Contents
เขียนเมื่อเดือนธค.ปีที่แล้ว
ในบทกวีสักบท ที่รัก..เธอยังเห็นยังเห็นไหมใบไม้กำลังร่วงจากต้นดูสิลมหอบสู่เบื้องบนหมุนวนกลางสายแดดระยับ ดูสิ .. บางภาพช่างเหมือนฝันว่ายวันไปตามลมขยับบางจังหวะหล่นร่วงและดินรับบางจังหวะพลิกกลับขึ้นมาฟ้อน ฟังสิ.. สายลมมาเทียบท่าเชิญว่า ไปเถิดไปเร่ร่อนท่องโลกตามแสงตะวันรอนดวงใจไห
ฉันเป็น ... ดอกหญ้าน้อยล่องลอยปลิวไปในไพรกว้างตามชะตาแห่งสายลมจะนำทางจะทุกข์บ้าง สุขบ้าง ก็ทนไป........เมืองกรุงงามวัตถุปรุงแต่งดูยิ่งใหญ่สวยหมดจด งดงาม ศิวิไลซ์แต่กลับแล้งน้ำใจ ให้แก่กัน หัวใจฉันบอบช้ำหวังเก็บความทรงจำเป็นความฝันจำทนโดนเหยียบย่ำสารพันทุกคืนวัน อับจน สิ้นหนทาง กลา
...เสียงข้อต่อโซ่วิ่งผ่านลูกรอกตีนผี Shimano Tourney ยังคงดังแผ่ว ๆ อย่างต่อเนื่อง แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับอัตรการเต้นของหัวใจ สายลมที่อ่อนโยนพัดผ่านตัวผมไปอย่างแผ่วเบา แต่ผมกลับสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ลางสังหรณ์ถึงแม้ว่าคนเกิดวันพุธกลางคืนดวงราหูอย่างผม ตามตำราจะกล่าว
โลกเล็กเล็ก ดอกหญ้าปลิวมาจากไหนมาไกลทิศครึ่งซีกเซียวเศร้า เฉาจับจิตครึ่งซีกน้อยนิดยังพร่างพราย ร่างเธอบอบช้ำเพราะคนเขาย่ำลงจนเงาเธอสูญหายจากสวนน้ำค้างร้อยประกายมาตกมาตายกลางเมืองแล้งไร้ผู้คน ทะนุถนอมทั้งทั้งรายล้อมทุกหลักแหล่งกลางเปลวร้อนแผด กลางแดดแรงฉันแบ่งให้เธอ.. หยา
๏ อ้อนเอื้อนเลื่อนหลั่นรรรเรียงแว่วลอยลับแล้วลัดลาอาวรณ์ไหวพร่ำพะนอคลอครวญรัญจวนใจว่าจำไกลจากแล้วนะแก้วตาอ่ออ้อออพ้อพรอดชวนออดอ้อนชายตาค้อนวอนเพรียกเพียงเรียกหาขลุ่ยวังเวงคว้างไหวในจินตนาตะวันพรากจากฟ้าสนธยากาลโอ้ว่าต่อแต่นี้มีแต่ลับยิ่งนานวันเนิ่นนับยิ่งลับผ่านตาเคยช้อยคอยชิดพินิจนาน
มิถุนายน : พายุฤดูกาลใหม่๑.หลังแดดร้อนผ่อนวายได้หายลับการคืนกลับมิถุนายนเริ่มต้นใหม่จึงพายุดุคลั่งอยู่ภายในก็ตั้งเค้ามาแต่ไกลเคลื่อนใกล้มาความคั่งแค้นพร้อมระเบิดวันเปิดศึกปิศาจร้ายพล่านคึกอย่างคลั่งบ้าอำมหิตวาวฉายประกายตางำแฝงเร้นเย็นชาและทารุณ๒.ยังหล่อสวยสดใสวัยเดียงสาโอ้มหาวิทยาลัยว
เจ้าหญิงกลางสวนเช้าเธอวิ่งตรงไปยังในสวนอวลกลิ่นใบไม้หลายหลากสีผ้าพันคอสีฟ้าถูกลมตีพลิ้วราวบทกวีบนร่างเธอ เธอแหงนมองใบไม้ทยอยหล่นเหลืองส้มแดงปนสม่ำเสมอคล้ายดาวจากฟ้าดวงเลิศเลอโปรยมาปรนเปรอต้นเหมันต์ เรียงรายร่วงมาเป็นสายเส้นเธอคว้ามาเล่นมาอวดฉันจำแนกแยกไว้วางใกล้กันกองดาวอำพัน
๏ เอาไงล่ะน้าหมี่ ผิว์ธุลีจะทำกลอนแค่นเขียนคะนองนอนขบคิดพินิจนัย๏ อวดท่าสง่าเท่ ดุจะเทสุวิสัยงามเลิศประเสริฐใด บ่มิเกินจะเพลินพรรณน์๏ แต่หันซะคอเคล็ด ตะละเม็ดมิเห็นหันไม่รู้อ่ะไงกัน
โยกเอย...โยกเยกน้ำอาจท่วมเมฆ..วันนี้พรุ่งนี้ ช่างเวลาหนึ่งซึ่งยังพอมีทำอย่างไรดี ..อีกไม่นานยาว น้ำอาจท่วมฟ้าปลาอาจกินดาวปุยหมู่เมฆขาวตกน้ำป๋อมแป๋ม ไม้ลื่นอันเรียวเศษเสี้ยวเดือนแรมดาราวับแวมแหวกน้ำ...ว่ายฟ้า เยกเอย..เยกโยกน้ำอาจท่วมโลกอีกในไม่ช้า