เอาไงดีฮับน้าหมี่

by ธุลีดิน @30 ก.ค.53 19.56 ( IP : 111...190 ) | Tags : กระดานข่าว

เธ„เธณเธญเธ˜เธดเธšเธฒเธขเธ�เธฒเธž

๏ เอาไงล่ะน้าหมี่          ผิว์ธุลีจะทำกลอน
แค่นเขียนคะนองนอน  ขบคิดพินิจนัย

๏ อวดท่าสง่าเท่          ดุจะเทสุวิสัย
งามเลิศประเสริฐใด      บ่มิเกินจะเพลินพรรณน์

๏ แต่หันซะคอเคล็ด    ตะละเม็ดมิเห็นหัน
ไม่รู้อ่ะไงกัน                มนะตันประพันธ์กลอน

๏ เห็นเขาพระวิหาร      สิก็ขานจะขันคอน
หมั่นไส้เขมรตอน        ชิชะชิงตะลิงปลิง

๏ อยากขัดก็ปัดป่าย    พิศะคล้ายกระวายวิ่ง
กองหินน่ะที่จริง          มิวะโวยจะโดยใคร

๏ มีแต่มนุษย์นั่น          ทะเลาะกันตะบันใส่
เข่นแข็งตะแบงไป        เถอะวะเฮ้ย! สิของกู

๏ หินกองประลองฆ่า      จะเหมาะถ้ามนุษย์รู
แต่นี่มนุษย์หรู              ก็ล่ะรู้อารยธรรม

๏ แต่เฉยก็คงฉล          ทุกมลเขมรกำ
ของร่วมขย้ำหม่ำ          อะฮะทำคะนองมือ

๏ ปล่อยไว้ก็คงเพี้ยน      ผิว์กระเหี้ยนกระหือรือ
ได้คืบจะเอาขื่อ              ละจะยื้อจะชิงคาน

๏ ปล่อยไว้มิกำหราบ      ดุจะกราบสดับกราน
ปล่อยไว้ก็ลูกหลาน        จะระรานบุราณชน

๏ ว่าสิ้นนะน้ำยา            มิประสาถลำกล
หลงเล่ห์เขมรมนต์          ชนม์ม้วยมิรู้ทัน

๏ เอาไงล่ะน้าหมี่            ฉะธุลีซะงงงัน
ขัดขวางรึปล่อยมัน          ละกระนี้สิเอาไง?


Comment #1
Posted @31 ก.ค.53 11.11 ip : 68...106

ในที่สุดพี่หมี่ก็จะได้อ่านงานท่านปู่ธุลีซะที หลังจากคอยแล้วคอยเล่ามานมนาน
ฉันทลักษณ์อันนี้เค้าเรียกว่าอะไรเหรอคะ เหมือนจะคุ้นๆแต่หนูลืมไปแล้วล่่ะค่ะ ท่านปู่เก่งจริงๆ

Comment #2
Posted @31 ก.ค.53 13.38 ip : 115...193

ทราบข่าวพานแว่นฟ้าแล้ว แว่บเห็นป้ายโปรดทิ้งขยะฯ ตรงชมเชย ยินดีด้วยขะรับน้าหมี่ คว้าอีกหนึ่งรางวัลมาเชยชม

อ่า..ท่านกวิส อันนี้เรียกอินทรวิเชียรฉม เป็นหลานห่าง ๆ อินทรวิเชียรฉันท์ อิ อิ อิ

Comment #3
Posted @31 ก.ค.53 18.29 ip : 113...150

ขอบคุณครับน้าดิน เรื่องสั้นได้ชมเชยครับ ส่วนบทกวีเข้ารอบ 2 แต่ก็พลาดไป นี่แสดงให้เห็นว่าซีไรต์เป็นเพียง "ภาวะ" เท่านั้นจริงๆครับ  "ไม่มีชื่อหมายเลข 1 " ผมเขียนเป็นกลอนเปล่า เด๋วส่งนิตยสารก่อน แล้วค่อยเอามาลงครับ


ฉันท์ของน้าดินก็มีสำเนียงแบบน้าดินอยู่ดี  อ่านได้เพลินครับ แต่ค่ำๆค่อยมาอ่านแบบเฉพาะอีกทีนึง

เก๋เขาแอบให้ผมไปอ่านบล็อกน้ามาแล้วล่ะ แต่ผมลืมเซฟเก็บ 5555


ว่างๆ และไม่หวงแหนนัก ก็เอามาแปะที่นี่ได้นะน้า เชื่อว่ามีหลายคนอยากตามอ่านครับ

Comment #4
Posted @1 ส.ค.53 1.55 ip : 68...106

-เพลินคำ-


แว่วกานท์สดับเสียง....รุจิแก้วกวีสมัย
เปรมสุขณหฤทัย........ก็ฤดีทวีพูน

อิ่มในวธุรส ..............ปะระโลมฤาอาดูร
โศกเศร้าก็สิ้นสูญ........สิสดับวจีนิยม

ครึ้มฝนกระหน่ำดิน......ผิวะเข็มสิแหลมคม
ทิ่มแทงฤดีระบม.........จะระบายก็อายครัน

ยินเจ้ากวีแก้ว.............กะละกล่อมพจีอัน
พริ้มเพราเสนาะพลัน....ก็จะฉ่ำจะชื่นทรวง

อักษรนฤมิตร.............ดุจะมาประดับดวง
หทัยสิให้ช่วง.............สุสว่างกระจ่างตา

ดั่งร่มประไพพัตร์........ปะกะป้องพะยุมา
ได้หลบภยันตรา.........ยะประหนึ่งจะพึงพิง

อุ่นในวะจะนะ............ก็จะพักจะหวังอิง
เกรงเจ้าสิชังชิง.........วนิพกผู้จรมา

เก็บเอามะลัยร้อย.......ปะระดับณวิญญา
เพลินคำกวิสรา..........ผิจะกล่อมฤทัยภิรมย์

....

