การจากลา .. ที่มาพร้อมปีใหม่
ผมพยายามนึกว่า .. ผมเจอหน้าพี่นุ้ยครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
คงเป็นในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่มพวกเรา เหตุการณ์มันนานมากขนาดนั้นเลยหรือ ผมถึงจำสิ่งสุดท้ายที่เราเคยทำร่วมกันไม่ได้ หรือว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดเรื่องราวมากหลายบดบังรอยมิตรภาพเดิม ๆ ของเพื่อนเก่าหลาย ๆ คนของผมจนกลายเป็นความทรงจำสีจาง ๆ ..
สีจาง ๆ .. หม่น ๆ .. เหมือนสีหน้าของพี่นุ้ยตอนนี้
ในช่วงจังหวะชีวิตวัยหนุ่ม ผมมีโอกาสได้เข้าไปมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ในวงดนตรีที่ครั้งแรกมีเจตนาเล่นกันเอาสนุกสนาน เล่นงานวัดบ้าง งานแต่งงานบ้าง สมาชิกในวงส่วนใหญ่มีที่พักกันอยู่ในละแวกวัดราชสิทธาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดพลับ เขตบางกอกใหญ่ มีผมเพียงคนเดียวที่เป็นเด็กย่านสี่แยกยมราช ที่บังเอิญข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปเรียนหนังสือระดับ ปวช.อยู่ในวิทยาลัยเทคนิคหลังวัดพลับ วงเรามีทั้งเด็กถาปัด เด็กก่อสร้าง เด็กช่างยนต์ เด็กช่างเชื่อม ครบทุกแผนกที่เปิดการเรียนการสอนในวิทยาลัย พี่นุ้ยเป็นคนเดียวที่เรียนราม ฯ
จวบจนจบการศึกษา ต่างคนต่างเดินทางไปศึกษาต่อยังสถานศึกษาแห่งอื่น บางคนเดินทางเข้าสู่ชีวิตนักดนตรีอาชีพ แต่วงดนตรีเล็ก ๆ ของเรายังคงอยู่ เรานัดพบกันที่ห้องซ้อมดนตรี แกะเพลงใหม่ ๆ มาเล่น เริ่มรับงานแสดงดนตรีในงานปาร์ตี้ของบริษัทห้างร้าน ไปเล่นเป็นวงแทนเพื่อนของเราบางวงที่เล่นดนตรีอาชีพตามผับเวลาเขาติดงานนอก จนกระทั่งได้เล่นประจำในผับเล็ก ๆ แห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า
ช่วงชีวิตในจังหวะเวลานั้น ช่างมีสีสรร เราสนุกกันสุดเหวี่ยงกับชีวิตจนผมแทบติดเหล้า อันเป็นเหตุมาจากวันไหนไม่มีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด วันนั้นเล่นดนตรีไม่สนุก ยังดีที่ไม่ก้าวขึ้นไปถึงขั้นต้องพกห่อกัญชาติดตัวเหมือนเพื่อนบางคน ผมเอนเตอร์เทนชีวิตตัวเองไปพร้อม ๆ กับการเอนเอตร์เทนคนดู เหล้า ผู้หญิง แสงไฟ เสียงปรบมือ และเสียงดนตรีห่อหุ้มรอบวิถีราตรีที่พวกเราเลือกเดิน
เวลามันคงจะผ่านมานานจริง ๆ เพราะมาถึงตอนนี้ ผมนึกไม่ออกว่าเพราะด้วยเหตุผลใดกันแน่ ที่ทำให้ผมหันหลังเดินออกมาจากชีวิตนักดนตรี เหมือนกับที่ผมนึกไม่ออกว่าเจอหน้าพี่นุ้ยครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ บนเส้นทางของลมหายใจเข้าออกมีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ระคนคละเคล้าทั้งสุข ทั้งทุกข์ และเมื่อเรามองย้อนกลับไปดูสิ่งต่าง ๆ ที่เราเคยผ่านพบมา บางสิ่งเล็ก ๆ ที่เคยเป็นความฝันของเราในวันนั้น อาจกลายเป็นความจริงของบางคนในวันนี้ และอาจยังเป็นความฝันของใครบางคนอยู่อย่างเดิม
ผมมองหน้าซีดจาง ๆ ของพี่นุ้ย .. ตอนที่ผมรดน้ำอบลงบนหน้าอกของพี่เขา
ความจริง ความฝัน ของพี่นุ้ยยุติลงแล้วนับตั้งแต่วินาทีที่รถคันที่พี่เขานั่ง อัดใส่ท้ายรถสิบล้อแล้วมีรถปิคอัพอีกคันหนึ่งตามมาอัดซ้ำ ในค่ำคืนวันที่ 28 ธันวาคม จากคำบอกเล่าของคนที่รอดชีวิต พี่นุ้ยเสียชีวิตคาซากรถในขณะที่อีก 3 ชีวิตที่เดินทางไปด้วยกันอาการยังสาหัส เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้น ๆ ของการนับถอยหลัง 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่ 2549 ปีที่ผมได้มีส่วนเข้าไปร่วมรับรู้ถึงความสูญเสียเพราะอุบัติเหตุจากการเดินทาง พี่นุ้ยคนที่เคยยืนโซโลกีตาร์เพลง HIWAY STAR อยู่หน้าเวทีคนนั้นนอนนิ่งสนิทอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ ... ปีใหม่ปีนี้ พี่นุ้ยไม่ได้อยู่ฉลองปีใหม่ แต่หลับไหลในการเดินทางครั้งสุดท้ายจากอุตรดิตถ์
ชีวิต ความจริงเป็นเรื่องว่างเปล่า ..
เราถึงต้องเติมเรื่องราวมากหลายลงไปในช่องว่างนั้น ๆ ..
และในชีวิตของผม หนึ่งในเรื่องราวที่มีความหมายกับผม ก็มีเรื่องของพี่นุ้ยรวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ ...
ผมก็ยังนึกครั้งสุดท้ายที่ผมเจอหน้าพี่นุ้ยไม่ได้อยู่ดี
ผม .. ขอโทษนะพี่
ด้วยความอาลัย แด่การจากไปของคุณสาธิต มโนวงษ์ หรือพี่นุ้ยของพวกเรา
.................................................
ปล. ผ่านปีใหม่อย่างมีสติ ระลึกรู้ถึงความเป็นไปของชีวิต และหยุดคิดถึงเรื่องประทับใจที่ผ่านเข้ามา เพื่อเดินทางเข้าสู่ปีหน้าอย่างมั่นคงกันทุกท่านนะครับ ...