นางโงกเงก
เธอไม่ใช่คนปรกติแน่ๆ นั่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็น ร่างกายเธอเล็กเกร็น มือสองข้างหงิกและเท้าทั้งคู่ก็งองุ้ม เวลาเดินก็โงกเงกไปมาอย่างไม่อาจหาความมั่นคงในโลกใบนี้ได้ แต่นั่นไม่ใช่ภาพประทับใจ
ที่ถนนคนเดิน กลางเมืองเชียงใหม่ เป็นจุดที่มีวัดตั้งอยู่ใกล้กันหลายวัด แต่ละวัดมีเอกลักษณ์ เช่นวัดเจดีย์หลวง มีเจดีย์โบราณองค์ใหญ่ ,วัดพระสิงห์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงห์ ,ส่วนวัดอินทขิลนั้น มีองค์พระขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่นอกกำแพงวัด ตรงนั้นเองที่ผมเห็นภาพประทับใจ เธอ-เจ้าของมือหงิก เท้างุ้ม กำลังนั่งคุกเข่าอธิษฐานยาวนาน ก่อนก้มลงกราบสามครั้งอย่างศรัทธา ..แม้ไม่อาจแบมือได้
ผมประทับใจที่ว่าเธอคงมีความหวังเหมือนมนุษย์คนอื่น ทั้งที่ร่างกายไม่อาจเรียกว่าปรกติได้เลย ผมไม่รู้ว่าเธอขอพรสำหรับชาตินี้หรือชาติหน้า แต่แค่ไม่สิ้นหวัง นั่นก็ยิ่งใหญ่นักในใจคนได้เห็น เช่นผม
หลายอาทิตย์ต่อมาผมกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนบนถนนคนเดินอย่างจริงจัง เริ่มนำสินค้าจากปักษ์ใต้มาหาทำเลขาย ได้ใบบุญจากแม่ของเพื่อนสาว จึงพอจะได้ที่ทางเล็กๆ ให้วางสินค้า สัปดาห์แรกผมขายพวงกุญแจหนังตะลุงกับกระเป๋ากระจูด ปรากฏว่ากระเป๋าขายดี สัปดาห์ต่อมาฝนตก และสัปดาห์ถัดจากนั้นจึงรับเสื่อมาขายด้วย ปรากฏว่าเสื่อยิ่งขายดีกว่ากระเป๋า แต่หลังจากนั้นฝนก็ตกต่อเนื่องกันอีกหลายสัปดาห์
กลับมาอีกครั้ง ผมก็ได้เจอเธอ..
ผู้คนนับหมื่นราวกับคลื่นมนุษย์ชอบมาเดินเที่ยวบนถนนคนเดินคืนวันอาทิตย์ มันมีสินค้าหลากหลาย ของกิน-ของใช้ งานศิลปะ ศิลปินเปิดหมวก วัดพุทธพาณิชย์ แต่เฉพาะพ่อค้าแม่ค้าประจำจึงจะรู้จักกับเธอ นางโงกเงก เรื่องราวเกี่ยวกับเธอที่ผมได้รับรู้คือ ในท่ามกลางร้านค้านับหมื่น บนเส้นทางเดินชมยาวเหยียด 2-3 กิโลเมตร นางโงกเงกเธอเริ่มเดินแวะทักทายตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้ายทุกอาทิตย์
แฮ่ๆ คำทักทายของเธอ เหมือนพรของตัวนำโชคบนถนนแห่งนี้ ร้านค้าทุกร้านจำเป็นต้องยื่นเศษเงินให้เธอแม้ว่าจะขายของได้หรือไม่ได้ เธอไม่เหมือนขอทานหรือวณิพกคนอื่น เสียงแฮ่ๆ ของเธอมีอำนาจพิเศษ แม้บางร้านพยายามหลบสายตา แต่เมื่อเธอปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าในจุดที่วางสินค้า เพียงจังหวะเดียวเท่านั้นที่เขาเผลอสบตา เธอรู้ว่าไม่มีใครต้านทานอำนาจพิเศษของเธอได้
แฮ่ๆ เธอพูดได้เพียงเท่านี้ สำหรับถ้อยคำ
