ป า น สี แ ด ง ! ! ๔ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
ปานสีแดง
๔).
เป็นวัยกำลังสนุก และซุกซนเหลือแสนเลยทีเดียวสำหรับผม ตลาดยามเย็นจะเงียบ แผงทุกแผงว่างเปล่าและสะอาดพอเพียงที่จะขึ้นไปยืนร้องเพลง เพื่อนๆวัยเดียวกันนั่งอยู่บนพื้นที่ถูกกวาดถูกถูมาอย่างดี ส่งเสียงร้องคลอตามหรือไม่ก็ปรบมือให้จังหวะ ขาดอยู่ก็แต่หางเครื่องนี่แหละ ละแวกบ้านมีเด็กผู้หญิงเพียงสามคน เธอชอบที่จะนั่งเล่นหมากเก็บตุ๊กตุ่นตุ๊กตา มากกว่าจะมาวิ่งไล่หรือเต้นเป็นหางเครื่องให้เรา ผมใช้แผงขายผักเป็นเวทีขับขานมาตลอด จนแม้ขึ้นชั้นมัธยมสามแล้วก็ตามที มัธยมสามปีนั้นผมหลงรักลูกสาวช่างทำทองคนหนึ่ง เธอสวยซึ้งขาวผ่องเป็นยองใย แก้มฝาดเลือดสีชมพูนั้นยุ้ยเสียจนน่าหยิก บ้านเธออยู่ในตลาด ตรงข้ามแผงขายผักเวทีของผมนั่นแหละ เราจะแกล้งเดินผ่านบ้านเธออยู่บ่อยๆ สอดส่ายสายตาพอได้เห็นใบหน้านวลงามนั้นก็เป็นสุขเหลือเกินแล้ว เธอสวยเสียจนมีเด็กหนุ่มมากหน้าตามจีบ ผมรู้-ผมมีคู่แข่งหลายคน ทั้งจากพรรคพวกในกลุ่มเดียวกันและต่างกลุ่มต่างถิ่น ผมรู้อีกนั่นแหละว่าเธอไม่ได้สนใจผมหรอก แต่ที่ไม่รู้ก็คือเธอชอบเด็กหนุ่มร่วมโรงเรียนเดียวกับเธออยู่ ไอ้การไม่รู้อะไรบ้างนี่ บางครั้งมันก็มีความสุข มีความหวังความฝันอันงดงามเหมือนกัน
หัวค่ำคืนที่ผมกำลังแหกปากร้องเพลงลูกทุ่ง เต้นอยู่บนเวทีอย่างเมามัน ผมก็เหมือนถูกถีบเข้ายอดอกจังเบ้อเร่อ เมื่อเธอเดินเข้าบ้านพร้อมแม่ของเธอ เราทุกคนตกตะลึงในวาสนาอันลอยมาเบื้องหน้านั่น เธอมาปรากฏกายเป็นๆ มายืนนิ่งๆอวดรูปร่างอันได้ส่วน และใบหน้าอันหวานซึ้งให้เรามองเต็มๆตา! หลังจากที่แกล้งเดินผ่านหน้าบ้านเธอ แล้วพ่อของเธอจ้องเราตาไม่กะพริบ ครั้นได้สติ ผมขึ้นเพลงที่ตั้งใจจะมอบบรรณาการให้เธอฟังทันที
มันเป็นเพลงที่อยู่ในห้วงคำนึงและวาดฝันอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่ง-สักวัน ผมจะร้องเพลงนี้เบาเบาข้างๆเธอ ท่ามกลางผีเสื้อหลากปีกสีในดงไม้ดอกหอมหวนตรลบบริเวณ เราจะเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลก
สวยจังหูเลย แม่คุณเอ๋ยไม่เคยพบเคยเห็น เสื้อผ้าใส่มานิดหน่อย โคนขาก็ปล่อยรับลมตอนเย็น แม่เจ้าเอ๋ยเวลาได้เห็น หัวใจมันเต้นขนลุกขนพอง..
