ราดหน้าร้านนั้นกับผัดไทยเจ้าอร่อย
ไหนๆ ก็โดนนายแด๋นฯหาว่าหนีตามมาแล้วก็ขอลองโพสต์มั่งละกัน พอดีวันนี้มาทำงานแต่ไม่มีงานให้ทำ (ทำไมเขาไม่ให้หยุดนะ) แถมยังหิวๆๆๆ เพราะไม่มีอะไรขาย เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
++++++++++
ราดหน้าร้านนั้นอยู่ใต้ทางด่วน ตรงโรงพยาบาลเลิดสิน ขายเฉพาะตอนเย็นๆ ค่ำๆ ไม่ค่อยเหลือจนดึก ร้านรถเข็นเล็กๆ จัดวางโต๊ะพลาสติกไม่กี่ตัว แต่คนเต็มตลอด นอกจากความอร่อยของราดหน้าและก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ใส่ปลาหมึกกรอบ มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ร้านนี้ขายดี ทั้งๆ ที่บางครั้งต้องรอแล้วรออีกกว่าจะได้กิน
ชายขาพิการขายลอตเตอรี่เคลื่อนรถสามล้อของเขามาจอดหน้าร้านสั่งราดหน้า 1 ชาม เจ๊คนขายจัดการแซงคิวให้ พร้อมตักราดหน้าพูนชาม โปะปลาหมึกเพิ่ม เติมแล้วเติมอีก ชามนั้นราคาคงไม่ต่ำกว่า 40 ชายพิการถามราคา เจ๊ตอบ กินไปเถอะ ไม่คิดตังค์ แถมจัดที่ทางให้เสร็จสรรพ
ชายบนรถพร่ำขอบคุณ ขอให้เจ๊ขายดิบขายดี
อีกครั้งหนุ่มออฟฟิศพาสาวมานั่งกิน กินเสร็จควักแบงก์พันขึ้นจ่าย เขาไม่ใช่ขาประจำร้านนี้ แต่ ไม่มีทอน พรุ่งนี้มาจ่ายละกัน แทนที่เจ๊จะหงุดหงิด ตามแบบฉบับแม่ค้า(บางคน)ที่เห็นกันได้บ่อยๆ เวลาไม่มีตังค์ทอน เจ๊กลับบอกหนุ่มแปลกหน้าให้มาจ่ายวันต่อไปได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่า จะได้เจอเจ้าหนุ่มนี้อีกเมื่อไหร่ ชายหนุ่มเองก็เกรงใจบอกสาวให้นั่งเป็นตัวประกันค่าราดหน้าไปก่อน เดี๋ยวจะไปหาแลกแบงก์ย่อยมาให้
แน่นอนว่า เขาและเธอกลับมากินราดหน้าร้านนี้อีก
-
ผัดไทย-หอยทอดร้านนั้นก็อร่อย ร้านอยู่ปากซอยฝั่งตรงข้ามวัดแขก เปิดขายเย็นถึงค่ำเช่นกัน (น่าจะขายจนดึกด้วย) ของอร่อยมีทั้งผัดไทย-หอยทอด อาหารตามสั่งสารพัด เจ้าของร้านเกณฑ์ลูกชาย-ลูกสาวมาช่วยงานที่ร้านหลังเลิกเรียน ให้ค่าจ้างตามความขยัน และหักเงินถ้าจดออร์เดอร์ผิด เป็นการฝึกลูกๆ ให้รู้จักทำงาน รู้ค่าของเงิน พร้อมๆ กันนั้นเด็กๆ ยังได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษไปในตัว แต่ ร้านนี้ดูจะต้อนรับฝรั่งมากกว่าคนไทย ทำไมล่ะ ก็จ่ายตังค์เหมือนกัน แล้ววันนึงฉันก็ได้รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้บริการลูกค้าต่างชาติดิบดี ร้านนี้มีเมนู 2 ชุด เวอร์ชั่นไทย-อังกฤษ ราคาต่างกัน 2 เท่า !!! ไม่ๆ ฉันไม่เห็นเมนูนั้นหรอก แต่พอฉันกินเสร็จจ่ายตังค์พร้อมๆ กับฝรั่งคนนึงที่กินหอยทอดเหมือนกัน เขากลับต้องจ่ายแพงกว่า เขาทำท่าแปลกใจ ถามฉันว่าของฉันราคาเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าการคิดราคา(แพง)พิเศษสำหรับชาวต่างชาตินั้นเป็นธรรมเนียมของที่ไหนบ้าง แต่ฉันไม่ชอบใจนัก เลยบอกราคาที่ฉันจ่ายแล้วรีบชิ่งเลย (ใครจะกล้าอยู่ล่ะ ถึงกล้าบอกแต่ก็กลัวตะหลิวแม่ค้านะ)
เจ้าฝรั่งนั่นคงไม่อวยพรให้เจ้าของร้านหรอก
-
สองปีผ่านไป ฉันกลับไปแถวนั้นอีกครั้ง ทั้งสองร้านยังคงขายดี เหมือนเดิม