ป า น สี แ ด ง ! ! ๓ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
ปานสีแดง ๓).
พญายางอินเดียรากย้อยตระหง่านทะมึนอยู่ริมรั้วประตูหน้า ใบหนาดกครึ้มกินบริเวณไปถึงตึกเดียวที่มีของโรงเรียน จรดทางปูนสายเล็กๆที่ทอดจากประตูถึงอาคารไม้ อีกฟากของทางปูนนั้นเป็นพื้นที่ว่างน้อยๆสำหรับให้เด็กๆวิ่ง มีกระดานหกและอุโมงค์ถังสังกะสีให้เด็กลอดเล่น เป็นโรงเรียนเล็กๆที่มีจำนวนเด็กพลุกพล่าน และมีระเบียบวินัยเคร่งครัดราวกับเป็นโรงเรียนในวัง! เจ้าของเป็นเชื้อสายตกทอดมาจากเจ้านายของรัตนโกสินทร์ และประกาศตนเด่นชัดในความเป็นอนุรักษ์นิยม
สำหรับตี๋ของเตี่ย โลกยังคงอภิรมย์อยู่มิเสื่อมสูญ หว่างบ้านกับโรงเรียนคือเส้นทางทอดยาวสุดสายตา เป็นการได้ออกเผชิญโลกกว้างอย่างสง่างามในชุดนักเรียน มันมีความฝันอยู่ระหว่างสองฟากถนน มีเรื่องมีราวรายทางไปทุกย่างก้าว ตี๋ของเตี่ยตื่นตาตื่นใจสุดพรรณนาเมื่อได้เห็นนกเอี้ยงตัวหนึ่ง! จำนวนนกในโลกนี้ตี๋ไม่เคยรู้จักนกเอี้ยงมาจากที่ใด นกเอี้ยงจึงกลายเป็นนกขุนทองในทันทีที่ตี๋บอกแม่ในยามเย็น เป็นนกขุนทองที่เชื่องแสนเชื่อง บินมาเกาะไหล่เดินพูดคุยไปจนถึงโรงเรียน เป็นวันที่แสนวิเศษเมื่อพบว่าตลอดเส้นทางไม่มีแม้สักคนเดียวให้พบเห็น เช่นเดียวกับเมื่อวันสอบวัดผล วิชาคณิตศาสตร์ที่ตี๋อ่อนออกอ่อนใจเหลือเกินในการทำความเข้าใจ แดดบ่ายจัดจ้านอ้าวอบครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องเรียน มีเพียงความเงียบและสายตาเลิกลักไม่กี่คู่ ที่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากกันและกัน ตี๋ใช้เวลาในแต่ละข้อเนิ่นนานจนต้องถอนใจเมื่อเวลากระชั้นชิดรุดเข้า จนรู้ว่าคงทำข้อสอบไม่ได้เป็นแน่ การหลับตาจิ้ม ก ข ค ง จึงเริ่มขึ้น และเสร็จอย่างรวดเร็ว-สบายใจ เวลาที่เหลือนั้นเอง นกอินทรีขนาดมหึมาก็โผลงหน้าประตูห้องสอบ ตี๋ยื่นข้อสอบที่ทำเสร็จแล้วอย่างมั่นใจให้แก่ครูคุมสอบ แล้วกระโดดขึ้นหลังพี่นกอินทรี บินลับหายไปในฟ้ากว้าง
ตี๋สอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์อย่างเฉียดฉิว แต่โดนคาดโทษจากการเขียนยันต์เหนือกระดาษคำตอบนั้น!
โลกของตี๋มิได้มีเพียงบ้านกับโรงเรียน และตี๋ก็มิได้เป็นเพียงเสี่ยวตี๋ของเตี่ยกับแม่อีกต่อไป เมื่ออาบน้ำหลังกลับจากโรงเรียนเสร็จ ก้าวแรกที่พ้นประตูบ้านตี๋ก็กลายเป็น ไอ้ปาน ของเหล่าทะโมนละแวกนั้นทันที ตี๋ลังเลไม่คุ้นกับชื่ออันเจ็บปวดนี้นัก การพยายามบอกชื่อ ตี๋ ดูเหมือนจะไร้ผลใดใด ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียก ไอ้ปาน ตี๋จะหันขวับหน้างอ เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปร่วมเล่นตั้งเต ,อีฉุด ,อีหยิบ&.จนค่อยๆยอมรับชื่อนี้ไปในที่สุด
แม่เริ่มรู้สึก และเฝ้าสังเกตุตี๋อยู่ห่างๆ ของเล่นสารพัดที่เคยมีถูกเก็บลงกล่องแล้วโยนไปไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของบ้าน ตี๋ไม่ค่อยเล่นหัวกับน้าๆที่เปลี่ยนหน้ามาจนจำได้ไม่หมด ทุกๆห้าโมงเย็น แม่จะต้อนไอ้เด็กซนกลับไปกินมื้อเย็น