โดย: ธุลีดิน IP: 203.146.63.182 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:02:29 น.


นี่ไงอินทรวิเชียรของท่านปู่แต่งให้หนูเมื่อครั้งกระนู้นน  สามปีที่แล้ว อิอิ เอามาฝากพี่หมี่ด้วย

Comment #5
Posted @2 ส.ค.53 13.38 ip : 115...251

โอ๊ะโอ! สามปีแล้วหรือขะรับ สามปียังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน น่าอาย น่าอาย
หามีอันใดให้แหนหวงดอกขะรับน้าหมี่ เพียงที่เขียนไปแล้วคงปล่อยแล้วเลย ก็จะค่อย ๆ เขียนใหม่ บนบอร์ดหมี่นี่แลขะรับ

น้อมคารวะ

Comment #6
Posted @2 ส.ค.53 17.22 ip : 180...117

ฉันท์น้าดินอ่านเพลินครับ ตะกุกตะกักบ้างในบางคำ คำที่เสียงสระอะไม่มีรูป เช่น ดุจ น่าจะใส่วงเล็บสระเอาไว้ เช่น ดุจ(ะ) จะได้คงรูปเดิมด้วยครับ แต่บางวรรคผมก็งง เช่นในบทแรก ท ่อนที่ว่า..

" ๏ เห็นเขาพระวิหาร      สิก็ขานจะขันคอน หมั่นไส้เขมรตอน        ชิชะชิงตะลิงปลิง"

ขันคอน? ชิชะชิงตะลิงปลิง? เขมรตอน?


"๏ หินกองประลองฆ่า      จะเหมาะถ้ามนุษย์รู แต่นี่มนุษย์หรู              ก็ล่ะรู้อารยธรรม"

ประลองฆ่า? มนุษย์รู?


ตรง "๏ เห็นเขาพระวิหาร      สิก็ขานจะขันคอน" น้าจะหมายถึงขันบนคอนหรือเปล่า?  เขมรตอนนี่เปรียบกับหมูตอน?  ชิชะชิงตะลิงปลิงนี่ผมจนปัญญาครับ  ตะลิงปลิงคือต้นไม้ชนิดหนึ่ง บ้านเราเรียกลูกหลิงปิง น้าจะหมายถึงไอ้เขมรหมูตอนมันจะช่วงชิงคอนคบต้นตะลิงปลิงที่เขาพระวิหารหรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ ท่อนนี้น้าน่าจะปรับแก้ใหม่ครับ


"๏ หินกองประลองฆ่า      จะเหมาะถ้ามนุษย์รู"

น้าหมายถึงถ้ามนุษย์เรายังอยู่ถ้ำ ก็เข้าใจได้ที่จะแย่งชิงเข่นฆ่ากันเพราะหินที่มากองเป็นวิหารใช่ไหมครับ?

"แต่นี่มนุษย์หรู              ก็ล่ะรู้อารยธรรม"

แต่เมื่อมนุษย์มีอารยธรรมแล้วก็ไม่ควรทำสงครามแย่งชิงเขาพระวิหาร?

ผมแปลและตีความได้ตามนี้ ผิดถูกอย่างที่น้าตั้งใจไหมก็ไม่ทราบครับ แต่มันไม่เคลียร์ครับน้า การสื่อออกมาด้วยประโยคที่ว่า ทำให้เกิดความมึนงงในการอ่านพอควรครับ


ส่วนใน "เพลินคำ" อันที่สองที่เก๋เอามาลงนั้น คำว่าปกป้อง น้าใช้เป็น ปะกะป้อง  คำว่ากลกล่อม น้าใช้เป็น กะละกล่อม เพื่อให้ลงครุลหุ ผมว่ามันแปลกๆพอควร ไม่แน่ใจครับว่าเคยมีใครใช้แบบนี้ไหม แต่คิดว่าไม่น่าจะมีนะครับ เพราะมันปิดหลักการอ่านการเขียนหลักภาษาไทย เช่นที่เราเควมีคนเรียกตัวเองว่า สะมะพล

คำว่า ผิวะ หรือ ผิว์ หรือผิว  ในท่อน ครึ้มฝนกระหน่ำดิน......ผิวะเข็มสิแหลมคม ทิ่มแทงฤดีระบม.........จะระบายก็อายครัน น้าใช้ผิวะในความหมายเปรียบเทียบว่าฝนนั้นแหลมคมเหมือนเข็มทิ่มแทงจนอกระบม และการจะระบายออกมาเป็นรูปแบบต่างๆก็น่าละอายใจนัก ตามที่ผมเข้าใจมา ผิวะคำนี้ใช้ในความหมายเดียวกับคำว่า หากแม้น,หากไม่ ไม่น่าจะใช้กันได้ในบริบทข้างต้นครับ แต่ตรงนี้ผมยังไม่ชัวร์ เพียงแค่เข้าใจเอาเองนะครับ

โดยรวมแล้วงานน้าน่าอ่าน มันมีสำเนียงหยอกล้อเจือปนอยู่ และฉันท์นั้นจำเป็นต้องมีบาลีสันสกฤตเยอะๆ เพราะคำไทยแท้นั้นเอามาใช้ได้แค่ไม่กี่คำ ส่วนทัศนะเรื่องเขาพระวิหาร บอกตรงๆว่าผมมึนตึ๊บ ข้อมูลทั้งสองฝ่ายมันมีน้ำหนักคัดคานกันอยู่ ก็เลยนิ่งๆเงียบๆเก็บข้อมูลต่อไปครับ

