ป า น สี แ ด ง ! ! ๖ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
๖).
มันเริ่มการสับเปลี่ยนเยนเนอเรชั่นโดยแท้ เด็กที่ลืมตาออกมาดูโลกในปี พ.ศ.นั้น จะรู้จักวงแกรนด์ เอ็กซ์ แต่เพียงตำนานที่เล่าขานไม่รู้จบ ฉัตรทอง มงคลทอง ผู้เขย่าวงการก็ถูกความลืมลบอดีตไปจนหมดสิ้น เมืองที่เคยเล็กๆเต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าๆ ก็เหลือเพียงรูปถ่ายไม่กี่รูป เด็กพวกนี้จะเติบโตมาในอีกอารยธรรมหนึ่ง เป็นอารยธรรมอันแผ่งำครอบโลก ผสานโลกทั้งโลกเข้าเป็นหนึ่งเดียว ไร้ข้อขัดแย้ง ไร้ความแตกต่าง และที่สุดก็ไร้ตัวตน พวกเขามีชีวิตที่เป็นแบบแผน เดินตามกันเป็นขบวนในเซนเตอร์พอยท์ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นเครื่องประดับล้ำค่า เข้าสู่ความเป็นชนชั้นกลางเป็นนักบริโภคในวัยที่ยังไม่รู้จักทำงาน พวกเขาเติบโตเร็วเรียนรู้เร็ว คนอายุสามสิบกว่าๆมะงุมมะงาหราหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขาสร้างโปรแกรมกันเหมือนเป็นของเด็กเล่น ไร้สิ้นความเกรงกลัวเทคโนโลยี และโดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ของต้องห้ามสำหรับเด็ก มันกลายเป็นรสนิยมอันบรรเจิดอย่างเหลือเชื่อ
หลังยุคสมัยของ ROCKNROLL ยุค 60 ก็ก้าวล่วงเข้าสู่เพลง METAL อันรุนแรงหนักหน่วง แล้วแปลงยุค 80 ให้เป็น DISCO ดวงไฟวับๆแวมๆ มันสั่นรากฐานประเทศจนโยกคลอน มันตามมาด้วยแฟชั่น การกินอยู่ สมัยนิยมนำมาซึ่งระบบวิธีคิดใหม่ บุคลิกภาพสังคมใหม่ แล้วมันก็กำหนดสังคมให้เป็นไปในรูปลักษณ์ครึ่งๆกลางๆ เมื่อสังคมเก่าพยายามต่อต้านขัดขืน หรือโอนอ่อนให้บ้างในบางกาลเทศะ โดยเฉพาะแรงขืนจากโรงเรียนร่มพญายางอินเดีย วงดนตรีไทยเดิมที่ฝึกซ้อมกันทุกๆเย็น ก้องกังวานไปด้วยเสียงระนาดเสียงจะเข้เสียงซอ นักเรียนผู้หญิงชดช้อยกรีดกรายอรชรอยู่ในชุดรำไทยอยู่อ่อนไหว เพื่อไปแสดงในรายการโทรทัศน์ท้องถิ่น พยายามต่ออายุสิ่งที่คิดว่าเป็นความเป็นชาติแท้จริง เป็นแรงปะทะเล็กๆที่ยืนหยัดอยู่กลางพายุตะวันตก เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้เฒ่าที่ยังภาคภูมิใจในเหรียญอิสริยาภรณ์ จนรายการนั้นถูกถอดออกจากผังนั่นแหละ โรงเรียนจึงได้รู้ว่านี่คือความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
ขณะเดียวกันนั้น ญี่ปุ่นเองก็เริ่มพัฒนาการเป็นยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรม ผลจากสงครามโลกครั้งที่สอง และระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา , นางาซากิ ทำให้พวกเขาเศร้า อเมริกาเข้าไปจัดระเบียบกองทัพให้มีขนาดย่อมเพียงปกป้องประเทศ มันทำให้พวกเขาปวดร้าว การ์ตูนฮีโร่มากมายถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเจ็บปวด เพื่อทดแทนสิ่งที่เคยยิ่งใหญ่แล้วสูญเสียไป