โลกกว้างใหญ่ และถนนหน้าบ้านมีแรงดึงดูดมหาศาลให้ตี๋รีบก้าวข้ามเส้นประตู ถนนต้นสายท้ายตลาดนี้ เมื่อเย็นย่ำไม่มีรถวิ่งผ่านมามากนัก ไม่เหมือนช่วงเช้าตรู่ ที่ทั้งพ่อค้าแม่ขายคนจ่ายตลาด รถสามล้อรถตุ๊กๆกระทั่งรถยนต์ส่วนตัวเต็มพรืดอยู่บนท้องถนนและทางเท้า ละแวกตลาดยามนี้เงียบ สว่างอยู่ด้วยเสาไฟหน้าบ้านไม่กี่หลัง หน้าฝนเสียงกบเสียงอึ่งอ่างดังระงมมาจากที่ไหนไม่รู้ หน้าร้อนนั้นเล่า ลมอ้าวจากเทือกเขาเล็กๆทิศตะวันออก ก็พัดลาดพรูล่องมาตามช่องตามทางตามถนน เข้าทางหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมตลอดวัน มันโบกสะบัดธงชาติจีนสีแดงของเตี่ยให้พลิ้ว
แดดเดือนฤดูฝนนี่สวยงามประหลาด แจ่มจ้าสดใสชัดเจนและแสนสดชื่น ถนนยางมะตอยที่ตากฝนแต่เมื่อคืน แม้แดดจะแผดเผาเมื่อช่วงเช้าจนสายจนระเหิดหายแห้งสนิท แต่เขียวใบไม้ใบหญ้ารายทางก็พรึบพรับสดอวดสายตา นกนางแอ่นฝูงหย่อมบินร่อนอยู่เหนือตลาด ตี๋เคยคิดว่ามันเป็นนกที่มีอยู่เหนือทะเลเท่านั้น ปีกเรียวกับหางดำสองแฉก โฉบต่ำจนเกือบจะชนคนเดินถนน ก่อนจะเชิดหัวเงยขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้าง ดูวุ่นวายแต่ก็มีชีวิต เด็กๆละแวกตลาดวิ่งไล่ตามนกนางแอ่น จนเหนื่อยจึงได้นั่งมองถกเถียงกันถึงถิ่นที่อยู่ของมัน ครั้งหนึ่งพี่เสือเคยจับมันได้ด้วยมือเปล่า ขณะที่ตัวโชคร้ายโฉบลงมาหาแมลงยอดหญ้า เด็กๆวิ่งกรูกันห้อมล้อมดูนกแปลกหน้าตัวนั้น แล้วก็ฮือแตกกลุ่มเมื่อพี่เสือตวาดไล่ โดยไม่บอกว่ามันมาจากที่ไหนกัน
มีเด็กหลายคนฝันที่จะจับนกด้วยมือเปล่า แน่นอนที่มันจะต้องเป็นนกเปรียวเช่นนางแอ่นเท่านั้น ดวงตาสุกใสลุกวาวเสมอเมื่อเห็นสักตัวบินร่อนลงต่ำ การไล่ล่าคว้าอากาศนั้นเป็นความสนุกสนานอย่างหนึ่ง ที่วันรุ่งขึ้นจะได้มีเรื่องไปเล่าให้เพื่อนๆฟังที่โรงเรียน แต่ในโรงเรียน ตี๋กลับเป็นสุขกับการเคาะโต๊ะร้องเพลงลูกทุ่ง มากกว่าจะล้อมวงเล่าเรื่องของการวิ่งไล่อันไร้สาระนั้น!
แม้จะมีความทรงจำเป็นเลิศ จากการฟังวิทยุเพียงครั้งสองครั้งก็สามารถจำเนื้อเพลงนั้นได้ขึ้นใจ แต่ตี๋กลับมีปัญหาในการจดจำทำนองของมัน ทุกเพลงที่ตี๋ขับจากลำคอ จึงกลายเป็นเพลงที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน มันเป็นความสุขอันแสนเอิบอิ่ม เมื่อใครสักคนขึ้นต้นเพลงแล้วตี๋รับช่วงได้ทันท่วงที พร้อมกับเสียงหัวเราะในความเพี้ยนแปลกแปร่งของทำนองที่หลายคนจับจ้องอยู่ เป็นช่วงปีที่เพลงลูกทุ่งกำลังรุ่งโรจน์ นักร้องมากหน้าหลายตาเรียงแถวเข้ามาเพื่อจะอยู่ในความทรงจำ และเพลงรักเพลงตัดพ้อโชคชะตา ตี๋ส่งเสียงสื่อไปยังสาวน้อยห้องติดกันอย่างเงียบเชียบ-อ่อนโยน
น้ารมย์ช่วยอยู่ที่ร้านมานานหลายปี เป็นผู้หญิงที่สวยพอจะเรียกสายตาผู้ชายให้หันขวับมองเหลียวหลัง ร่างเพรียวและใบหน้าเข้มเป็นส่วนผสมของปฏิมากรรมที่ลงตัว ท่วงท่าอันคล่องแคล่วสู้งานเป็นอิริยาบทจากชีวิตทุกข์ยากในนาข้าว เมื่อรวมเข้ากับการทันคนโต้ตอบได้ฉับไว ยิ่งเป็นเสน่ห์เพิ่มพูนให้น้ารมย์เป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม อายุ ๒๐ ฉีดแก้มให้ฝาดเลือด เรียกร้องหนุ่มแท็กซี่ หนุ่มตุ๊กตุ๊ก ไปกระทั่งพ่อค้าคนจ่ายตลาดให้มาเวียนวนมิได้ขาดเสมอ และอาจเป็นเพราะชื่อของน้าชาติ อะแลงเดอลอง แห่งโรงหนัง ,น้าชีพ นายดาบตำรวจตีนไว ,น้าแลง สารวัตรแห่งสารวัตรทหาร ตลอดไปจนเพื่อนๆหลายคนของน้าชาติ ที่เคยสร้างชื่อขจรขจายด้วยการขยี้แก๊งชาวจีนจนราบ เมื่อคืนที่เกิดการเผชิญหน้ากันในไนท์คลับใต้โรงหนัง
