ชายหนุ่มแห่งชะตากรรม
ชายหนุ่มแห่งชะตากรรม
๑.
เป็นเช่นนี้บ้างไหม-สหายรัก
ยามลมพักแรงโหมที่โถมใส่
กิ่งก้านไม้แกว่งกวัดระบัดใบ
ก็ทันใดนิ่งงันในทันที
ในทีนั้นเธอนั่งเอนหลังพัก
มองดอกน้อยพร้อยพรักหลายหลากสี
พลันก็ความงามงด-บทกวี
ปรากฏทีละบทความงดงาม
ตราตรึงอยู่ในดวงนัยน์ตา
ตรึงตราดวงกมลอยู่ล้นหลาม
ทุกประโยคเธอรักทุกวรรคความ
โมงยามผ่านไปมิไยดี
จนลมเอื่อยเฉื่อยฉิวมาพลิ้วพรม
เฉื่อยลมพรมพลิ้วมาหวิววี่
แดดลอดร่องช่องใบ-ลมไหวตี
ดนตรีใบไม้ก็ร่ายใบ
เป็นดนตรีคลอรับบทกวี
ผลิคลี่บานเบ่งเป็นเพลงไหว
ตรึงตราเดียวดายอยู่ภายใน
ภวังค์กำลังไหลตามลำพัง
เป็นเช่นนี้บ้างไหม-สหายรัก
ยามลมพักแรงโหมที่โถมถั่ง
มีกวีสักวรรคบ้างกระมัง ?
ภายหลังที่เธอนั่งเอนหลังพัก
๕ มีน ๔๐
๒.
ร้อนอ้าวผ่าวแผดหนอแดดบ่าย
ดินทรายพรายแดดนั้นแผดหนัก
ลมม้วนฝุ่นพรำ-เธอสำลัก
เหนือขอนไม้หักในร่มเงา
ฝุ่นลอยตัวโรยลมมาพรมพราย
เป็นบ่ายที่โลกดูโศกเศร้า
ร่มไม้ใบครึ้มจึงซึมเซา
เธอคนเหงาทอดถอนใจอ่อนล้า
แหละดูนั่นดวงตาดวงล้าอ่อน
ซุกรอนซ่อนร้าวแสนเศร้ากว่า
หากเผยความหนักหน่วงของดวงตา
ตาดวงที่ท่วงท่านั้นล้าโรย
เห็นแล้วเพื่อนรัก-ความหนักหน่วง
ขับท่วงเพลงไหวอันไห้โหย
ลมม้วนฝุ่นปรายกระจายโปรย
เสียงโอยโอดก้องเต็มห้องใจ
คล้ายว่าความเหงามีเจ้าของ
เธอขีดกรอบครอบครองความหมองไหม้
จมตรอมจ่อมตรมใต้ร่มใบ
แห่งไม้ใบขรึมเงาครึ้มคลุม
เสียงเธอทอดถอนใจแล้วไห้ร่ำ
ครวญคร่ำฟูมฟายแล้วสหายหนุ่ม
แดดบ่ายระบายดอกทุกซอกมุม
ลมอุ้มคลุ้มฝุ่นจนมุ่นฟ้า
โอบ่ายที่โลกดูโศกเศร้า
เพียงร่มเงาแห่งไม้ใบหนา
เธอปัดฝุ่นปัดซ้ำทั้งน้ำตา
ก่อนเดินฝ่าแดดร้ายของบ่ายร้อน ๗ มีน ๔๐
๓.
รอยเท้าเธอใหม่หมาด-ลมปาดกลบ
ลมลบรอยแหล่งเพียงแรงอ่อน
ฝุ่นคลุ้งฟุ้งแรงเพราะแล้งรอน
แดดหลอนภาพพร่าพรางตาเนื้อ
ทอดไกลรอยร่องเท้าท่องทาง
ทอดห่างไม้ร่ม-ลมเอื้อ
กิ่งใหม่ใบอ่อนคลอนเครือ
เพียงเหลือไออายสหายรัก
กลิ่นน้ำตาเธอยังเกาะกรังอยู่
ในทุกทุกอณูความรู้จัก
ดวงตาที่ความเศร้าถามข่าวทัก
เศร้านักหนักหน่วงหนอดวงตา
รสรำพันเธอรำพึงยังตรึงรส
แม้เป็นบทกวีมิกี่หน้า
เธอโอบความดายเดียวเพื่อเยียวยา
ใต้ชายคาร่มไม้มากมายใบ
หลังบทเพลงว้าเหว่พเนจร
ลมร้อนกลบลาดรอยหมาดใหม่
กลบสิ้นรอยร่องเธอท่องไกล
ที่ใด?-ร่อนเร่พเนจร
๑๒ มีน ๔๐ โต๊ะสนุกฯ