ญี่ปุ่นส่งเทียบเชิญนักฟุตบอลบ้านเราให้ไปเล่นที่นั่น เพื่อเป็นดาราเรียกผู้ชมในทุกสนาม เชิญโค้ชบ้านเราให้ไปดูแลจัดการระบบฟุตบอลของเขา ให้มีพัฒนาการเทียบเท่าไทยและมาเลเซีย พวกเขาก้มหน้าสร้างตนเองขึ้นมาใหม่บนซากปรักพัง โชคดีที่เขามีความพยายาม เขาสูญเสียศักยภาพทางทหาร เขาก็อวดความตระการตาของเทคโนโลยี เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดหลั่งไหลเข้ามาบ้านเราเป็นระลอก ห้างสรรพสินค้าอาคารต่างๆของพวกเขาบุกเบิกทำธุรกิจใหญ่โต การลงทุนของเขาคุ้มค่า เมื่อสามารถสร้างกระแสนืยมญี่ปุ่นให้หวนกลับมาอีกครั้ง หลังจาก ๑๔ ตุลา ๑๖ ที่เคยถูกต่อต้านอย่างหนัก การล่มสลายของพลังนักศึกษาปัญญาชน ทำให้นายทุน-นักการเมืองเข้มแข็งและร่ำรวยยิ่งขึ้น
ญี่ปุ่นเจาะกลุ่มเข้าไปยังเยาวชนไทย พวกเราบ้าคลั่งสาวญี่ปุ่นคิดขุอาโนเนะ ไม่ต่างกับเด็กรุ่นหลังที่เคยคลั่ง ฮิเดะ วง X Japan พวกเขากลายเป็นทีมฟุตบอลระดับโลกไปเสียแล้วในปัจจุบัน และที่น่าตกใจ..พวกเขาส่งกองกำลังทหารเข้าไปในประเทศอิรัก หลังการถล่มอิรักอย่างไร้ความชอบธรรมของอเมริกากับอังกฤษ
กระแสญี่ปุ่นกระแสฝรั่งนี่แหละ ที่ขนาบผมเสียจนโงนเงน ผมเพิ่งผลัดวัยเด็กมาหมาดๆ ในขณะที่รากฐานในวิถีบ้านนอก ที่แม่และน้าๆได้ถ่ายทอดด้วยการเลี้ยงดูยังคงเคลือบหัวใจมิรู้จางจืด มันคงไม่ต่างกันนักกับการที่ ชินกร ไกรลาส ร้องเพลง นางแมว ของ หินเหล็กไฟ ในรายการวาไรตี้รายการหนึ่ง ประดักประเดิกขัดๆเขินๆเก้ๆกังๆเหลือเกิน ชินกร ไกรลาส เองก็คงรู้ตัวว่ายุคสมัยของแกมันลับหายไปเสียแล้ว
แต่เด็กหนุ่มก็คือเด็กหนุ่ม กระตือรือร้นตัดสินใจเร็ว ชื่นชอบความรู้สึกทายท้าทุกชนิด และมักคิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ เสื้อผ้าแบรนด์เนมเกร่อเมือง กรุงเทพคือสยามสแควร์ บันไดหน้าสยามเป็นที่ใฝ่ฝันของพวกเราที่อยากจะเอาก้นไปสัมผัส การได้ไปกรุงเทพเป็นรางวัลที่แสนวิเศษ รถไฟที่วิ่งผ่านคืนเพื่อไปสางที่หัวลำโพง ความใหญ่โตโอฬารของเมืองหลวง ภาษาสำเนียงที่แสนไพเราะหวานหู ผมโยนเสื้อยืดกางเกงวอล์มชุดเก่งลงตะกร้า ไม่ใยดีมันแม้น้อยอีกต่อไป ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้จัก ค่อยๆผุดขึ้นมาทีละพรายฟอง ไม่รู้มันคืออะไร แต่มันสร้างดวงตากร้าวขึ้นมาทีละนิด ไม่รู้มันคืออะไร แต่ความอ่อนโยนเริ่มเลือนหายไปจากน้ำเสียง ความก้าวร้าวเริ่มครอบงำทีละน้อย