จึงมีแต่หนุ่มๆมาด้อมๆมองๆอยู่ภายนอกร้าน แต่จะหาใครสักคนกล้าพอที่จะเข้ามาพูดคุยกับน้ารมย์ในบ้านดื้อๆนั้น-ไม่มีเลย
ศาลาคนเศร้า-ดูเหมือนจะเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดของหนุ่มสาว
น้ารมย์ติดตามพี่ศิราณีมาอย่างสม่ำเสมอ ดวงตาโตๆดำขลับมักเลื่อนลอยหยาดเยิ้มเคลิ้มฝันอันแสนหวาน คลอด้วยวิทยุทรานซิสเตอร์เอเอ็ม ที่กำลังฟุ้งเพลงลูกทุ่งอยู่มิขาดสาย เป็นเพลงลูกทุ่งที่ชีวิตน้ารมย์คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด
หนุ่มเซลล์แมนยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง พยายามเขียนจดหมายขอเพลงรักจากทางรายการวิทยุ สำนวนที่หวานหยดย้อยนั้น เขากำลังเขียนถึงน้ารมย์ที่กำลังเคลิ้มหลับเคลิ้มตื่นข้างๆวิทยุ ในคืนที่มืดสนิทด้วยเมฆฝน ในจดหมายออดอ้อนรำพันถึงผู้หญิงเพรียวบางชื่อย่อว่า ร. ถูกอ่านด้วยสำเนียงทุ้มนุ่มลึกราวกับฟองเบียร์ที่ฟูฟ่องอยู่ในแก้วสูง กังวานไปทั่วอาณาจักรฟากฟ้าเมืองเล็กๆแห่งนี้ และสะท้อนก้องดังอยู่ในหัวใจน้ารมย์ไปมาอยู่หวั่นไหว หนุ่มเซลล์แมนผู้เดินทางท่องทั่วประเทศ กำลังค่อยๆล้อมรัดน้ารมย์ด้วยคำหวานฉ่ำออดอ้อนตัดพ้อในโชควาสนาตน ที่ผู้หญิงบ้านนอกไม่เคยได้ยินมาก่อน นอกเสียจากในศาลาคนเศร้า น้าชาติสังเกตุกิริยาและอาการอันประหม่าเคอะเขิน ในยามที่น้ารมย์ยืนลวกหมี่หน้าเตา แล้วสอดส่ายสายตามองหาคนขายยาสระผมนั้น เซลล์แมนคงเข้าใจอะไรผิดไปบางอย่าง จึงได้เข้าหาน้ารมย์ทางน้าชาติ การข่าวของเขามีปัญหาแน่นอน จึงได้พยายามตีสนิทกับน้าชีพ ,น้าแลง
ลือกันกระฉ่อนทั้งเมืองในคืนที่น้าชาติกับเพื่อนบดแก๊งมังกรติดพื้น เมืองเล็กๆแห่งนี้ชาวจีนมีอยู่ค่อนเมือง และเป็นกลุ่มคนที่มีพลังอำนาจเพียงพอในการคัดง้างกับกลุ่มอำนาจท้องถิ่น เมื่อกลุ่มอำนาจท้องถิ่นขึ้นมาเป็นผู้ปกครองเทศบาล จากการคัดง้างก็แปรเปลี่ยนเป็นการค้ำยันแบ่งผลประโยชน์กันและกัน กระนั้นกลุ่มชาวจีนก็ยังทรงอิทธิพลทางการค้าและการเงิน เด็กหนุ่มของพวกเขาถูกตีกระหน่ำเลือดนอง มันเป็นเรื่องที่หยามเกียรติหยามหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างมิอาจจะลบเลือนได้ เตี่ยเป็นผู้เดือดร้อนที่สุด ด้วยกลุ่มชาวจีนบีบบังคับให้เตี่ยตัดหางน้าชาติออกจากร่มหลังคาบ้าน เตี่ยจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? นอกจากน้าชาติจะเป็นเรี่ยวแรง
สำคัญในการค้าขาย ชื่อของน้าชาติยังเป็นที่ครั่นคร้ามสำหรับพวกโจรขโมยที่ชุกชุม เป็นกันชนที่ดียิ่งสำหรับการขูดรีดไถเงินจากอันธพาลท้องถิ่น ที่สำคัญ-เหตุการณ์คืนนั้นกลุ่มน้าชาติไม่ผิด! เป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม อย่างลูกผู้ชายนักเลงพึงกระทำอย่างยิ่ง