สวยจังหูเลย แม่คุณเอ๋ยสปอร์ตจริงน้อง โชว์ขาแล้วมาโชว์ท้าย
พวกผู้ชายเห็นแล้วตามจ้อง อะยาละก๊ะโอ้โหน่ามอง บั้นท้ายของน้องช่างงามจับใจ&.
ฉัตรทอง มงคลทอง เล่นผมแล้วสิ ใครจะไปรู้เล่าว่าเพลงนี้มัน เหมาะที่จะร้องให้อีสาวบ้านทุ่งสักคนฟัง มากกว่าจะมาแหกปากปาวๆให้ลูกสาวช่างทำทองรับรู้หัวใจ ก็ในเมื่อวิทยุมันเปิดเพลงนี้โครมโครมมาเป็นปี และผมก็ดีดกีตาร์เล่นเพลงของคีรีบูนไม่ได้เสียด้วย จริงๆนะ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเพลงนี้มันเชย
เป็นธรรมดาของเด็ก ที่ชีวิตเมื่อเจอโลกกว้างมักจะตื่นตาตื่นใจ ต้องมนต์เสน่ห์ของโลกนอกประตูบ้าน อยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ผมไม่ทุกข์ร้อนอนาทรใดเลยเมื่อย้ายมาอยู่ร่วมบ้านกับน้าๆ ที่เตี่ยเช่าไว้อีกหลัง-ที่ยังเหลืออยู่ แม้พื้นที่วิ่งเล่นในบ้านมันจะแคบคับไปโขก็ตามที หลังจากไฟไหม้ครั้งนั้น เราสามคนพ่อแม่ลูกมีเพียงชุดนอนคนละชุด เงินทองที่เก็บออมมาหายวับไปในกองไฟ คุ้ยเขี่ยกองขี้เถ้าก็ได้แต่เหรียญดำๆบิดๆเบี้ยวๆ กลิ่นไหม้นั้นเหม็นหืนจนต้องถอยออกมาตั้งใหม่ แล้วก็กระโดดไปวิ่งเล่นบนกองขี้เถ้าสีดำนั้นอย่างสนุกสนาน ความที่ยังเด็ก กระมัง ที่ทำให้ผมไม่อินังขังขอบเสียอกเสียใจ แม่ควานหาเหรียญพ่อท่านหนูจันทร์ ,พ่อท่านชูเฒ่า ตรงที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องพระถล่มลงมา ศรัทธาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแม่มาทั้งชีวิตจนบัดนี้
บนเทือกเขายาวเหยียดที่โอบล้อมเมืองไว้นั้น ความกลัวค้างคาวผี
ดูดเลือดยังคงเกาะกุมหัวใจมิรู้เลือน จากหนังฝรั่งที่เริ่มเข้ามาฉาย จากเรื่องเล่านิทานในหนังสือที่ได้อ่าน มันเป็นค้างคาวที่กางปีกเหยียดปลายบดบังดวงจันทร์ไว้มิด การรับรู้ข่าวสารอย่างไม่ปะติดปะต่อ การวาดภาพอันน่าขนลุกจากอำนาจรัฐ ความแปลกใหม่ของความคิดที่สังคมไทยสมัยนั้นยังไม่เข้าใจ ตลอดจนการล่มสลายของอาณาจักรรัสเซีย ,อาณาจักรจีนในประวัติศาสตร์อันรุ่งเรือง มันล้วนทำให้ผู้ใหญ่วิตกกังวลและหวาดกลัว หากค้างคาวดูดเลือดบนภูเขานั้นชนะสงคราม
