ตรู่อันโหดร้าย
ตรู่อันโหดร้าย
ไม่เชื่อเธอลองเพ่งมองดู
ดินที่ตรู่ปาดป้ายระบายสี
ดาวสุดท้ายร่วงลงเป็นผงคลี
นกที่ขานขับมารับเช้า
และกลีบขาวของแก้วที่เกลื่อนลาน
ผ่านการร่ำรมของลมเศร้า
หอมนั้นจะหวานอยู่นานเนา
นานเท่าการก่ำของน้ำตา
ของเรา-
แสงเงาตกลงมาตรงหน้า
ขณะการถ่ายเทห้วงเวลา
แดดเปลี่ยนมุมองศากับฟ้าไกล
๒).
มันเป็นความรางเลือนเหมือนเหมือนฝัน
โลกที่ฉันเพ่งมองช่างหมองไหม้
เทาทึมครึ้มตัวอยู่ทั่วไป
เต้นตูมทุ้มไหวอยู่รายล้อม
แดดเช้าจึงเหมือนแสนเลือนราง
เวิ้งว้างจึงขรมมาห่มห้อม
ฉันเหมือนเป็นคนแรกผู้แปลกปลอม
ของอ้อมอกเช้าของเช้านี้
ที่ตื่นมาดูโลกใบโศกเศร้า
แก้วเก่าเกลื่อนกล่นอยู่ป่นปี้
ความจริงอันเศร้าโศกที่โลกมี
เต็มปรี่ล้นปริ่มอยู่ริมตา
ริมริมดวงตาคู่พร่าไหว
มองไปถ้วนครบยังพบว่า
โลกมีความขัดแย้งรุนแรงมา
แตกพร่าไกวกวัดกระจัดกระจาย
ไม่เชื่อเธอลองเพ่งมองดู
ดินที่ตรู่สีแสดมาแปดป้าย
คืนฝันดื่มด่ำถูกทำลาย
ความจริงอันโหดร้ายที่ฉายมา
กระชากภาพฝันของวันคืน
พังครืนตกลงมาตรงหน้า
มิรู้รุ่งอรุณสนธยา
เหมือนว่าโลกมีมิติเดียว
ความฝันในโลกมืดถูกพืดขึง
ที่ซึ่งยับแหลกจนแตกเสี้ยว
ฉันลืมตาเวิ้งว้างมองทางเทียว
ท่ามเกรียวกรูพรมของลมเช้า
ที่ปลิดดาวสุดท้ายร่วงลงดิน
ย่ำกลิ่นช้ำแล้วของแก้วเก่า
ความขัดแย้งที่มีนั้นสีเทา
อ้าวว้างว่างเปล่าและเศร้าใจ
๓).
ไม่เชื่อเธอลองเพ่งมองดู
ดินที่ตรู่เริ่มร้าวเมื่อเช้าใหม่
โลกขัดแย้งนานเนิ่น-นานเกินไป
อยากหลับในความฝันนิรันดร.
๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
พิมพ์ครั้งแรกที่นิตยสาร Happening Magazine เดือนกรกฏา
คม ๒๕๕๑