น้าชาติเดินเข้าไนท์คลับพร้อมกับน้าชีพ ,น้าแลง เสียงเพลงกระหึ่มคลุ้งด้วยควันบุหรี่ เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่ารินผสม แล้วถูกกระดกหายวับเหลือเพียงก้อนน้ำแข็งในพริบตา ร่างสูงใหญ่ของน้าทั้งสามเด่นโดดในความสลัว เสียงอันดังฟังชัดนั้นเคยตวาดผู้ชายฉกรรจ์ให้ขี้ขึ้นหัวมาไม่น้อย ก็ยังคงกังวานฟังชัดแม้เสียงเพลงจะกลบไปครึ่งหนึ่งแล้วก็ตาม ไม่มีใครสังเกตุโต๊ะข้างๆที่จ้องเขม็งอย่างไม่พอใจ นอกจากผู้หญิงในไนท์คลับบางคน คืนนั้นมีนักเที่ยวหนาตา แต่ผู้หญิงสำหรับบริการมีไม่เพียงพอ
ความคุ้นเคยสถานที่ของน้าชาติ แน่นอน-ที่ย่อมด้วยชื่ออันลั่นเลื่อนของน้าชาติด้วย จึงทำให้ดาวเด่นของไนท์คลับรีบผละจากโต๊ะข้างๆมานั่งคลอเคล้า อะไรที่จะฉีกหน้าลูกผู้ชายได้เท่านี้? เตี่ยเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายด้วยกันดี แต่การโยนแก้วลงโต๊ะน้าชาตินั้น เตี่ยไม่อาจยอมรับได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดใดก็ตาม เสียงแก้วเหล้าแตกเพล้งบนโต๊ะน้าชาติ ก็หมายความว่าคืนนั้นไนท์คลับอาจยับไปทั้งไนท์คลับ เตี่ยบอกเตือนสมาคมชาวจีนที่บีบเตี่ยในเย็นหลังวันเกิดเหตุว่า โชคดีที่ไม่มีใครตาย&
เรื่องดูเหมือนจะเงียบหายไปนาน น้าชาติยังคงเที่ยวเตร่ตามไนท์คลับมิเว้นคืน พบปะเผชิญหน้ากับกลุ่มเด็กหนุ่มชาวจีนอยู่เสมอ ต่างจ้องมองไว้เชิงกันนิ่งเงียบ ก่อนจะผละกันแยกไปนั่งโต๊ะห่างๆ
เป็นช่วงที่เซลล์แมนหนุ่มคนนั้นตีสนิทน้าชาติ หลังจากพบกันจังหน้าในคืนที่โรงภาพยนต์ฉายรอบมิดไนท์เสร็จสิ้น เขายกมือไหว้ทักแนะนำตัวเอง และเลี้ยงเหล้ายาอาหารจนอิ่มหนำสำราญ หลังจากนั้นเขาจะหมั่นมาหาน้าชาติที่บ้านเสมอ พร้อมๆกับการแอบมองน้ารมย์ด้วยดวงตาเปี่ยมหวัง ไม่ได้คลาดไปจากสายตาของเตี่ยกับแม่เลย แม่เตือนน้าชาติในเรื่องการเป็นพ่อสื่อ และเตือนน้ารมย์ในเรื่องการวางตัวของผู้หญิง น้าชาติหัวเราะดังตามบุคลิก แต่น้ารมย์ขวยอายเกินจะเก็บอาการอยู่
การติดสอยห้อยตามน้าชาติไปทุกหนแห่ง กลายเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างคาดไม่ถึง เมื่อน้าชาติถูกแทงด้วยกรรไกรขาเดียวจนล้มคว่ำคาโต๊ะเหล้า น้าชีพกับน้าแลงลุกวิ่งไล่ตามมือสังหาร ขณะที่เพื่อนอีกสองสามคนกระทืบคนโชคร้ายที่หนีไม่ทันนั้นสลบเหมือด เซลล์แมนหนุ่มหน้าซีด ตัวสั่นงันงกทำอะไรไม่ถูก น้าชีพวิ่งกลับมาช่วยหามน้าชาติส่งโรงพยาบาล ตบหน้าเซลล์แมนใจเสาะสองสามทีเรียกสติกลับคืน เขาเป็นลมล้มฟุบในบัดดลนั้น
น้าชาติตายในโรงพยาบาลเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เด็กหนุ่มโชคร้ายที่โดนกระทืบเพราะหนีไม่ทันนั้นตายคาที่ มือกรรไกรโดนน้าแลงยิงเข้าศีรษะในนัดเดียว เซถลาล้มลงไม่ทันได้ชักแม้สักนิด การตกลงลับๆเป็นไปอย่างเอิกเกริก ระหว่างเถ้าแก่ใหญ่พ่อของมือกรรไกร กับเตี่ยที่ยืนยันว่าน้าชาติต้องไม่ตายฟรี โดยมีกลุ่มอำนาจพื้นเมืองไกล่เกลี่ยให้เลิกรากันไป งานศพน้าชาติจึงเป็นการรวมตัวของกลุ่มนักเลงบ้านนอก พี่น้องเพื่อนฝูงต่างจังหวัดและในตัวเมือง ศพตั้งประจันหน้ากับศพลูกเถ้าแก่ในวัดเดียวกัน คนทั้งเมืองจับตาดูศึกกลางเมืองครั้งใหญ่ด้วยอกสั่นขวัญแขวน น้ารมย์เศร้าโศกเสียใจยิ่งขึ้น เมื่อรู้ว่าเซลล์แมนหนุ่มยอดรักนั้น
เสียสติไปในทันทีที่ฟื้นจากการถูกตบด้วยมือน้าชีพ