สำหรับเด็กอย่างพวกเรา ผมใช้วิธีแขวนพระอยู่กับตัวตลอดเวลา ครูมักถามเสมอว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร? นอกจากการอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งแล้ว ก็คือการเป็นพระนี่แหละที่ผมอยากเป็นมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นเรื่องจริงที่แม้เมื่อโตขึ้นมา ความคิดอยากบวชตลอดชีวิตยังคงนอนนิ่งตกตะกอนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ เมื่อใดที่ประสบปัญหาอันแก้ไม่ตกหาทางออกไม่เจอ ผมมักจะคิดถึงวัดบ้านนอกสงบๆสักแห่ง โกนหัวห่มเหลืองครองเพศบริสุทธิ์ เป็นพระแก่ๆที่มีศีลาจารวัตรงดงาม เกรงกริ่งก็แต่จะทำให้ศาสนามัวหมองเท่านั้น ด้วยรู้ตัวว่าเป็นคนที่ไม่เคยมีศรัทธาอะไรจริงจังเลยนับแต่เริ่มหนุ่ม วัยและความโลดโผนของชีวิตนี่แหละ ที่ทำให้ผมเชื่อมั่นในพลังของตน หากจะมีศรัทธากับเขาบ้าง ก็คงเป็น กำลัง นี่แหละเป็นศรัทธาเดียว แม้มันจะนำความยุ่งยากหรือปัญหาใหญ่โตตามมาอยู่หลายครั้งหลายคราก็ตามที
พระ วัด พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์คือศาสนาสำหรับผม เป็นสิ่งที่ผมได้รับถ่ายทอดมาจากแม่ กลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์ความขรึมขลังอันแตะต้องมิได้ เป็นยาวิเศษสำหรับการเยียวยาหัวใจดวงบอบช้ำในยามอ่อนแอ บทสวดทุกบทเป็นเสมือนน้ำทิพย์ที่ลูบหัวลูบหน้าแล้วขนลุกซู่ดื่มด่ำ ดับไฟอันโหมกระพือเร่าร้อนเผาหัวใจให้ราเปลว เป็นยาครอบจักรวาลในยามสมองหนักอึ้งด้วยสารพัดปัญหา การอ้อนวอนร้องขอบนบาน เป็นความหวังเดียวของชีวิตที่ไม่มีมือใดในสังคมยื่นมาช่วยเหลือได้ มันเป็นยาแก้ปวดชนิดเฉียบพลัน
มันอาจไม่ใช่ศรัทธา
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศรัทธามีความหมายว่าอย่างไร คืออะไรอยู่ตรงไหน ศาสนาเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากแม่ผู้รักษาศีลแปดมาชั่วชีวิต โดยไม่รู้ตัวและไม่กล้าขัดขืนปฏิเสธ บาปกรรมที่ได้รับรู้มานั้นน่ากลัวนัก นรกที่ร้อนผ่าวด้วยไฟประลัยกัลป์ งิ้วหนามแหลมยาวใหญ่ กระทะทองแดงที่ต้มคนบาป สารพัดทัณฑ์ทรมานในแต่ละขุมนรก ผมไม่กล้าตั้งคำถามกับศาสนาเอาเลย ผมมีศาสนาไว้สำหรับกรอกในใบลงทะเบียนเรียน เพื่อไปทำบัตรประชาชน นับถือศาสนาพุทธตามสำมะโนครัวทะเบียนบ้าน และมีไว้เพื่อความกลัวในยามมีสติดีอยู่ วัยเด็กที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง วัยหนุ่มที่กำยำล่ำสันแข็งแรง การตัดสินใจรวดเดียวอย่างรวดเร็วในสมอง การหาเหตุผลมาอธิบายปรากฏการณ์ การมีเพื่อนฝูงมากมาย อาจรวมถึงการไม่แยแสชีวิตด้วยกระมัง ที่ศรัทธาทั้งหลายทั้งปวงไม่จำเป็นสำหรับผม ถ้าหากศรัทธานั้นคือความเชื่ออันล้ำลึกอันสัมผัสได้