วิจารณ์งานน้า น้าอย่าโกรธผมนะ  :@

Comment #7
Posted @2 ส.ค.53 22.58 ip : 115...8

ง่า..ขอบพระคุณที่สละเวลาขะรับน้าหมี่  จะเอาโทษถือโกรธไยเล่าขะรับ  เว็บหมี่มีเสน่ห์ก็อิตอนบทเข้าพระเข้านางของน้าหมี่นี่แลขะรับ

ทอดตาทั่วสยามประเทศ ข้าพเจ้ายังไม่เห็นนักกวีท่านใดที่ล่วงแล้วความเป็นเลิศทางฉันทลักษณ์นิยมเหลียวกลับสละเวลาช่วยแนะนำละอ่อนผู้ต้อยตามมาข้างหลังเยี่ยงน้าหมี่กำลังกระทำอยู่นี้เลย (อุเหม่..ประโยคยาวเฟื้อยไม่เว้นวรรคให้หายใจ ประทานโทษขะรับ)

ยังฉงนอยู่ครามครัน ก็เมื่อมีกวีซีไรต์คอยชี้แนะแทะทึ้งกลึงเกลากระนี้ ไฉนไม่ระดมเขียนกันมาลง  ช่วยกันอ่านช่วนกันดูให้เป็นที่บำเรอใจ ไยจึงเงียบฉี่ทั้งสยามนี้รึก็อุดมด้วยนักกวีใช่น้อย

อา..แค่สงกาไปตามอัตภาพน่ะขะรับ (มีกันไม่กี่หน่อนางย่อมเป็นที่ยินดีแม่นมั่น)

กล่าวถึงเรื่องคำชี้แนะ ผู้น้อยน้อมรับด้วยเกล้า หนก่อน ๆ เมื่อสดับตรับฟังคำแจงแถลงไข ข้อข้องใคร่ถกถามพอมีอยู่บ้าง แต่ต้องชั่งใจมิรู้ทำกระไรดี โผล่กลับมาต่อถ้อยร้อยคำก็เกรงไปว่าน้าหมี่อาจคิดไปข้างเจ้าหมอนี่ตีฝีปาก เรารึอุตส่าห์แนะนำหนอยยังจะทำเป็นข้องใจ อย่ากระนั้นเลยครั้งหน้าเฉยเสียล่ะดี หากเป็นกระนี้ผู้น้อยก็จะอดรับเมตตาเสียโดยรู้ไม่เท่าการณ์

จึงเลือกงำเงียบทั้งใจรึก็ยังมีข้อข้องใคร่ไต่ถาม

ถึงวันนี้ข้าพเจ้าเลือกกลับมาชี้แจง ใช่เพราะอยากตะแบงอวิชชาอันตนอมไว้เต็มกระพุ้งแก้มนั้นหาไม่  แต่เนื่องเพราะหวังล่วงพ้นข้อจำกัดซึ่งตนเองมองไม่เห็น ข้อจำกัดที่เป็นคล้ายแผ่นกระจกใส  ปิดกั้นมิให้พัฒนาการเลยล่วงออกไป  เมื่อมองคราใดก็เห็นแต่ภาพสะท้อนเดิม ๆ คล้ายบรรจุไว้ด้วยความถูกต้องสมบูรณ์จนไม่เห็นร่องรอยตำหนิ (ประดุจมัจฉาน้อยว่ายวนอยู่แต่ในอ่างมิปาน)

เมื่อมั่นแล้วว่าน้าหมี่เปิดใจกว้าง มิคิดไปข้างอกุศลเป็นที่แน่ ข้าพเจ้าจึงเลือกจะไต่ถามต่อคำ  ขอน้าหมี่อย่าเห็นเป็นล่วงกตัญญูผู้เป็นที่เคารพเลย  ทั้งนี้ด้วยหวังประโยชน์ตนจะได้ทำความเข้าใจให้กระจ่างนั้นข้อหลัก

คราหนึ่งน้าหมี่เคยท้วงคำ 'พวงดาว' ซึ่งผู้น้อยใช้ครั้งต่อกลอน 'ชิงช้าสวรรค์' ของท่านวาลุกา ว่าดาวหาได้เป็นพวงไม่  ยามนั้นใคร่ครวญดูผู้น้อยคิดถึงคำ 'พวงแก้ม' ก็หากเมื่อมี 'พวงแก้ม' กระนี้มิทราบน้าหมี่พอจะยอมใจให้ใช้ 'พวงดาว' ต่อได้หรือไม่  ความนี้เป็นข้อสำคัญจึงย้อนถาม  เพราะหากน้าหมี่ยืนยันว่าคำไม่สื่อความ ทีหน้าทีหลัีงหากบังเอิญคำลงสัมผัสจะได้ละข้ามไปเสีย

มาเรื่องอินทรวิเชียรฉม  กราบเรียนน้าหมีแต่เนิ่นก่อน ผู้น้อยเขียนฉันท์ไม่เป็นดอกขะรับ ครุหน้าตาอย่างไร ลหุประมาณไหนหารู้ไม่

เพียงชมชอบน้ำหนักเสียงและจังหวะคำ คิดไปว่าหากสามารถนำมาใช้ให้เหมาะกับเนื้อหา อารมณ์ของบทนั้น ๆ ก็จะดีใช่น้อย ผู้น้อยจึงพล่อยเขียนออกไปตามสนุกใจ ตรงไหนติดก็มิได้รอคิดให้ลงตามบังคับ ปล่อยไปตามแต่คำร่วงหลุดออกมาจากกองขี้เลื่อยในขมอง ก็หากจะนับเป็นฉันท์ อาจกลายมีสารพัดฉันท์ในสำนวนเดียวจนหากคุณครูสมศรีมาเจอะเข้าเป็นวิ่งหาไม้เรียวมือไม้ระรัว