เพลงลูกทุ่งยังคงเจิดจ้าจำรัสเหนือฟ้าเมืองไทย ผลักไสเพลงลูกกรุงให้ถอยห่างออกไปอย่างเหนือชั้น วิทยุเอเอ็มทุกสถานีล้วนเป็นต้นเสียงกระจายอากาศ ในขณะที่เอฟเอ็มยังคงมั่นอยู่กับเพลงสากล ที่ความยิ่งใหญ่ของROCKNROLL ยุค 70 กราดเกรี้ยวด้วยแรงอัดภายใน ผลต่อเนื่องของยุคบุปผาชนได้สร้างเส้นทางอันร้อนแรง หลุดพ้นจากกรอบของขนบเพื่อก่อเกิดเทพเจ้าองค์ใหม่ เทพเจ้าผู้ขายวิญญาณให้ซาตาน อย่างไม่แยแสพระเจ้า และอย่างไร้ใยดีนักบุญ โลกอึกทึกครึกโครมด้วย ROCKNROLL มาเกือบสองทศวรรษแล้ว
แต่เด็กชาย ป. ๕ ยังคงชื่นชอบในการเปิดหาคลื่นเอเอ็ม อย่างไม่รู้ตัวที่สำเนียงกีตาร์ของเพลงลูกทุ่งจับหัวใจจนสั่นริกริก วันหนึ่งที่ตี๋ลองเปิดคลื่นเอฟเอ็ม ตี๋พบสำเนียงกีตาร์ท่อนนั้นอยู่ในเพลงฝรั่ง มันใสมันชัดกว่าที่เคยได้ยินในเพลงลุกทุ่งจนประมาณไม่ได้ เพลงนั้นแผดก้องกราดเกรี้ยวหนวกหู เหมือนโลกอีกโลกแย้มประตูให้แสงวูบยวาบลอดผ่านออกมาเพียงน้อย แต่ก็ทำให้ตี๋ตะลึงพรึงเพริดในความยิ่งใหญ่ของมันจนขนลุกซู่ หากแต่ใจที่จดจ่ออยู่กับเสียงทุ้มกังวานของโฆษกเอเอ็มนี่เอง ที่ตี๋ต้องเบนสายตาจากประตูแสงลอด มานอนแนบหูฟังจดหมายที่โฆษกกำลังอ่านอยู่ อาจจะเป็นจดหมายของตี๋ในสักวัน
ยังเป็นฤดูฝนที่สวยงามอย่างประหลาด ฟ้าที่สดครามเจิดจ้าเมื่อช่วงเช้า อาจทะมึนเขียวครึ้มได้ในพริบตาด้วยเมฆฝนมื้อเที่ยง ก่อนจะทะลักทลายร่วงเป็นเม็ดน้ำใสเย็นกระทบหลังคาสังกะสีห้องเรียน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลบเสียงครูเสียงเด็กหมดสิ้น ห้องเรียนจ๊อกแจ๊กจอแจด้วยเสียงอันมิได้ศัพท์นั้นจนผ่านไปสักครู่ แดดก็เปรี้ยงสาดลงมาระเหยหยาดน้ำที่ขังเจิ่งเป็นแอ่งเล็กๆ เผาหลังคาสังกะสีจนร้อยวับวับดังเมื่อช่วงเช้า เป็นอยู่อย่างนี้วันแล้ววันเล่า
มีเสียงเพลงแปลกหูจากเพื่อนคนหนึ่ง ดังแผ่วเบาจากโต๊ะตัวในสุดหลังห้องในเวลาพักเที่ยง เสียงนั้นเศร้าหม่น เสียงนั้นคุ้นเคยเสียจนไม่ต้องหันไปมองดูว่ามาจากผู้ใด ตี๋จำได้ว่าเพลงที่กำลังได้ยินนี้ ได้ยินครั้งแรกเมื่อเรียนอยู่ชั้น ป.๓ ในชั่วโมงวิชาขับร้อง เด็กทุกคนต้องออกไปร้องเพลงหน้าห้องเพื่อเก็บคะแนน ทุกเพลงของทุกคนล้วนเป็นเพลงลูกทุ่ง ที่กำลังยิ่งใหญ่จนคาดหมายว่าจะยืนยงมิเสื่อมสูญ ยกเว้นเพลงของ บัญชา
บัญชาผู้พยายามเดินให้ขาซ้ายก้าวไปพร้อมกับการแกว่งแขนซ้ายไปข้างหน้า แล้วให้แขนกับขาข้าวขวาสับขึ้นนำไปพร้อมกัน เป็นการพยายามที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง บัญชาไม่สามารถจะเดินเช่นนั้นได้เกินสามสี่ก้าวเลย เขาหัวเราะทุกครั้งที่เผลอให้การเดินเป็นไปตามธรรมชาติ ตี๋เคยถามเขาด้วยความสงสัยว่าทำไม? เขาตอบสั้นสั้นยิ้มยิ้มว่า
ลองดู
เพลงคนกับควายจากเด็กชาย ป. ๓ สร้างความตกอกตกใจแก่ครูอย่างที่สุด เสียงตวาดให้หยุดในทันใดนั้น นำมาซึ่งความฉงนฉงายไม่เข้าใจของพวกเด็กๆ และทรงอำนาจให้ทุกคนหยุดนิ่งไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจ ความเงียบของห้องเรียน ดวงตาตื่นตระหนกของบัญชา ใบหน้าเซียวซีดนั้นยิ่งดูเหมือนจะซูบยิ่งขึ้น
เอาเพลงนี้มาจากไหน? ครูถมึงตาถาม
พี่ชายสอนให้ร้องครับ&
พี่ชายเธออยู่ที่ไหน? ครูรุกยิ่งขึ้น
ขึ้นไปเรียนแล้วครับ&.