เพราะมนุษย์นั้นมีความกลัวเป็นพื้นเดิมอยู่ในจิตใจ จึงพยายามค้นหาอะไรสักสิ่งที่พอจะเป็นที่พึ่ง ความกลัวอันเนื่องมาจากเราไม่มีอวัยวะส่วนใดในการต่อสู้ป้องกันตัวจากภัยรอบข้าง ไม่มีสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดด้วยการเปลี่ยนสี หรือขดตัวอยู่ในผิวแข็งคมอย่างตัวนิ่ม เราจึงใช้ส่วนที่เป็นสมองขบคิดทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อยังชีวิตให้อยู่รอดให้ได้ เมื่อมนุษย์มีศาสนาไว้เยียวยาหัวใจ ไว้ป้องกันปราบปรามภูตผีปีศาจแห่งบาปกรรมทั้งปวง
มนุษย์จึงโถมตัวเข้าหาศาสนาอย่างไม่เคยตั้งคำถามใดใดเลย ศาสนาถูกทำให้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ห้ามตั้งคำถาม ห้ามใครแตะต้อง ห้ามใครตีความ วัยเด็กของผมก็คงเป็นเช่นนั้น เมื่อศาสนากลายเป็นของสูงส่งเกินเขย่งตัวทำความเข้าใจ มีนรก ๑๘ ขุมอันเหี้ยมโหดทารุณคาดโทษผู้ที่กระทำผิด ผมจึงกลัวการทำบาปเพราะบทลงโทษ หาใช่กลัวเพราะละอายแก่ใจตนเองไม่
จวบจนวัยหนุ่มได้ล่วงเข้ามา ผมเชื่อในพลังแห่งวัย เชื่อมั่นในกำลังที่จะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างปลอดภัย ในเมื่อผมเหยียบโลกอยู่ใต้ฝ่าเท้าเช่นนั้น ผมจำเป็นต้องมีอะไรให้คอยยึดเหนี่ยวด้วยหรือ? บางสิ่งบางอย่างที่อธิบายไม่ได้นั้นนี่เอง ที่ผมยังคงเกรงกริ่งอยู่บ้าง การอธิบายไม่ได้มันจึงกลายเป็นความหวาดกลัวเอาไว้ก่อน เพื่อให้ตนเองพ้นจากบทลงโทษที่อาจจะมีมา มันยังไม่ใช่ศรัทธา มันเป็นเพียงแค่การตบตาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับนรกเท่านั้นเอง
ดูเหมือนจะแย้งกันอยู่ในความคิด ผมไม่เคยศรัทธาศาสนามากไปกว่าศาลาพักร้อนสักหลัง แต่ผมอยากบวชตลอดชีวิต เป็นพระที่หากบรรลุได้ก็เป็นเรื่องดียิ่ง คนก็คงจะเป็นเช่นนี้กันทุกคน เมื่อยามที่เข้มแข็ง ต่อให้มีไฟนรกมาลุกโชนขวางทางก็หาได้พรั่นพรึง ในยามที่อ่อนแอนี่สิ ที่ไขว่คว้าหาที่พึ่งทางใจบำบัดเยียวยาให้แข็งแรงขึ้นอีกสักคราหนึ่ง
อาจจะเป็นเพราะเด็กๆมักจะมีวีรบุรุษอยู่ในใจตน เป็นฮีโร่ที่เก่งฉกาจฉกรรจ์ได้รับการยกย่อง และเด็กๆอยากที่จะเก่งเช่นที่ฮีโร่ของเขาเก่ง บังเอิญที่ผมมีพ่อท่านหนูจันทร์เป็นฮีโร่!