ฉันท์นั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่ผู้อ่านจะต้องรู้ออกเสียงจึงได้รส คำ 'กล' ในบางตำแหน่งออกเสียงกล บางตำแหน่งกลับออกเสียง กะละ ผู้น้อยยามนั้นด้วยเกรงท่านกวิสจะไม่ยอมออกเสียงตามต้องการจึงใส่สระอะให้เสร็จสรรพ ทราบว่าทำพินาศแบบเขียนไทยอันดีงามเสียสิ้น แต่ก็ยังหยาบใจกระทำลงไป สำนึกผิดขอรับ สำนึกผิด

แต่เนื่องเพราะทุกวันนี้มีผู้อ่านฉันท์ต้องตรงตามที่ควรเป็นน้อยจริง ๆ ทำอย่างไรจึงจะให้รสของจังหวะคำขรึมขลังเหล่านั้นสืบยอดทอดต่อเป็นเรื่องน่าขบคิด (ใส่วงเล็บตามหลังอย่างน้าหมี่แนะนำก็ไม่เลว อาจเกิดรูปแบบการเขียนใหม่ขึ้นในสาระบบ)

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อถนอมก้นมิให้คุณครูสมศรีหวด ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเขียนคำกำกับไว้หัวบทดังเช่นขนบนิยมเมื่อเขียนฉันท์อย่างบุราณาจารย์กระทำ หวังเป็นทางเลี่ยงให้ใจตนว่าที่บังอาจเขียนคำออกไปหาใช่ฉันทลักษณ์ใดหนึ่งไม่  เป็นเพียงคำสัมผัสดาษ ๆ ประสาวณิพกอักขระที่มีคำจำกัดจำเขี่ยคิดใช้กล่าวยังยากเย็นสะเออะริเล่นเลียนฉันทลักษณ์

ยามถูกถามว่าเป็นฉันทลักษณ์ใด ผู้น้อยจึงเลี่ยงตอบเอาขำไปเสีย แต่ยังอิงต้นแบบก็เพื่อหวังบอกนัยการอ่านออกเสียง

เอาเป็นว่าผู้น้อยไม่ได้เขียนฉันท์ดอกนะขะรับ แต่เป็นฉม (เรียกเล่น ๆ ขะรับ ขออย่าถือสา)

ต่อคำวิจารณ์ข้างต้น (ตรงนี้สำคัญกับข้าพเจ้ายิ่งยวด)

เรียนถามน้าหมี่สองประเด็น สื่อความไม่ชัดเจน กับ ทอดคำข้ามวรรค

๑ สื่อความไม่ชัดเจน  หลังจากสดับคำชี้แนะ ประเด็นนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนที่ข้าพเจ้ายังไม่สามารถแก้ไขข้ามผ่าน นำความเข้าใจตนมาแจงหวังให้น้าหมีหักคอตีเข่าอีกสักทีเพื่อจักได้จดจำ

เห็นเขาพระวิหาร      สิก็ขานจะขันคอน หมั่นไส้เขมรตอน        ชิชะชิงตะลิงปลิง

ใจคิดกล่าวว่า เห็นกรณีเขาพระวิหารแล้วก็อยากจะโต้ตอบทั้งขันคือส่งเสียงร้องและคอนคือเอามาแบกหามเอามาเป็นภาระต้องกระทำอะไรสักอย่าง ก็เพราะหมั่นไส้เขมรตอนที่อมเขาพระวิหารซะคนเดียว (ใช้ตะลิงปลิงเอาขำ ตะลิงปลิงน่ะเปรี้ยว คิดไปว่าคล้ายองุ่นเปรี้ยว คือองุ่นเมื่อไม่ใช่ของเราแล้วเปรี้ยวน่ะขะรับ)

หินกองประลองฆ่า      จะเหมาะถ้ามนุษย์รู
แต่นี่มนุษย์หรู              ก็ล่ะรู้อารยธรรม

คิดกล่าวว่าเพื่อกองหินพวกนั้นหากมนุษย์เมื่อสมัยใช้ถ้ำอยู่อาศัยจะฆ่ากันเพื่อแย่งชิงไม่ว่ากัน แต่นี่เราเป็นมนุษย์พัฒนาแล้ว (ก็อย่างน้าหมี่เข้าใจนั่นแล)

กล่าวความเพียงน้อยเพื่อสื่อความมากหลายเป็นสิ่งกวีนิพนธ์ทำหน้าที่มานมนาน แต่แค่ไหนจึงพอดีได้ความ เพียงใดจึงไม่ทำให้เสียความเป็นเรื่องยากทำความเข้าใจและไปให้ถึง

บอกกล่าวคำขยายมาเยี่ยงนี้ ขอน้าหมี่ฟันธงว่า 'ไม่ได้' 'สื่อความไม่ชัดเจนเพียงพอ' ต่อไปข้าพเจ้าก็จะขยายวิธีคิดวิธีกล่าวให้ลงในรายละเอียดอีกสักหน่อย (สักวันแม้นหากละเอียดจนเกินไปก็จะกลับมาเรียนถามเพื่อตัดออกอีกสักเล็กน้อย หาจุดพอดีจงได้)

๒ ทอดคำข้ามวรรค บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าพบคำจบวรรคทอดความหมายโยงต่อไปยังวรรคถัดจึงได้ใจความ เมื่อเขียนว่า