ที่ไหน?
เสียงนั้นเข้มและเฉียบห้วน จนตี๋หลับตาไม่กล้ามองดูภาพเบื้องหน้า ครูคลายความวิตกลงเมื่อเห็นบัญชาสะอื้นไห้ เด็กตัวเพียงเท่านี้จะไปรู้เรื่องอะไรกับสิ่งที่ใหญ่โตเกินความเข้าใจได้แม้ของผู้ใหญ่ ครูจับบ่าบัญชาปาดน้ำตาเสียใจนั้น ค่อยๆดึงเด็กชายผอมก้างมากอดอย่างทะนุถนอม ตี๋แอบหรี่ตามองเห็นแววตาของครูเปียกชื้น ความกังวลเคลือบดวงตาดำสนิทไว้คลอเบ้า ตั้งแต่นั้น-ครูมักจะมีเพลงแปลกๆมาสอนให้ร้อง เพลงที่พยายามสร้างกระแสสำนึกความรักชาติรักแผ่นดินอันดูเลื่อนลอย เพลงที่เทอดทูนสถาบันอย่างเคารพสูงส่ง เพลงที่เล่าถึงการต่อสู้ของบรรพบุรุษ ในการรักษาเอกราชที่ตี๋ไม่เคยสนใจจำ ตลอดจนเพลงที่กระทบไปยังใครก็ไม่รู้ว่าหนักแผ่นดิน ถ่วงความเจริญ ไม่มีเพลงลูกทุ่งที่ตี๋ฟังเนื้อแล้วเห็นภาพเกิดภาพคล้อยตามเลยสักเพลง
บัญชาร้องเพลงคนกับควายอยู่เบาเบาจากโต๊ะตัวในสุดหลังห้อง แม้จะยังเป็นเพลงแปลกๆที่ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ทุกคนหยุดอิริยาบทนั่งมองด้วยความฉงนอีกต่อไป สมบูรณ์กับมนัสกำลังเล่นต่อสู้กำลังภายใน อีกกลุ่มกำลังเล่นไอ้มดแดง เทอดไทขับรถเครื่องบินทำปากบรือออออออออยู่หน้าห้อง ตี๋ที่กำลังนั่งมองฟ้าหาพี่อินทรีนี่แหละ ที่แว่วได้ยินเสียงเศร้าหม่นจากหลังห้อง หันไปมองดูก็เห็นบัญชากำลังเช็ดโต๊ะอย่างขมักเขม้น มันคงเป็นเพลงที่ตกค้างอยู่ในใจมานานปี และถูกเก็บไว้เช่นนั้นตลอดมา บัญชาเองก็ไม่รู้ความหมายของเพลงหรอกว่าพูดถึงอะไร เขาอาจจะรู้เพียงว่า เขามีเพลงที่ทำให้ผู้ใหญ่ตกใจกลัวอย่างที่สุด-เท่านั้น
ไกลออกไปจากเมือง จะเห็นทิวเขาทอดเป็นเทือกยาวล้อมรอบ เว้นเพียงด้านทิศเหนือเท่านั้น ที่เป็นที่ราบโล่งเปิดช่องไปสู่ทะเลอันกว้างใหญ่ เทือกเขาโพ้นสายตานั้นลึกลับ และน่าพรั่นพรึงด้วยเรื่องเล่าอันพิลึกพิศดาร ข่าวคนถูกผีดิบดูดเลือดตรงซอกคอกระหึ่มไปทั้งเมือง ศพแล้วศพเล่าที่ลำคอมีรูเล็กๆสองรู เหมือนเขี้ยวของแดรกคิวล่ากดฝังลงเนื้อ แต่ละศพซีดเซียวไร้เลือด ดวงตาเบิกโพลงลุกวาวด้วยความหวาดกลัวสุดขีด การพูดถึงคอมมิวนิสต์ด้วยเสียงกระซิบแผ่วของผู้ใหญ่ ยิ่งทำให้ตี๋นึกไปถึงค้างคาวดูดเลือดตัวหนึ่ง ที่กางปีกกว้างดวงตาแดงก่ำเหนือหลังคาบ้าน ก่อนจะแปลงร่างเป็นคนมีเขี้ยวยาวเดินดุ่มอยู่ในความมืด เมืองทั้งเมืองกลายเป็นอาณาจักรแห่งความกลัว ตี๋และเหล่าทะโมนถูกห้ามออกจากบ้านเด็ดขาดเมื่อตะวันตกดิน
ในความอึดอัดคลุมเครือที่แผ่ตาข่ายขึงคลุมนั้น ตี๋กลับเห็นการพยายามเร่งรีบของเมืองในการเติบโตขยายตัวเอง ถนนเก่าหลายสายถูกรื้อแล้วปูด้วยซีเมนต์ หรือราดด้วยยางมะตอยใหม่ ธนาคารเอกชนแห่งแรกกำลังก่อสร้างอาคาร คลับบาร์ของผู้ใหญ่ครึกครื้นสนุกสนานจนถึงเช้า โรงหนังใหม่ๆเพิ่มขึ้น โทรทัศน์สีเริ่มเป็นที่นิยม และเพลงลูกทุ่งค่อยๆหายไปทีละสถานี ดูขัดแย้งสายตาชวนแปลกสงสัยพอควร เด็กๆเล่นขี่ม้าชิงเมืองหน้าบ้านไม้ทรงจีนเก่าๆ ซิ้มชรานั่งมองรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่วิ่งไปมา ตลาดเช้าที่วุ่นวายจนเกือบเที่ยง และวัดที่เจ้าอาวาสนั่งจิบชาจีนฟังเสียงนาฬิกาบอกเวลาวัตรเย็น และศูนย์การค้าแห่งแรกผุดขึ้นบนโรงแรมขนาดใหญ่