พ่อท่านหนูจันทร์ขณะนั้นอายุ ๘๒ บวชเรียนมาตั้งแต่ยังเล็กเป็นเณรจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดของแม่ ความเมตตาอ่อนโยนไม่เลือกใคร การวิปัสสนากรรมฐานอันสำรวม การเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยการปฏิบัติให้เห็นว่านิพพานนั้นอยู่เพียงเอื้อม ไม่ยากเกินเข้าใจเกินการไปถึง พ่อท่านจึงเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของผู้ใหญ่ทั้งหลาย แต่สำหรับผมในวัยขณะนั้น รับรู้เพียงว่าผมรู้สึกอบอุ่นจากการลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนของพ่อท่าน ความรู้สึกเล็กๆนั้นยิ่งใหญ่นัก ผมคิดเอาเองว่ามีความสำคัญเป็นที่เมตตาของพ่อท่านยิ่งกว่าผู้ใด ผมเพียงปารถนาได้เป็นพระแก่ๆผู้มีศีลจารวัตรงดงามเยี่ยงพ่อท่าน เพื่อจะได้ลูบกระหม่อมเด็กชายสักคน ให้มันฝังตรึงลงในจิตใจ ให้ผมเป็นฮีโร่ที่เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นผม
ผมยังพยายามค้นหาศรัทธา และจะต้องอธิบายมันให้ได้ว่า นอกจากการเป็นมรดกโบราณนั้น แท้แล้วมันมีอะไรซ่อนอยู่ น้าชาติผู้ไม่เคยเข้าวัดทำบุญเลยแม้สักครั้ง ไม่เคยกระตือรือร้นในการถวายสังฆทานในการรับศีลรับพร ชีวิตน้าชาติเป็นทางเดินของนักเลงที่มีชื่อเสียงพอควร เหล้า ผู้หญิง การพนัน การตีรันฟันแทง การเป็นลูกผู้ชายในความหมายของคนใจถึง น้าชาติเชื่อมั่นในพลังของตน เชื่อมั่นในความเด็ดเดี่ยวที่พร้อมจะปะทะรับมือทุกสิ่งได้ทุกรูปแบบ แม่ไม่เคยชักจูงน้าชาติให้เข้าโบสถ์บวชสักพรรษาได้เลย แต่เมื่อสิ้นชีวิต น้าชาติก็ต้องเข้าวัดแม้จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม นอนนิ่งสงบอยู่ในโลงไม้ ฟังเสียงพระสวดรับศีลรับพรด้วยร่างที่ไร้วิญญาณ ก่อนจะถูกไฟฌาปนเผาร่างซากนั้นแหลกเป็นจุล สิ้นสุดภพไปอีกภพ
ศาสนาถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างขนบ ศีล-กฎหมายศักดิ์สิทธิ์มีไว้เพื่อกำราบมนุษย์ที่ประพฤติตนออกนอกลู่นอกทาง อาจเพราะวัยหนุ่มนี่เอง ศาสนาจึงยิ่งจำเป็นต้องปลูกฝังลงรากลึกจิตใจมนุษย์ให้ได้ เพื่อตีกรอบ ศรัทธาในกำลัง ให้ใช้ไปในทางสันติ สันติอันจักนำมาซึ่งธรรมทั้งหลายทั้งปวง ธรรมอันนำมาซึ่งสังคมสงบสุขร่มเย็น วัยเด็กผมมีศาสนาไว้ป้องกันผีกับคอมมิวนิสต์ โตขึ้นมาเป็นหนุ่มรุ่น ผมมีศาสนาไว้สำหรับเป็นศาลาพักร้อน การอยากบวชเป็นพระจนแก่เฒ่านั้น เป็นเพียงการอยากเป็นฮีโร่ให้กับเด็กๆรุ่นต่อไป เหมือนเช่นที่ผมเคยมีฮีโร่มาก่อน มันยังไม่ใช่ศรัทธาแต่อย่างใดเลย แม่คงเศร้าใจ หากรู้ว่าลูกชายคนเดียวของแม่บวชเมื่อปี ๒๕๓๓ เพียงเพื่อแทนคุณน้ำนมตามคติผู้ชายโบราณเท่านั้น
ผมอยากรู้จักศรัทธา!