ยุคแห่งเด็กฮาร์ด พ่อแม่ไม่รัก ขาดความอบอุ่น เหงา สารพัดที่จะเบื่อชีวิตซ้ำซาก จุดเด่นเป็นความต้องการสูงสุด ปมด้อยในชีวิตถูกขุดขึ้นมานั่งเศร้าโศกเสียใจ ที่สุดก็เคียดแค้นชิงชังความต่ำต้อยนั้น ผมโชคดีที่มีปานสีแดงคล้ำเป็นปมด้อยเด่นชัดตราหน้า ทุกวันเฝ้ามองมันในกระจก ลูบคลำและพยายามใช้นิ้วขุดให้มันหลุดหาย บ่อยครั้งที่ฝันดีว่าตื่นมามันหายไปเสียแล้ว ผมตัดพ้อเอากับโชคชะตา ผสมผสานกับความเกลียดชังใบหน้าตนเองอย่างที่สุด ทุกวันที่โรงเรียนจะนั่งจับกลุ่มกับเพื่อน พูดคุยถึงความทุกข์ทรมานใจอันไม่รู้สาเหตุ ถึงปัญหาครอบครัวที่ถ้าไม่มี ก็ต้องหาให้มันมีให้ได้ ถึงความแปลกแยกโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครสักคนจะเข้าใจ เรานั่งกันเงียบๆ มองดูหมู่เมฆเคลื่อนคล้อยเป็นรูปร่างต่างๆ เราพูดถึงความตาย พูดถึงการประชดชีวิตประชดสังคม ฝันถึง ความมี ทุกอย่างในชีวิตเบื้องหน้า และเราพูดถึงเด็กสาวสักคนที่แอบรัก ต้องแอบรักแอบพึงพอใจเงียบๆ เพื่อจะได้เกิดความรู้สึกต่ำต้อยน้อยใจในความอาภัพ เพื่อจะได้เป็นคนเหงา โดดเดี่ยว ขาดความอบอุ่น และแปลกแยก ได้เป็นเด็กฮาร์ดที่ครูจะต้องหันมาสนใจไต่ถามด้วยความห่วงใย เมื่อนั้นแหละที่ผมจะบีบน้ำตาดวงเล็กๆบนดวงหน้าสลด แต่จะไม่เอ่ยเอื้อนคำใดออกมาสักคำ เพื่อให้ครูเกิดความมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้ แล้วผมจะหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ
นี่&บุคลิกเด็กฮาร์ดต้องเป็นแบบนี้
แปลกตรงที่ความรู้สึกฮาร์ดๆมันไม่ได้เกิดขึ้นกับผมเพียงคนเดียว เพื่อนในห้องเพื่อนในโรงเรียน เพื่อนต่างสถาบันเพื่อนละแวกบ้าน กระทั่งข่าวคราวบทความทางนิตยสารวัยรุ่นอย่าง วัยหวาน ,เธอกับฉัน ล้วนมีบุคลิกมีเรื่องราวอย่างเด็กฮาร์ดกันอย่างทั่วถึง ผมหวนคิดไปถึงยุคฮิปปี้ขึ้นมา น้าๆที่นุ่งกางเกงทรงมอส เสื้อเชิ้ตเสื้อยืดสีแสบทรวงตัวคับติ้ว ผมยาวฟูจนหัวโตใหญ่ รองเท้าส้นตึกหนักอึ้บ และเสรีภาพอันไร้ขอบเขต การผลัดรุ่นจากฮิปปี้มาสู่เด็กฮาร์ด มันเป็นแฟชั่นอารมณ์ที่แพร่ระบาดไปทั่วแผนที่โลก ต่างกันตรงที่เด็กฮาร์ดจะครุ่นคิดแต่ด้านลบของชีวิต ประชดประชันชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ทุกคนพร้อมที่จะสูบบุหรี่เมื่อผู้ใหญ่ห้ามสูบ ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ฉันเป็นฉันเอง! และพ่อแม่ไม่รัก แต่อย่าถามเลยเชียวว่ารู้ได้อย่างไรว่าพ่อแม่ไม่รัก เด็กฮาร์ดเขาจะไม่ตอบคุณ แต่จะคิดว่าคุณเข้าไปซ้ำเติมสร้างกฎเกณฑ์ที่เขาพยายามแหกออกมา เป็นเหตุผลเพียงพอที่เขาจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าคุณ หรือหันไปติดเฮโรอีนประชดไปโน่นเลยล่ะ
แฟชั่นอารมณ์มากับอารยธรรมใหม่ มันก่อกำเนิดมาจากความรู้สึกเล็กๆ ที่ยิ่งวันก็ยิ่งมองเห็นเด่นชัด สงครามเวียดนามสร้างกระแสต่อต้านสงคราม กลายเป็นกระแสตื่นตัวใหม่ในการมีชีวิต สร้างการตีความการอยู่ร่วมขึ้นมาใหม่ เป็นยุคแห่งการขบถ สันติภาพเป็นคำศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับเสรีภาพ มันไหลบ่าท่วมประเทศเป็นกระแสเชี่ยว ผมเกิดมาในปลายยุคสมัยนั้น มีวันเยาว์ในยุคที่คนเข้าป่าจับปืน