หมั่นไส้เขมรตอน        ชิชะชิงตะลิงปลิง

คำ 'เขมรตอน' ความหาได้จบเพียง 'เขมรตอน' แต่ต่อไปยัง 'ชิชะชิงตะลิงปลิง' (ตามความหมายข้างต้น) การกระทำเช่นนี้เคยเห็นมาแต่เก่าก่อน เป็นเพราะข้าพเจ้าเข้าใจผิด หรือการทอดความนั้นมีอยู่จริง เพียงข้าพเจ้าใช้คำไม่ชัดเจน  สิ่งนี้เป็นเส้นผมบังภูเขาซึ่งผู้น้อยยังต้องหาทางเขี่ยออกโดยอาศัยความกรุณาจากน้าหมี่ที่เคารพรัก

สำหรับคำ 'ผิวะ' ใช้ไม่ตรงความ น้อมรับโดยดุษฎีขอรับ

เขียน 'เอาไงดีฮับน้าหมี่' หวังรับฟังความเห็นเืรื่องเขาพระวิหาร  ซึ่งก็ได้คำตอบแล้ว ส่วนเรื่อง 'ฉันท์' น้อมเรียนย้ำว่าผู้น้อยมิเคยคิดหยาบใจเขียนออกมา แต่เพราะรักความไพเราะของจังหวะคำเสียนักหนา  ก็จะนำจังหวะคำมาใช้ตามแต่แรงซุกซนพาไป แน่ล่ะ มิคิดเอ่ยอ้างชื่อฉันท์วางหน้าบทให้บุราณาจารย์ต้องพลอยหมอง ขอน้าหมี่วางใจ

ขอบพระคุณสำหรับทุกคำชี้แนะ ทั้งหมดนี้เรียนมาด้วยความเคารพเป็นที่ยิ่ง นอกจากหวังประโยชน์จะได้แก้ไขปรับปรุงอัปลักษณ์นิพนธ์ตนอันดับต่อ ๆ ไป  ยังอาจเกิดประโยชน์โภชน์ผลต่อสหายผู้มีใจใฝ่รักในทางนักเลงกลอน  เหตุด้วยกุศลนี้จงดลบันดาลให้น้าหมี่หล่อวันหล่อคืนหล่อไม่หยุดไม่หย่อน..เทอญ

น้อมคารวะ

Comment #8
Posted @3 ส.ค.53 10.58 ip : 68...106

หนูมานั่งอ่านด้วย
ได้ความรู้ๆๆ
พี่หมี่เค้าก็ใจดีแบบนี้แหละค่ะท่านธุลี เมื่อก่อนนี้เก๋ก็ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว ก็มีพี่หมี่นี่แหละ ขู่บังคับ เอ้ย ดูงานให้  ชี้แนะนำตลอดว่า ตัดหัวออก ตัดหางออก
เขียนดีแต่ตรงกลาง อิอิอิ เพราะขึั้นอย่างหนึ่ง ก็ไปจบอีกอย่างหนึ่ง ไปออกทะเลบ้านพี่หมี่นู้นนน เป็นมนุษย์มนาที่เขียนขึ้นบทด้วยโรแมนติก แต่จบแบบเพื่อชีวิต ฮ่าๆ พี่หมี่ว่างานเลยประดักประเดิดดังนั้นแล ก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราได้เห็นหนทางสว่างในการเขียนงานในครั้งต่อๆไป ด้วยเหตุนี้ก็เลยรักพี่หมี่ี่ที่ซู๊ดดดดด

Comment #9
Posted @3 ส.ค.53 22.56 ip : 118...4

มาตอบพรุ่งนี้นะน้า วันนี้ไข้รุมๆตัวตั้งกะเช้าเลย กินยาไปแระ ปกติผมจะใช้วิธีนอนห่มผ้าให้เหงื่อออก ไม่ก็ออกกำลังกายเบาๆ แล้วจิบเบียร์เป็นปกติ (ฮา)  แต่ช่วงนี้ไม่ไหวแระ เบียร์ก็ต้องเพลาๆลงไป

ไงเวลาน้าจิบเบียร์ก็กรวดให้ผมสักขวดสองขวดด้วยนะ 5555555

Comment #10
Posted @4 ส.ค.53 9.05 ip : 202...39

จากบทสนทนาทู้นี้ สอนให้รู้ว่า ภาษาไทย ง่ายนิดเดียว!  #)

กินเบียร์มาก พุงจะป่อง ก้นจะปูด ไม่หล่อ ไม่สมาร์ท เด้อ

Comment #11
Posted @4 ส.ค.53 17.27 ip : 113...74

หญิง-

พุงน่ะ 34 เข้าไปแล้วล่ะ อุ้ยอ้ายยวบๆยังไงไม่รุ


น้าดินครับ-

น้าเข้าใจผิดไปบางอย่าง ผมไม่ใช่พวกฉันทลักษณ์นิยมหรอก ในความหมายที่ว่าไม่ได้เคร่งอะไรเลยกับการบังคับสัมผัส มีก็ได้ไม่มีก็ได้ เวลาอ่านบทกวีของใคร ผมจะสนใจที่เนื้อหาของเรื่องเ็ป็นอันดับแรกครับ จากนั้นก็จะดูวิธีการเล่า ตามมาด้วยการใช้คำ อนุโลมให้(ตัวเองด้วย)ในกรณีบังคับสัมผัสครับ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นเลิศทางฉันทลักษณ์ด้วย เวลาเขียนหรืออ่าน ผมใช้วิธีออกเสียงและจับสังเกตุครับ