ผมเป็นเด็กชาย ป. ๖ ที่ขี้แยอย่างยิ่ง ใจน้อยเสียจนน้ำตาหลั่งเอาง่ายดายนัก เพียงเพื่อนไม่ชวนร่วมเล่นลูกข่าง ทั้งๆที่ผมขว้างลูกข่างให้หมุนติ้วอยู่กับที่ได้นาน ใช้นิ้วชี้สะกิดลูกข่างที่หมุนติ้วๆนั้นขึ้นมาบนฝ่ามือ แม้กระทั่งการขว้างแล้วชักตวัดกลับทันที โดยไม่ให้ลูกถึงพื้นแต่มาหมุนอยู่บนฝ่ามือ โดยเฉพาะความแม่นยำในการขว้างอันหนักหน่วง ให้เดือยเหล็กจิกลงบนหัวลูกข่างของใครต่อใครให้แตกเป็นสองท่อน นี่ย่อมเป็นฝีมือที่ควรจะรีบรับเข้าร่วมทีม มากกว่าการเฉยเมยหรือผลักไส
เราขีดวงกลมด้วยชอล์กบนพื้นปูน กว้างพอประมาณจำนวนคนเล่น แบ่งเป็นกลุ่มเท่าๆกันหรืออาจมีการต่อจำนวนคนให้ ในกรณีที่กลุ่มใดมีฝีมืออันแม่นยำหนักหน่วงกว่า ผู้แพ้ต้องปล่อยให้ลูกข่างนอนนิ่งในเขตวงกลม ให้อีกทีมเลือกจิกหัวได้ตามใจชอบ โดยมีข้อแม้ว่าลูกข่างของเขาต้องหมุนอยู่ในวงกลม และต้องหมดแรงหมุนนอกเขตชอล์กเท่านั้น ลูกไหนไม่หมุนหรือหมดแรงเหวี่ยงอยู่ในวงกลม ผู้ร่วมทีมต้องช่วยด้วยการขว้างให้กระแทกออกมานอกเขต การเล่นเป็นทีมไม่มีปัญหาอันใดสำหรับผม ด้วยเพื่อนร่วมทีมจำเป็นต้องให้ผมช่วยอยู่เสมอ ก็เพราะฝีมืออันแม่นยำหนักหน่วงนี่แหละ แต่เมื่อเล่นกันแบบตัวใครตัวมันนี่สิ ลูกข่างของผมมักนอนนิ่งอยู่ในนั้นอย่างโดดเดี่ยว ให้ใครต่อใครจิกเอาจนเป็นรูพรุนไปทั้งลูกเสมอ ผมถูกขังอยู่ในวงกลมอย่างเนิ่นนาน นานพอที่จะเริ่มโกรธ และโกรธพอที่จะคว้าลูกข่างเดินร้องไห้กลับบ้าน
ฝีมือแม่นยำหนักหน่วงนี่แหละ ที่ผมเคยจิกแตกเป็นสองซีกมาเกือบทุกคน มันเป็นการแก้แค้น เป็นการสั่งสอนให้สำนึกในเรื่องของการอยู่ร่วม เป็นการบอกให้รู้นัยนัยว่า สังคมต้องการความประนีประนอมเกื้อกูลกันและกัน ไม่ใช่การพยายามโดดเด่นแล้วทำลายคนร่วมสังคม
มีอีกวิธีเล่นลูกข่างคือ ยิงกี้ ผมไม่แน่ใจว่าคำนี้มาจากประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ มันอาจเป็นเช่น วันตูซ่ม ที่ภาคกลางรู้จักกันว่า เปายิ้งฉุบ อาจเป็น ลาลาลิต่ำปง ที่เด็กกรุงเทพเรียกกันว่า แพ้ออก มันเป็นยิงกี้ที่มีบทลงโทษรุนแรง ไร้ปรานีอย่างที่สุด เมื่อใคร ตาย ให้ลูกข่างอยู่ ณ จุดเริ่มต้น คนที่เหลือจะขว้างลูกข่างให้หมุนอยู่ใกล้ๆ แล้วใช้มือตบลูกของตนไปกระแทกลูกที่ตายอย่างแรง เพื่อต้อนไอ้ขี้แพ้ไปเข้า หม้อ ช่องสี่เหลี่ยมที่ขีดด้วยชอล์กเบื้องหน้าโน้น การประหารชีวิตลูกข่างจะดำเนินโดยฝังเดือยของขี้แพ้ลงดิน ให้ส่วนหัวที่เป็นไม้นั้นโผล่มาหายใจติดๆขัดๆ รอรับการฉีกจากเดือยคมที่จะต้องลับเสียก่อนกับขอบปูน มือน้อยของแต่ละคนกำลูกข่างไว้แน่น ก่อนจะโถมแรงทั้งมวลที่มีกระแทกเดือยลงไปยังนักโทษประหาร หนึ่งรู สองรู สามรู ที่สุดมันก็จะแตกเป็นเสี่ยง เหลือเพียงเชือกให้พันนิ้วนั่งมองดูเกมอันหฤโหดต่อไป
