บ้านเกิด : อาคาร ๑
๏ อาคารไม้คล้ายมองแล้วร้องทัก
เจ้าหลานรักจากบ้านไปนานหนอ
เป็นอย่างไรไหงมาน้ำตาคลอ
โดนใครล้อหรือไรดูไม่เสบย
ฉันแปลกใจร้องออกไป "เอ๊ะ!ยังไง?
จำผมได้เชียวหรือพันพรื่อเหวย
เด็กนักเรียนเวียนวัยไม่น้อยเลย
เวลาเอยก็ล่วงลิบหลายสิบปี"
"จำได้ทุกคนล่ะ" อาคารว่า
"ในเวลาโลกเปลี่ยนเหมือนเวียนหนี
ในทรงจำคำนานแค่วลี
เหมือนวานนี้ยังสดใสละไมละมุน"
ฉันปาดคราบน้ำตานั่งหน้าอาคาร
ภาพวันวานเวียนผลัดถัดถัดหมุน
เด็กน้อยวิ่งไล่รุนชุลมุน
ตะโกนวุ่นวกวับเล่นจับกัน
ชุดนักเรียนแม่รีดมาเรียบร้อย
ก็ล้วนรอยเยินยับเธอกับฉัน
แล่นไล่ล่าคว้ากันพัลวัน
ก็เป็นอันมอมแมมไม่มีดี
ฉันเงยมองอาคารขานถามว่า
"ครูปรีชา..ครูเผียน..ครูเพ็ญศรี
ยังสอนอยู่หรือไรในวันนี้?"
แว่ววลีแผ่วหาย "ตายหมดแล้ว"
ฉันนิ่งอึ้งนั่งลงตรงธงชาติ
คล้ายภาพวาดนักเรียนยืนเรียงแถว
ทุกเช้าครูปรีชามาแนะแนว
เรายุกยิกหยอกแย้วไม่ยอมฟัง
ครูเผียนเฆี่ยนก้นคนละตุ๊บ
เรายืนหลุบขนลุกเกรียวเสียวทั้งหลัง
มีก็แต่ครูเพ็ญศรีใจดีจัง
ไม่เคยดังดุตวาดให้ขลาดกลัว
ภาพเลือนลับลอยไปในทิวเมฆ
คลื่นวิเวกคลี่คลุมประชุมทั่ว
อาคารหนึ่งคว้างไหวในหมอกมัว
เงาสลัวเคลื่อนคล้ายสลายราง
ที่ตรงนี้ที่ฉันพลันนับหนึ่ง
แล้วตะบึงแล่นล่าฝ่าขวากขวาง
ผ่านร้อยหลักปักหลอกบอกเส้นทาง
ล้วนหักร้างถางมา..เพื่ออะไร?
ฉันนั่งมองอาคารผ่านม่านน้ำ
คราบสีฉ่ำสดเตือนเหมือนยังใหม่
แต่โครงคร่าวดูเศร้ากระไร
ล้วนริ้วรอยหม่นไหม้ของวัยวัน
อาคารหนึ่งขึงมองจ้องฉันนิ่ง
สรรพสิ่งเคลื่อนผ่านราวม่านฝัน
มีเด็กน้อยนับหนึ่งอึงทุกวัน
ยังมีครูผู้มุ่งมั่นยืนยันตน
ฉันเป็นเพียงภาพเก่าเงาอดีต
เหมือนรอยกรีดกาลเวลามาเพื่อพ้น
เหลือสิ่งใดก็แต่แค่ใจตน
ยังมีหนทางอีกยาวต้องก้าวไป
ปาดน้ำตาขยับลุก "ไปล่ะ" ฉันว่า
"แล้วจะหาเวลามาเยี่ยมใหม่"
เสียงอาคารสั่น "อืมม์..จงโชคดีมีชัย"
ฉันยิ้มให้ไหว้ลาก้มหน้าเดิน
คิดขึ้นได้เงยหาอาคารหนึ่ง
ทำตาซึ้งคลึงยิ้มอย่างเขินเขิน
"นี่แน่ะ..ผมโตแล้วนะพ่ออาคารมหาจำเริญ
ไม่ต้องเชิญใครมาล้อ..ก็น้ำตาคลอได้เหมือนกัน"ฯ
OOO
พันพรื่อ ภาษาถิ่นทางใต้แปลว่า อย่างไร