คำว่าพวงดาวนั้น มันไม่ให้ภาพเห็นนะครับว่าเป็นยังไง ในขณะที่พวงแก้มเราจะเห็นภาพยุ้ยๆของแก้มสาวอ่้องต่อง ถ้ายุ้ยมากก็จะไม่เรียกพวง พวงดาวนี่ถ้าจะให้นึกภาพ ก็จะต้องมีดาวมาต่อๆกองๆกันบนฟ้า แล้วย้อยเรียวปลายลงมาเป็นพวง เหมือนพวงองุ่น และดาวแต่ละดวงจะต้องอยู่ชิดติดกันเป็นรูปทรงเดียว ผมยืนยันว่ามันไม่น่าจะใช้ได้ครับกับคำว่าพวงดาว เป็นคำยืนยันจากคนที่ไม่ได้เป็นราชบัณฑิตนะครับ มันอาจใช้ได้และมีคนใช้มาแล้วก้ได้ แต่ผมไม่เคยเห็นก็เป็นได้ครับ

ฉันทลักษณ์ไม่ว่าจะกลอนโคลงกาพย์ฉันท์ ไม่ว่าเราจะใช้ผิดยังไงก็ตามนะครับ มันก็เป็นฉันทลักษณ์หนึ่งอยู่ดี เรียกกันว่ากลบท เราสามารถสร้างกลบทขึ้นมาเองได้เป็นร้อยสำนวนพันสำนวน กลอนสี่สุภาพที่ฮิตกันมากนี้ก็คือกลบทหนึ่งของกลอนโบราณ  เพียงแต่ให้เราแม่นในกลบทที่เราสร้าง และใช้มันจนเข้ามือก็พอครับ ผมจึงไม่เห็นเป็นเรื่องคอขาดบาดตายว่าใครเขียนผิดฉันทลักษณ์

การใส่วงเล็บเสียงสระอะในฉันท์นั้นทำกันมานานแล้วครับ ชิต บุรทัตอาจไม่มากนัก แต่คมทวน คันธนูที่เขียนฉันท์ได้คล่องมักใส่อยู่เป็นประจำ และทำให้คนอ่านออกเสียงได้ตามครุลหุ


มาที่ 2 ข้อคำถามนะครับ

1.สื่อความไม่ชัดเจน น้าดินกล่าวว่า "กล่าวความเพียงน้อยเพื่อสื่อความมากหลายเป็นสิ่งกวีนิพนธ์ทำหน้าที่มานมนาน แต่แค่ไหนจึงพอดีได้ความ เพียงใดจึงไม่ทำให้เสียความเป็นเรื่องยากทำความเข้าใจและไปให้ถึง

บอกกล่าวคำขยายมาเยี่ยงนี้ ขอน้าหมี่ฟันธงว่า 'ไม่ได้' 'สื่อความไม่ชัดเจนเพียงพอ' ต่อไปข้าพเจ้าก็จะขยายวิธีคิดวิธีกล่าวให้ลงในรายละเอียดอีกสักหน่อย (สักวันแม้นหากละเอียดจนเกินไปก็จะกลับมาเรียนถามเพื่อตัดออกอีกสักเล็กน้อย หาจุดพอดีจงได้)"

ผมไม่กล้าบอกว่าได้หรือไม่ได้นะครับ แต่ "เห็นเขาพระวิหาร      สิก็ขานจะขันคอน หมั่นไส้เขมรตอน        ชิชะชิงตะลิงปลิง" ยังไม่สามารถรวบความยาวๆให้เหลือเพียงไม่กี่คำได้ความเดิมครับ การยกต้นตะลิงปลิงมาเพื่อขำ ก็ยังไม่สามารถสร้างความเข้าใจได้ว่าทำไมต้องตะลิงปลิง ทำไมไม่เป็นต้นอื่น หากเปรียบกับสำนวนองุ่นเปรี้ยว งานก็ไม่ได้มีอะไรเกิร่นมาก่อนให้ผู้อ่านเปรียบสำนวนไทยกับฝรั่ง จู่ๆก็มีตะลิงปลิงแล้วก็หายไป

การรวบประโยคยาวๆใ้ห้เหลือน้อยคำ ต้องหาคำที่สื่อความหมายเดิมได้เต็ม ได้อารมณ์เดิมความรู้สึกเดิม และหากได้ยิ่งกว่าเดิมก็จะดียิ่งขึ้นครับ

2.ทอดคำข้ามวรรค ตรง "หมั่นไส้เขมรตอน        ชิชะชิงตะลิงปลิง"

เท่าที่เห็นลักษณะนี้กวีจะใช้สัญญลักษณ์ - เป็นตัวเชื่อมให้รู้ เช่น หมั่นไส้เขมรตอน-  ชิชะชิงตะลิงปลิง เพราะฉันท์เป๋็นเรื่องการเล่นเสียงสูงต่ำและการเล่นตัวหนังสือ ในสามัคคีเภทคำฉันท์ ของ ชิต บุรทัตมีใช้ลักษณะนี้เยอะครับ การทอดคำข้ามวรรคไม่ใช่เรื่องแปลกของฉันท์ แต่เป็นเสน่ห์ด้วยซ้ำไปครับ

นานๆจะได้คุยกันแบบนี้ เวบก้ดูสดชื่นไม่เบาครับน้า

Comment #12
Posted @5 ส.ค.53 18.39 ip : 115...195

อา..ขอบพระคุณขะรับน้าหมี่

พ้นจากเจ็บไข้ได้ป่วยแระ นับเป็นเรื่องน่ายินดี ก่อนนี้ข้าพเจ้าพอตัวรุม ๆ ก็รีบรินเบียร์ดักไว้ก่อนเลย
ได้ผลขะรับ คล้ายกับว่ากระตุ้นสูบฉีดหัวใจ เลือดลมไหลคล่องว่องไว