กฎของลูกข่างคือต้องหมุน! ยิ่งหมุนเร็วแรงนิ่งเพียงใด ยิ่งประกาศถึงความโดดเด่นของผู้พันเชือก การสะกิดด้วยนิ้วหรือชักตวัดกลับขึ้นมาบนฝ่ามือ เป็นเพียงเทคนิคที่ผ่านการฝึกซ้อมทักษะมาอย่างชำนาญ แต่การละเล่นร่วมกันนี่สิ ที่จะสร้างกฎแห่งการอยู่ร่วม สร้างกติกา สร้างกฎระเบียบ เพื่อให้การเล่นนั้นสนุกสนานยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย หากแต่ผู้เล่นต้องคำนึงและเข้าใจว่าเราเล่นกันเพื่อเล่น และเพื่อจะได้เล่นร่วมกันได้นานนาน มิฉะนั้นก็คงจะมีคนอย่างผมที่คว้าลูกข่างออกจากวงเดินร้องไห้กลับบ้าน บทลงโทษอันเหี้ยมโหดรุนแรง มันสร้างความหวาดกลัวให้แก่เจ้าของเชือกเปล่า มันทำร้ายจิตใจกันเกินไป กฎแห่งการอยู่ร่วมต้องการความประนีประนอมอย่างที่สุด!
ผมไม่แน่ใจนักว่ารัฐและคนบนภูเขาขณะนั้น เคยเล่นลูกข่างกันมาหรือไม่ และด้วยวิธีใด
ศรัทธาต่อความดีงามทั้งปวง มันก็คงเหมือนลูกข่างที่หมุนติ้วบนพื้นลาด ไหลเลื่อนลงต่ำไปอย่างรวดเร็ว จากพื้นปูนราบเรียบไปสู่ดินอันกระด้างแข็งหรือเละเป็นตม ต้องหมั่นคอยใช้เชือกขึงกางกั้น แล้วตะล่อมให้กลับขึ้นมาบนพื้นปูนเสมอ กฎแห่งลูกข่างคือต้องหมุน และมันจะหมุนได้ดีก็ต่อเมื่ออยู่บนพื้นปูนราบเรียบเท่านั้น ศรัทธาในศาสนา ศรัทธาในชีวิต ศรัทธาต่อการอยู่ร่วม ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ศรัทธาต่อความคาดหวังสูงส่ง ทุกๆศรัทธาเราจำเป็นต้องมีเดือยที่ตรง โดยการพันเชือกอย่างมีวิธีการ การออกแรงขว้างอย่างมีชั้นเชิง ลูกข่างของผมไหลเลื่อนลงสู่ที่ต่ำครั้งแล้วครั้งเล่า เปรอะเปื้อนเลอะด้วยโคลนตมกระมอมกระแมม มือแม่จะหยิบลูกข่างสกปรกนั้นมาทำความสะอาด เช็ดถูพลางพร่ำสอนถึงวิธีการเล่น ก่อนยื่นให้ผมพันเชือกขว้างอีกครั้งและอีกครั้ง ทุกการเริ่มต้นพันเชือก ผสมปนเปไปกับความหวาดหวั่นและมาดมุ่ง เพื่อจะพบว่า-พระพุทธเจ้าทรงครัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง
เปล่า-ผมยังไม่ได้มีศรัทธาจนถึงขั้นเข้าใจ หรือปฏิบัติตนจนบรรลุอย่างที่แม่คาดหวัง ผมเพียงแต่เรียนรู้ชีวิตเพียงฉาบฉวยเท่านั้น เพราะเมื่อก้มดูเดือยของตน พบว่ามันยังเอียงกะเท่เร่ไปหลายองศาอยู่
ส่วนสาวน้อยแสนสวยในตลาดคนนั้น หลังจากเพลงอันคลาสสิค ของ ฉัตรทอง มงคลทอง ผ่านอากาศแหวกไปยังโสตเธอ ผมก็มีศัตรูโดยไม่รู้ตัวทันที
Relate topics
- งาน ignite hatyai
- นิยายเล่มใหม่ครับ
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๗ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๖ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๕ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๓ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๒ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๑ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ทำความรู้จักกับผมสักนิด