ถูกเร้ากระหน่ำด้วยความรักชาติอย่างมโหฬาร จนโลกตะวันตกเบื่อวิถีฮิปปี้ ยัปปี้เริ่มมีบทบาทกำหนดสังคม การไขว่หาความสุขบนพื้นฐานปัจเจกแพร่ระบาดรุนแรง บ็อบ ดีแลน นั่งฟังแผ่นเสียงเก่าๆของตนในฟาร์มสักแห่ง ริชชี แบล็คมอร์ ยืนกอดกีตาร์อยู่ในหลืบอับร้านเหล้าราคาถูก เฝ้ามอง บอนนี เอ็ม เขย่าโลกด้วย DISCO อันอึกทึก เราเติบโตมาคาบยุคคาบสมัย สังคมสับสนกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ เมื่อคนบนภูเขาเดินก้มหน้าลงมา ก็ดูเหมือนสังคมจะยิ่งว้าเหว่ไร้ทางเลือก ชนชั้นกลางที่มาพร้อมกับ บอนนี เอ็ม นี่แหละ เป็นชนชั้นเดียวที่มีพลังเพียงพอ พวกเขารู้ดีว่าการมีอำนาจรัฐในมือเสียเอง มันย่อมประกันรากฐานธุรกิจและวิถีชีวิตพวกเขามั่นคง
ล้วนเป็นการปะทะของวัยทั้งสิ้น มันก่อความไม่ไว้วางใจชะตาชีวิตขึ้นมาเงียบๆ ความเศร้าโศกของผู้ใหญ่ฝ่ายซ้าย ความเบิกบานฮาโห่ของชนชั้นกลาง เสียงหัวเราะเด็ดขาดของทุน อารมณ์ขัดแย้งของสังคมเช่นนี้ มันส่งผลมายังพวกเราโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย
การเป็นรุ่นสุดท้ายของเยนเนอเรชั่นเก่า และเป็นรุ่นแรกของเยนเนอเรชั่นใหม่นี่แหละ ที่ผมคิดว่ามันก่อเกิดวิถีเด็กฮาร์ดขึ้นมา
แล้วเด็กฮาร์ดก็สาปสูญไปจากสังคมเมื่อพวกผมโตเป็นผู้ใหญ่ เราก้าวขึ้นมาเป็นพลังสังคม ประกอบอาชีพธุรกิจกันไปตามความถนัดความชอบ เรามีเงินในกระเป๋า พร้อมที่จะจ่ายอย่างเต็มมือ เมื่อโลกทุนนิยมชนะเบ็ดเสร็จ เราจึงตะลึงตะลานกับอารยธรมวัตถุ เรารับแล้วถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ป้อนพวกเขาอย่างไม่บันยะบันยัง แรงปะทะของวัยที่ผ่าน ความเบื่อหน่ายกลิ่นเก่าๆของวัยเยาว์ ความอับอายรันทดต่อรากเหง้า ผลักดันเราเข้าสู่กระแสโลกอย่างกลมกลืน เรากลายเป็นชนชั้นกลางที่ทะเยอทะยานในความสำเร็จ เราก้าวสู่การแสวงหาความมั่งคั่งมั่นคง และแอบตัวอยู่ในอ้อมกอดของความโรแมนติค บ้านหลังเล็กๆสักหลังที่มีบริเวณ รถยนต์สักคัน ลูกเมียครอบครัวน่ารักๆ อบอุ่นอยู่ในยามว่างเว้นจากการงานอันคร่ำเครียด น่าแปลกที่เราโหยหาธรรมชาติจนดูเหมือนดัดจริต วันหยุดติดๆกันหลายวัน เราออกไปสู่ทะเล ภูเขา ป่าไพร ที่ได้รับการจัดสรรเป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยว เราโจนตนเข้าสู่ความดื่มด่ำธรรมชาติที่ผ่านการจัดวางให้สมจริงที่สุด เรากลายเป็นคนแปลกหน้าของเยาว์วัยตน หากย้อนกลับไปในวันเวลาที่เรากำลังขว้างลูกข่าง เราอาจพบเจอเด็กสักคนที่ใบหน้าแสนคุ้นตา ที่เรานึกไม่ออกเสียแล้วว่าเป็นใคร เช่นเดียวกัน-เด็กคนนั้นอาจมองเราอย่างเศร้าๆ ที่เราไม่รู้จักเขา