มาหลัง ๆ ตะวันโพล้เพล้ทีไร  มันชักจะตัวรุม ๆ เสียทุกทีสินา ซ้ำมีอาการต่อมน้ำลายปลายลิ้นเยิ้มไหลคล้ายจะเป็นลม จำต้องเลิกวิธีกระตุ้นหัวใจ  หันมานั่งเขียนกลอนพอให้มือไม่ว่าง  เสียแต่ข้าพเจ้าคิดเองไม่ค่อยเป็น  ได้แต่ต่อกลอนแก้สลักคนโน้นทีคนนี้ที  ลางทีอ่านแล้วขมองไม่ทำงานพานคิดไม่ออกเขียนไม่ได้  ชักเริ่มมีอาการตัวรุม ๆ ร่ำ ๆ จะออกไปกระตุ้นหัวใจไม่เว้นวัน เฮ้อ..พุงข้าพเจ้าคงสิ้นหล่อแน่ ๆ เลย

ยินดีที่เว็บสดชื่นไม่เบาขะรับ  หวังน้าหมี่กระชุ่มกระชวยขึ้นบ้างไม่มากก็มาย

น้อมคารวะ

Comment #13
Posted @5 ส.ค.53 21.35 ip : 113...150

ไอ้ที่ผมไข้มาหลายวันก็เนื่องจากร่างกายขาดแอลกอฮอล์หล่อเลี้ยงเฉียบพลันนั่นแหละครับ มุ่งหมายว่าอย่างน้อยพรรษานี้ คงงดเบียร์ได้สัก 5 วัน 6 วัน ไม่รู้จะทำได้ไหม 555555555

เวบผมค่อนข้างอาภัพ มีคนเข้าชมอยู่จำนวนน่าพอใจ  10 กว่าคนนี่สำหรับผมเป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยครับ แต่ก็สงสัยเหมือนกัน ทำไมไม่ค่อยมีคนเขียนอะไรมาลงบ้าง เรื่องอะไรก็ได้ ทักทายพูดคุยธรรมดาก็ได้ ดันมีแต่พวกมาขายของซะนี่ 55555


อีกอย่าง ผมอยากให้ทุกคนที่เล่นที่อ่านที่เขียนที่นี่ ได้พูดคุยกันในกระทู้ของทุกคน ผมอาจเป็นเจ้าบ้านที่ไม่ดีนัก ตรงที่ไม่รู้จะหาทางให้ทุกคนรู้จักกันได้อย่างไร

เคยมีน้องสองสามคนบอกว่า รู้สึกเกรงๆบอร์ด ไม่กล้าเขียนอะไรมาลง บางคนก็ว่าเพราะหน้าตาเวบที่มืดดำน่าเกรงขาม ว่าไปนั่น  ผมก็เลยบอกลูกหมี เวบมาสเตอร์แล้วว่าให้เปลี่ยนสีเป็นชมพูหวานๆ ลูกหมีบอกว่ารอหน่อยครับ งานแกก็เยอะล้นมือ ก็ให้ทุกคนที่เกรงๆสีดำทะมึนของเวบรออีกสักหน่อยนะครับ


ผมอ่านของทุกคนที่เขียนมาลง อ่านกระทั่งโฆษณาที่หน้าด้านมาลง(ฮา)  และจะตอบทุกคนถ้าหากไม่มีงานอะไรรออยู่ อย่างของน้ำพี้นี่ก็ตอบของแกแบบละเอียด เพราะแกเคยบอกว่าให้ช่วยพูดถึงงานของแกหน่อย ณิศตะอีกคน รายนี้ชอบถามผมว่าอ่านหนังสืออะไรมาบ้างวันนี้  ถามยังกะการอ่านหนังสือเป็นยาแก้ไข้เลย 55555555555  กวิสราก็ด้วย รายนี้ก็พูดถึงงานเขามานานปีมาก จนไม่รู้จะพูดอะไรอีก วาลุกานี่ก็ฝีมือดี ใครอีก? จำชื่อไม่หมดครับ

รุ่นแรกๆก็มีอัญชา ที่ตอนนี้เป็นนักเขียนนิยายไปแล้ว ปุถุชนที่ปีนี้หนังสือบทกวีเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์  ชิดชบานี่ฝีมือไม่บันเบา พี่เฮฮาก็ด้วย 2 คนนี้หายต๋อม ไม่ทราบไปอยู่ไหนครับ จ่าโจนี่เขียนหนังสือได้น่ารัก ยิ่งเขียนถึงต้นไม้หรือลูกชายของแกนี่ ยิ่งน่าอ่าน  ปรางก็ยุ่งอยู่กับเรียน(มั้ง?) ด๊ะห์ก็ยุ่งอยู่กับหางานทำ(มั้ง?)  น่าเสียดายที่เอ่ยชื่อมาไม่ได้รู้จักกันเลย ยกเว้นปรางกับด๊ะห์

ฝีมืออย่างน้าน่ะเขียนงานเองสบายครับ อย่างน้อยที่สุด ทุ่งระโนดก็มีอะไรเยอะแยะให้เขียนถึง

Comment #14
Posted @6 ส.ค.53 10.12 ip : 68...106

เอ  ที่ไม่พูดถึงเลยนี่ มันดีหรือเปล่าอะพี่หมี่ หรือจะแปลว่า พูดไปแล้วก็เหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เบื่อจะพูดละ มันเป็นอย่างงี้เปล่า