กล่าวสำหรับผม เมฆฝนก้อนมหึมาที่ปกคลุมเมืองเชียงใหม่อยู่หลายสัปดาห์ไม่ใช่เคราะห์กรรมสาหัส อาจมีบางร้านค้าที่แย่สักหน่อยถ้ามีที่ทางจำหน่ายเฉพาะคืนวันอาทิตย์ แต่สำหรับใครก็ตาม เมฆฝนไม่ได้ขโมยเงินทองที่ควรได้ไปเท่ากับนางโงกเงก
มีเพื่อนร้านค้าข้างๆ เคยประเมินเล่นๆ ให้ผมฟังคร่าวๆ ว่าในสัปดาห์หนึ่งๆ นางโงกเงกน่าจะสามารถหาเงินได้มากกว่าที่เรานั่งขายของกันทั้งเดือนเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยสภาพร่างกายของเธอ ไม่อาจทำให้เราจินตนาการถึงความร่ำรวยจากการนี้ของเธอได้
คืนนี้ผมขายของไม่ได้เลย นอกจากต้นทุนค่าน้ำมันกับอาหารแล้ว ผมมีค่าใช้จ่าย 10 บาทเป็นค่าคำพรของนางโงกเงก และเพราะได้พรมานั้นเอง ผมจึงทนนั่งขายของอยู่จนเกือบกลับเป็นคนสุดท้าย
พรของนางโงกเงก ผลสัมฤทธิ์คือการมีความหวังตลอดคืน
ผมพับเสื่อซึ่งเป็นสัมภาระชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋า ปาดเหงื่อ และสลัดเหน็บที่ขาจนหลุดออกทั้งหมด มองขึ้นไปบนท้องฟ้า คืนนี้ดาวกระจ่าง น่าจะเป็นเรื่องดีว่าน้ำที่ยังท่วมขังหลายพื้นที่ของหลายหมู่บ้านจะได้ลดระดับลงเรื่อยๆ เทียบกับความเดือดร้อนเช่นนั้น การไม่ได้ขายของ หรือขายของไม่ได้ก็เป็นเรื่องเล็กไปทันที
เหลือแสงไฟเพียงวอมแวมเท่านั้นตอนที่ผมเดินกลับไปที่รถ หน้าบ้านหลังหนึ่ง ผมเห็นกลุ่มคนเมากำลังฉลองความสำราญด้วยเหล้าขาว ชายวัยกรรมกร 6-7 คนดูมีความสุขดีกับกิจกรรมในวงเหล้าของพวกเขา ยกเว้นก็เพียงสตรีหนึ่งเดียวในวง นั่นเป็นเธอจริงๆ นางโงกเงก
นางโงกเงกที่ผมเห็นในวงเหล้า เธอนั่งอยู่เหมือนเป็นเพียงแก้วร้าวที่ไม่มีใครหยิบจับ เหมือนวัตถุไร้ค่า ท่าทางของเธอดูอ่อนแรงอย่างสังเกตได้ แต่ในใบหน้าของเธอ ผมมั่นใจว่ายังสังเกตเห็นความหวัง
นางโงกเงกไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่ไม่สมประกอบ การที่เธอรู้จักทำมาหากิน รู้จักไหว้พระ นั่นเป็นเครื่องยืนยันความรู้สึกนึกคิดที่ถ้อยคำของเธอไม่อาจเอื้อนเอ่ยให้ใครได้ยิน ตอนนี้ ผมกลับคิดเลยเถิดไปถึงความรักของเธอ ความรักที่ซื่อสัตย์ของผู้หญิงสักคนหนึ่ง ซึ่งเธอย่อมปรารถนาจะได้รักนั้นตอบจากชายสักคน
มองไปที่กลุ่มคนเมา พวกเขามาทำอะไรกันที่นั่นนอกจากตั้งวงดื่มสุรา ทำไมนางโงกเงกยังนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วผมก็คิดต่อไป เงินจำนวนมากที่เธอได้มา หลังขาดรายได้ไปหลายสัปดาห์ เธอเอามันไปเก็บไว้ที่ไหน
ผมนึกถึงวันแรกที่เห็นเธอ นึกภาพเธอนั่งคุกเข่าอธิษฐานยาวนานต่อหน้าพระพุทธรูปข้างวัดอินทขิล
รู้ว่าเธอยังมีความหวัง...