เราเป็นชนชั้นกลาง เรามีพลังขับเคลื่อนสังคมเพียงพอ เราดำเนินธุรกิจราวแม่ทัพผู้อาจหาญในสนามรบ การรบทุกครั้งเราต้องเป็นผู้ชนะ และต้องโค่นล้มคู่ต่อสู้ให้ได้เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง เราเรียนรู้ความอำมหิตจากการงานอันหนักหน่วงในห้องแอร์ ประเทศชาติอยู่ในเงื้อมมือของฟันเฟืองใหญ่อย่างเรา เรามีอำนาจในการกดดันต่อรองกับรัฐ เมื่อเราเพลี่ยงพล้ำ รัฐต้องเข้ามาดูแลและรับผิดชอบอย่างไม่มีเงื่อนไข เรานี่แหละเป็นผู้กำหนดทิศทางสังคมโดยแท้
เราเติบโตมาอย่างเป็นขั้นตอน เรียบจบและมีงานทำ ทำงานไปตามหน้าที่ เราเริ่มก่อเกิดกระบวนการวิธีคิดแยกส่วน เราเป็นจิ๊กซอว์ที่มีระบบความคิดสำเร็จรูปเป็นคำตอบชัดเจน เราก้าวเข้าสู่ความเป็นปัจเจกอย่างไม่สนใจความหมายแท้จริงของมัน แล้วเราก็ต่างคนต่างอยู่ สัมพันธภาพระหว่างเพื่อนมนุษย์ เป็นเพียงสัมพันธภาพเพื่อการงาน เรายินดีในความเปลี่ยวเหงานั้น เพื่อรอค่ำวันศุกร์จะได้พักผ่อนสนุกสนานในสถานบันเทิง ดื่มและเมาหนักหน่วง รสนิยมหรูและราคาแพง เพื่อวันเสาร์เราจะได้นอนตื่นสาย และให้เวลากับครอบครัวในวันอาทิตย์ มันดำเนินเช่นนี้ไปทุกสัปดาห์ รอการเติบโตหน้าที่การงานตามวันเวลาและช่วงระยะ จนกว่าเราจะถูกกระทบกระทั่ง จนกว่าเราจะรู้สึกสูญเสีย จนกว่าเราใกล้จะล้ม นั่นแหละที่เราจะสำแดงพลังแห่งชนชั้นอันแข็งแกร่งออกมา พิสูจน์อำนาจในการต่อรอง กดดัน และผลักให้รัฐเข้ามารับผิดชอบ
น่าเศร้าที่เราก่นด่าชาวปากมูนว่ากีดขวางการจราจร น่าเศร้าที่เราไม่แยแสใยดีชาวจะนะ น่าเศร้าที่เรามีอาณาจักรแปลกแยกต่อกันกับเพื่อนร่วมสังคม และน่าเศร้าที่เราถ่ายทอดวิธีคิดเช่นนี้ไปยังลูกหลาน
เป็นเรื่องแปลกที่เด็กนักเรียนปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือกลายเป็นความจำเป็นที่ชีวิตจะขาดเสียไม่ได้ ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด หาเหตุผลมารองรับพวกเขาเพียงใด ผมก็ยังไม่สามารถอธิบายความจำเป็นนั้นได้แม้สักนิดเดียว โทรศัพท์มือถือล้วนมีราคาแพง ค่าใช้จ่ายค่าโทรฯล้วนมีราคาเป็นเม็ดเงินพวกเขามีรายได้มาจากทางใด? การแบมือขอเงินจากพ่อแม่จะต้องเป็นจำนวนมากโข เกินความต้องการที่เป็นจริง พวกเขามีโทรศัพท์เพื่อการใด? ในเมื่อหน้าที่การงานของพวกเขาคือเรียนหนังสือ หาใช่ธุรกิจ ๑๘๐๐ ล้านที่จำเป็นต้องติดต่อใครต่อใคร ในขณะเดียวกับที่พ่อค้านายทุนปรับเปลี่ยนนิยามโทรศัพท์ เพื่อให้สอดรับกับค่านิยมใหม่ จากอุปกรณ์สื่อสารกลายเป็นอุปกรณ์เครื่องประดับ ที่มี ของเล่น พร้อมสรรพในตัว ให้เป็นไลฟ์สไตล์ที่บ่งบอกวิถีชีวิตอารยันผู้มีความโรแมนติคเต็มหัวใจ ธุรกิจคิด คำและ รูป ส่งข้อความเติบโตอย่างรวดเร็ว การโฆษณาเน้นชีวิตชนชั้นกลางมีรสนิยมและความคิดก้าวหน้าเปี่ยมสาระ ล้วนแล้วแต่สอดคล้องวิถีชีวิตเด็กรุ่นใหม่ ชักจูงให้พวกเขาควักกระเป๋าจ่ายอย่างไม่อั้น เพื่อการติดสอยห้อยตามกระแส
กล่อมตะล่อมค่านิยมให้พวกเขาเชื่อว่านี่คืออารยธรรม! อารยธรรมราคาแพงและแสนกลวง!