Comment #15
Posted @6 ส.ค.53 15.32 ip : 202...253

ผมก็เกร็งเหมือนกันนะครับช่วงเข้ามาใหม่ๆ ตอนนี้ก็ยังเกร็ง เปิดกระทู้คนโน้นคนนี้อ่านแต่มิกล้าต่อกระทู้ อธิบายไม่ถูกว่าทำไม แต่ถ้าผ่านครั้งแรกได้ครั้งต่อไปก็ตามมาเอง

อ่านเรื่่องฉันท์ เรื่องฉม แล้วไม่กล้าลงฉันท์ที่นี่เลย  ไม่กล้าเขียนอีกด้วย  กลัวครับ  ฉันท์มันเป็นอะไรที่สูงเกินไปสำหรับผมเสียแล้ว  (กลับไปเกลาที่เขียนๆ ไว้ก่อน มั่นใจแล้วค่อยมาลงบ้าง ยังแล้วก็เชิญสับให้เละได้ยิ่งดีครับน้าหมี่ น้าดิน)

ผมเขียนงานเก็บไว้เยอะเหมือนกัน แต่เขียนเก็บ งานกวีนี่หาคนอ่านคนคุยด้วยยากมาก  ทุกวันนี้แทบจะคุยกับใครไม่รู้เรื่องแล้ว  หากบอร์ดนี้เกิดบรรยากาศอย่างที่น้าหมี่ว่าก็ดีไม่น้อย  ส่วนเรื่องการทำความรู้จัก ทำไมน้าหมี่ไม่จัดงานชุมนุมชาวบอร์ดบ้างล่ะครับ (เหมือนช่อการะเกด) มาอ่านกวีกัน มาดื่มกินกัน มาร้องรำทำเพลงกันปีละครั้ง  (น่าจะจัดงานอ่านบทกวีสัญจรบ้าง อย่างที่กรุงเทพเขาทำๆ กันนะครับ) 

Comment #16
Posted @6 ส.ค.53 19.23 ip : 115...216

ครั้งหนึ่งสหายแวะสงขลาออกปากชักชวนปะหน้าดื่มกาแฟเสวนาประสาคนมักจี่ขะรับน้าหมี่ท่านวาลุกาท่านกวิส

ไอ้ข้าพเจ้าคิดสะระตะค่าน้ำมันไปกลับห้าร้อย ซื้อเบียร์ได้ลังนึง ไปแล้วกลับไม่ไหวยังค่าที่พักอีกคืน  อย่ากระนั้นเลย ตอบไปว่าขอคุยทางเน็ตแล้วซดเบียร์อยู่กับขนำ  คิดหวนทวนทบแล้วนับเป็นทรสหายไม่น่าอภัย

แต่หากเกิดมีชุมนุมหมี่เป็ดปีละครั้งขึ้นมาดังท่านวาลุกาเสนอ ผู้น้อยจะรีบหยอดกระปุก บึ่งร่วมงานมิมีอิดออดพรอดพร่ำ

Comment #17
Posted @7 ส.ค.53 21.50 ip : 118...156

เคยมีคนเสนอมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนครับ แต่เมื่อคิดดูว่าแต่ละคนก็อยู่ไกล ต่างมีหน้าที่การงานรัดตัว ก็เลยลังเล  ที่สำคัญมันต้องใช้เงิน จะระดมรวบรวมหรือแชร์กัน ผมก็เห็นว่ามันยังไม่สนุกอย่างที่อยากเป็น

ผมอยากทำแบบเข้าค่ายไปเลย มีวิทยากรมาแนะนำการเขียนกวี มีดนตรีเพราะๆให้ฟัง เป็นวงเล้กๆ มีพื้นที่ในการประชุม ตรงนี้ผมขอเทศบาลหาดใหญ่ได้ ใหม่ สะอาด ทันสมัย ครับ  มีกิจกรรมที่ใช้เวลาร่วมกันเพื่อฝึกฝนการเขียน เพิ่มทักษะการเขียน

คิดอยู่เหมือนกันแลหะครับ แต่ไม่มีเงินนี่สิสำคัญ  รอให้ผมได้พูดคุยกับคนมีเงินสนับสนุนได้ก่อนเถอะ แล้วเมื่อนั้นค่อยว่ากันอีกที  อาจจะไม่ได้มีแค่พวกเรา ผมอยากจะเชิญน้องนักเรียนที่เคยเข้าค่ายนักเขียน ที่ผมเคยเป็นวิทยากรให้ คัดพวกที่มีฝีมือการเขียนอยู่บ้าง จะได้ต่อยอดได้ครับ


ไม่ก็--


ทุกคนช่วยกันให้เลขผมสัก 4 ตัว นะครับ หวยมาเลย์จะออกทุกวันเสาร์,อาทิตย์,พุธ  รางัวลที่ 1 ตรวจรางวัลเดียวนี่บาทละ 4,500 ซื้อสัก 20 บาทก็จัดงานได้เลย นะครับ กรุณาให้เลขมาในวันศุกร์,เสาร์,และอังคาร 555555

Comment #18
สายฝน (Not Member)
Posted @11 ส.ค.53 22.07 ip : 112...92

ตามพี่หนอนดินเข้ามาอ่านอีก

Comment #19
Posted @11 ส.ค.53 22.39 ip : 112...92

แล้วก็ไปสมัครมาเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่ง^o^

Comment #20
Posted @11 ส.ค.53 22.41 ip : 112...92

ดูท่าทางเจ้าของบ้านเขาคงใจดีนะ พี่หนอนดิน!!

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 21 user(s)

User count is 2437514 person(s) and 10226738 hit(s) since 24 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).