ตี๋ขึ้นชั้น ป.๖ ในวันที่เสียงหวอรถดับเพลิงหวีดแหวกอากาศอันสงบเงียบของบ่ายแดดจัด เด็กๆมองหน้ากันงุนงงไม่รู้ว่าเสียงอะไร ในขณะที่ครูวิ่งกันพลุกพล่านออกมายังสนามปูน มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ควันดำกำลังพวยพุ่งเป็นลำใหญ่ เสียงพึมพำของครู เสียงครูใหญ่ประกาศให้เด็กที่มีบ้านละแวกนั้นรีบกลับ ไฟโหมไหม้บ้านไม้เก่าๆด้านทิศใต้ของโรงเรียน รถดับเพลิงคันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านส่งเสียงอันชวนหัวใจเต้นถี่ ไฟกัดกินไม้อย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งอยู่นับชั่วโมง วอดวายกันไปถ้วนทั่วบริเวณ เหลือเพียงซากดำเป็นตอตะโกไม่กี่เสา และนับแต่นั้นมา รถดับเพลิงจะวิ่งส่งเสียงหวีดหวอกระชากแก้วหูเกือบทุกวัน ตี๋เริ่มมีอาการหน้าซีดเหงื่อโซมตัว มือเท้าเย็นเฉียบหัวใจเต้นแรง ความหวาดกลัวอันไม่รู้สาเหตุเกาะกุมตี๋จนบังคับตนเองไม่อยู่ ยิ่งวิ่งมาใกล้เพียงใด ตี๋ยิ่งแอบหลังเกาะเอวแม่แน่น วิ่งใกล้มาอีกนิด ตี๋จะปวดปัสสาวะรุนแรงแล้วฉี่ราดกางเกงไม่รู้ตัว ครั้นไฟแดงๆนั้นมาหมุนวับวับอยู่เบื้องหน้า ตี๋จะร้องไห้จ้าเสียงดังแข่งกับเสียงอึกทึกวุ่นวายบนท้องถนน แม่กอดตี๋แน่น อกของแม่มีเสียงหัวใจเต้นโครมครามหนักหน่วง มือของแม่เย็นเฉียบ
ดูเหมือนเตี่ยจะรู้อะไรบางอย่าง เตาไฟในครัวจะถูกกลบด้วยขี้เถ้าแน่นหนาเมื่อเลิกใช้งาน ดวงไฟทุกดวงสายไฟทุกเส้นจะถูกตรวจสอบความชำรุด เตี่ยจะเดินไปสูบบุหรี่หน้าบ้าน แล้วดับด้วยร้องเท้าจนแหลกติดถนน บ้านที่อยู่กันพ่อแม่ลูกนี้เป็นบ้านไม้ เรียงแถวติดกันยาวเหยียดสิบกว่าห้อง ทุกคืนชายฉกรรจ์จะจิบชาจีนคุยกัน และจัดเวรยามดูแลสอดส่องความไม่ชอบมาพากล ไม่มีใครเชื่อว่าเพลิงที่โหมไหม้อยู่เกือบทุกวันนั้น เป็นเพราะไฟฟ้าลัดวงจรตามข่าวที่ออกมา เตี่ยเริ่มนอนดึก นั่งอยู่ระเบียงบ้านชั้นบนมองออกไปในความมืด ที่แสงจากเสาไฟเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยกลางป่าลึก มองทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหวเงียบเชียบ แม้มันจะเป็นเพียงหมาผอมโซสักตัวหนึ่งก็ตาม คืนแล้วคืนเล่า&&
คืนหนึ่งแม่ฝันเห็นเตี่ยกับแม่เปลือยกายล่อนจ้อน ปีนบ่อน้ำสูงที่เก็บน้ำบาดาลไว้ใช้ แม่ลุกตื่นขึ้นมานั่งเหนื่อยหอบ มองเตี่ยที่เพิ่งหลับสนิทได้ไม่นานด้วยความวิตกหวาดหวั่น สังหรณ์ใจบางอย่างจนต้องลุกไปสวดมนต์ที่ห้องพระ แม่ตาฝาดเห็นเหรียญพ่อท่านหนูจันทร์เต้นไหวอยู่ในพาน!