หากเด็กมาจากครอบครัวมีเงินเพียงพอ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักกัโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง หากเด็กมาจากด้านบนของชนชั้นกลาง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกนั่นแหละสำหรับการขับรถยนต์ไปโรงเรียน แต่สังคมเด็กมันเป็นสังคมที่แพร่ระบาดค่านิยมต่อกันอย่างรวดเร็วทั่วถึง การป้อนแต่ละสิ่งให้พวกเขา บางครั้งมันก็ไม่ต่างกันเลยกับการป้อนยาพิษ เด็กหนุ่มสาวพร้อมที่จะอ้าปากกว้างกลืนกินอยู่แล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดาที่เขาจะล้มลงชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปาก ข่าวหน้าหนึ่งแต่ละวันนั้น ชวนสลดใจกับข่าวการฆ่าตัวตายของเด็ก เพียงเพราะสอบตกหรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ข่าวการตัดสินความรักด้วยความรุนแรง ข่าวการมั่วสุมเสพยาและผลัดคู่นอน ข่าวการลากเอาปืนไปยิงถล่มอริในขณะเข้าแถวหน้าเสาธง มันเป็นเพียงเพราะวัยของพวกเขาเท่านั้นหรือ? เขาจึงได้กระทำการอุกอาจสยดสยองได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันน่าจะมีเงื่อนไขปัจจัยมากกว่านั้นแน่ คงเพราะการตัดสินใจเองไม่เป็น รวมทั้งวิธีคิดสำเร็จรูปที่ปรากฏชัดอยู่ในใจแล้วต่างหาก ที่น่าจะเป็นเงื่อนไขปัจจัยใหญ่สุดในการก่ออาชญากรรม เด็กเมื่อลืมตาออกมาดูโลก ก็ถูกส่งเข้าโรงเรียนเมื่ออายุได้สามขวบ เติบโตเรียนรู้เบื้องต้นจากคนที่ไม่ใช่พ่อแม่ ก่อนจะไต่เต้าขึ้นชั้นอนุบาลที่มีถึง ๓ ชั้น เด็กต้องแข่งขันกันเรียนเพื่อสอบเข้าชั้นประถม ๑ ให้ได้ เด็กรองรับความหวังในหน้าตาพ่อแม่ตั้งแต่ชั้นอนุบาล เด็กถูกเคี่ยวเข็นและพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เรียนในโรงเรียนค่าเทอมแพง ที่พ่อแม่เด็กเชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่ดีแล้ว จากชั้นประถม ๑ ถึงชั้นมัธยม ๖ ช่วงเวลา ๑๒ ปีที่เด็กทุกข์ทรมานในการเรียนรู้ ทั้งจากความรู้ในชั้นเรียนปกติ และจากชั้นเรียนพิเศษที่พ่อแม่ยัดเยียดความรู้ลงในสมองน้อยๆ ยัดเยียดค่านิยมลงในหัวใจบริสุทธิ์สีขาวๆ ทั้งที่โดยธรรมชาติของพวกเขานั้นย่อมซุกซน และต้องการเรียนรู้โลกทั้งโลกด้วยตนเอง เด็กเมื่อพอจะขาแข็งยืนได้ ก็มักจะรีบขยับขาก้าวเดิน ล้มแล้วล้มอีกเพียงใด เด็กก็จะลุกขึ้นมาเริ่มต้นครั้งใหม่ได้ทุกเมื่อ พ่อแม่เด็กนี่แหละที่วิ่งพรวดเข้าไปประคับประคองปลอบประโลม ไม่ก็ร้องห่มร้องไห้เสียเอง จนเด็กสงสัยว่าการล้มนั้นเด้กหรือผู้ใหญ่กันแน่ที่เจ็บ และจริงๆแล้วมันเจ็บจริงๆหรือ?&.