทะมึนร่างขังขึงอยู่ครึ้มงำ
สะกดความรู้สึกทั้งมวลมี
วังเวงคล้ายผีมาครวญคร่ำ
ห้วงสำนึกริบหรี่ดังผีอำ
ใครพร่ำเพรียกชื่ออยู่อื้ออึง
ประตูบ้านปิดปัง! - หันหลังขวับ
จะขยับก็ชะงักเท้าหนักอึ้ง
เปิงมางไล่เสียงหลั่งมาตังตึง
ฆ้องหงส์โหม่งหึ่งมาเกรียวเกรียว
ขนลุกขนพองสยองเกล้า
บ้านเจ้าบ้านผีทาสีเขียว
มาจากไหนกลิ่นธูป - แม้วูบเดียว
ก็ยิ่งเคี่ยวเสาด้ำเยิ้มน้ำมัน
ตะลึงเกินกว่าจะขยับตัว
เสียงหัวร่อหวีดก็กรีดลั่น
เหมือนเลือดไหลวิ่ง - หยุดนิ่งพลัน
เมื่อขวัญเปิงเปิดเตลิดลอย
๓).
แล้วเจ้าของทำนองมอญร้องไห้
ห่มสไบเดินก้าวมาเศร้าสร้อย
จากทางทิศที่มิมีรอย
ประดับพลอยสุกปลั่งสร้อยสังวาล
มวยเกล้าปักปิ่น - นิลล้อมเพชร
เรืองเจ็ดสีรุ้งอยู่พลุ่งพล่าน
โพล้เพล้เพลาสนธยากาล
ดั่งนานเหมือนเคลื่อนนับเดือนปี
ดวงตาด้านดำนั้นงามเศร้า
เหมือนรูปเหมือนแรเงาตรงเสาผี
สะกดด้วยดวงตาเพียงนาที
ตรึงจับอยู่กับที่ผ้าสีไพล
ลึกลับหากสวยงามอย่างประหลาด
เคยเป็นแบบให้วาดเมื่อชาติไหน
ระหว่างเราสัมพันธ์ในฉันใด
ลมพัดสะบัดสไบจนไหวพลิ้ว
ไม้ยืนต้นดอกขาวก็กราวหอม
กรุ่นห้อมกล่อมกลมตามลมลิ่ว
หยากไย่ลมปัดก็พัดปลิว
หอมผิวนวลเรื่อของเนื้อนาง
ตะลึงซ้ำสายตาหรือฝ้าฝาด
เปลือยลาดไหล่ตึงอยู่หนึ่งข้าง
อกงอนซ่อนใต้สไบบาง
หนั่นตะโพกผายกว้างกลึงกลม
ลืมกลัวลืมทุกสรรพสิ่ง
เศร้าจริงหญิงสวยผู้มวยผม
ยังแว่วเสียงสังคีต - การหวีดคม
แห่งอารมณ์โหยหวนของมวลมอญ
๔).
คล้ายคล้ายทำนองเสียงร้องไห้
คล้ายคล้ายนัยบอกว่าขอลาก่อน
ดวงตาดวงเศร้าเริ่มร้าวรอน
สื่อส่อเกินซ่อนความอ่อนล้า
ผมดำก็หงอกเป็นดอกเลา
ความพริ้มเพราเปลี่ยนไปแล้วใบหน้า
ไพลสไบเปื่อยยุ่ยขึ้นขุยรา
เป็นผู้หญิงชราดวงตาฟาง
รวดเร็วเกินจับตาค้นหาเหตุ
เหลือเพียงรูปสังเวช - ทุเรศร่าง
เหมือนรูปเหมือนแรเงา - ที่เงาจาง
เปรอะเปื้อนเลือนรางทั้งร่างเรือน
มีเพียงคู่ตาดวงอาภัพ
ที่จ้องจับก็หลบไปกลบเกลื่อน
ผินผันหันเหเบ้เบือน
ซ่อนสะเทือนเสียงสะอื้น - ขื่นช้ำ
โสตสำนึก- หวิวหวีดเสียงกรีดคม
ยังลอยลมหนอเพลงตะเลงร่ำ
เรื่อแสงพลบสุดท้ายสลายลำ
ฉุดตะวันเรี่ยต่ำตกค่ำคืน
๕).
แล้วบ้านไม้เนื้อดีทาสีเขียว
ร้างเปลี่ยวลำพังไร้หลังอื่น
กระจกสีประดับร่วงกับพื้น
ปลุกตะลึงให้ตื่นจากภวังค์
จึงเจ้าของภาพเหมือนค่อยเลือนหาย
ไร้เสียงฟายฟูมขอ - หรือพ้อสั่ง
บ้านไม้ค่อยชำรุดจนทรุดพัง
จนกระทั่งหายวับไปกับตา
เหลือเพียงไม้ตายซากยืนตากดาว
ลมหนาวตะวันตกยังผกหา
แหละคล้ายคล้ายเพลงผีพรรณนา
ครวญหาป่าช้าจะฝังกาย
เปิงมางวังเวงเป็นเพลงมอญ
ปี่ซ้อนเสียงเอื่อย - เหนื่อยหน่าย
เนิบช้าสามชั้น - บรรยาย
งานตายเพลงโหม่งฆ้องหงส์นาง
สุดสิ้นวิญญาณในบ้านไม้
แพรไพลสไบเปลือยไหล่ข้าง
ปี่พาทย์นางหงส์ยังคงคราง
ครวญในความเวิ้งว้างอันร้างไร้
เสียงผีหาป่าช้าจะฝังกลบ
กล่อมศพตนเองด้วยตะเลงไห้
มองผืนดินร้างรก - ยิ่งตกใจ!
หญิงโบราณในบ้านไม้ - ตายไปนานแล้ว!!
อาทิตย์ข่าวพิเศษ ๒๕๓๙