ไฟไหม้เมืองเกือบจะทุกหนแห่ง ไม่เลือกกลางวันกลางคืนติดต่อกันมานานนับเกือบเดือน กลิ่นไม้โดนเผา กลิ่นขี้เถ้าควันกรุ่นฟุ้งอยู่ในอากาศหายใจ ผู้คนร่ำไห้เสียขวัญ ตระหนกหวาดหวั่นในชะตากรรมที่อาจจะมีมา มีคนตายอยู่ในกองเพลิง มีคนไร้ที่อยู่อาศัย มีคนหมดเนื้อสิ้นตัว และมีโจรขโมยชุกชุมยิ่งขึ้น ในคืนที่ตี๋กำลังหลับสนิท ฝันเห็นนกนางแอ่นโฉบโผลงมาเรี่ยพื้น เด็กๆวิ่งตามขี่หลังนกนางแอ่นบินสูงขึ้นเสียดเมฆ ต่างหยิบดาวมาคนละดวงสองดวง โปรยลงมายังพื้นโลกเสียงดังเปาะแปะๆ แล้วหยิบดาวดวงใหม่โปรยลงมาอีก เสียงดังเปรี๊ยะๆราวเสียงไม้สดถูกไฟเผา
ดาวดวงหนึ่งกระทบพื้นโลกเสียงดังปัง! และอีกหลายปังพร้อมเสียงตะโกนจากหน้าบ้าน เตี่ยกับแม่สะดุ้งตื่น เขย่าตี๋แรงๆให้รู้สึกตัว เสียงตะโกนจากหน้าบ้านยังคงกู่ดังอลหม่าน เสียงหวีดตกใจของผู้คน เตี่ยคว้าตี๋ไว้ในอ้อมแขน จูงแม่รีบวิ่งลงชั้นล่าง ควันไฟมุ่นมวยเป็นกลุ่มก้อนมองทางไม่เห็น เสียงหลังคาพุโผงเปรี๊ยะๆด้วยเปลวไฟ พื้นไม้กระดานร้อนเสียจนแทบจะย่างเท้าให้พุพอง มีคนใช้ขวานจามประตูเหล็กรัวถี่ แม่เร่งมือขวานให้รีบอยู่ตะกุกตะกัก เสียงตี๋ร้องไห้สลับกับสำลักควันไฟ เตี่ยถีบประตูหมายจะให้ล้มครืนไปข้างหน้า หลังคาครัวถล่มลงมาเป็นเปลวลุกโชน บ่อปูนสูงที่เก็บน้ำบาดาลร้าวแล้วแตกเป็นเสี่ยงลงมา น้ำบาดาลทะลักราวเขื่อนพัง ไหลมาชุ่มเท้าจนอุ่นค่อนร้อนจัด ก่อนจะสำลักควันไฟในเฮือกสุดท้าย ประตูถูกฉีกออกขนาดลอดผ่านได้
ยืนมองดูพระเพลิงโหมเปลวอย่างกราดเกรี้ยว แลบลิ้นเลียไปตรงไหนก็โชนไฟขึ้นตรงนั้น แม่ร้องไห้จนเป็นลมล้มไปในคืนที่รถดับเพลิงไม่มีน้ำมาด้วยแม้สักหยด!
ธงชาติจีนสีแดงของเตี่ยถูกไฟกลืนหายไปทั้งผืน และตึกใหม่ๆก็ทะยอยผุดขึ้นมารวดเร็ว กองขี้เถ้าถูกกวาดออกไปเพื่อลงตอม่อ เรียงรายไปตามแนวที่เคยเป็นบ้านไม้เก่าๆมาก่อน โฉมหน้าใหม่ของเมืองจึงเริ่มต้นนับแต่นั้น เป็นการสร้างเมืองที่สยดสยองที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว
Relate topics
- งาน ignite hatyai
- นิยายเล่มใหม่ครับ
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๗ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๖ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๕ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๔ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๒ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๑ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ทำความรู้จักกับผมสักนิด