การโอ๋เด็กอย่างพร่ำเพรื่อ มันกลายเป็นการสอนเด็กให้อ่อนแอ รอคอยมือที่จะยื่นเข้ามาช่วยเหลือ คำหวานหูมาปลอบประโลม ไม่กล้าจะลุกขึ้นมาเองเพราะขาดความมั่นใจ ไม่กล้าก้าวย่างอีกครั้งเพราะไร้เสียงปรบมือหรือท็อฟฟี่ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น การตัดสินใจเองไม่เป็น การไม่มีความอดทน ความเคยชินที่มีผู้ประคับประคอง มันก็หล่อหลอมจนกลายเป็นเนื้อเดียว จึงเมื่อรู้ว่ากำลังโดนคนรักตีจาก ความคิดสำเร็จรูปรวบยอดเช่นนั้นก็ประมวลผลทันที ว่าต้องลงไปนั่งชักเท้าไปมา กรีดร้องหวีดเสียงโหยหวน &..แทบไม่ต้องตัดสินใจเลยในการกระโดดตึก หรือเอาปืนออกมาจ่อหัวผู้สร้างความเจ็บช้ำให้
และเมื่อพวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกุมกลไกการขับเคลื่อนสังคมเล่า?
เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด ชีวิตเป็นระบบขั้นตอนตามตารางที่ตีไว้ให้ เด็กสูญสิ้นพื้นที่กว้างๆให้วิ่งเล่น เด็กไม่มีการละเล่นที่เป็นสังคมการอยู่ร่วม เด็กไม่เข้าใจกฎเกณฑ์การอยู่ร่วม เพราะคอมพิวเตอร์สะท้อนได้เพียงใบหน้าของตน เด็กไม่รู้จักความพ่ายแพ้ในเกม เพราะเกมคอมพิวเตอร์เด็กสามารถเริ่มใหม่ได้โดยไม่ทันจบเกม เพื่อการเป็นผู้ชนะฝ่ายเดียว เด็กไม่รู้จักการให้อภัย เพราะเกมคอมพิวเตอร์บอกว่าต้องทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้หมดสิ้นอย่างไร้ปรานี เด็กโจนตนเข้าสู่เกมคอมพิวเตอร์-อินเตอร์เนต เด็กสร้างสังคมขึ้นมาหลวมๆไว้หลอกตนว่ายังมีสังคม และเป็นสังคมอุดมคติตามวิถีปัจเจก นั่นคือสามารถเลือกเฉพาะผู้ที่ได้เลือกแล้วเท่านั้น เด็กเติบโตมาตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ ที่ผู้ใหญ่ถือลิขสิทธิ์ทางปัญญาควบคุมใกล้ชิด
แล้ววัยเยาว์ของเขาก็เข้าสู่ความเป็นชนชั้นกลาง พวกเขาเป็นชนชั้นกลางโดยกำเนิดโดยยังไม่ได้อยู่ในวัยทำงาน รสนิยมอลังการค่านิยมหรูระยับ ชีวิตพิศดารราวกับวัยเยาว์ของพวกเขาไม่ได้ปรากฏอยู่ พวกเขาเป็นชนชั้นกลางที่ไม่รู้จักโต สังคมต้องทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเอาใจใส่ เอาอกเอาใจประคับประคองราวไข่ในหิน พวกเขาเรียกร้องเอาจากสังคมอย่างไม่เคยพอเพียง และสังคมต้องให้ เพียงเพื่ออย่าให้พวกเขางอแงเท่านั้น!
ก็เยนเนอเรชั่นผมนี่แหละ ที่ปั้นเด็กให้เป็นเยนเนอรเชั่นใหม่อย่างนี้
Relate topics
- งาน ignite hatyai
- นิยายเล่มใหม่ครับ
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๗ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๕ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๔ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๓ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๒ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ป า น สี แ ด ง ! ! ๑ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )
- ทำความรู้จักกับผมสักนิด