รอยทางแห่งชีวิต
คืนแล้วคืนเล่าที่ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้น จ้องมองมาที่ฉันด้วยความอ่อนโยน แฝงไว้ด้วยกระไออุ่นที่ควรค่าแก่การสัมผัสยิ่งนัก ในมุมมองใหม่ของแววตาและกรอบหน้าต่างบานเดิม ทิ้งเขาไว้ตรงนั้นเพียงโดดเดี่ยว แต่ทว่าบนความเดียวดายก็ยังคงมีความขนัดแน่นด้วยไอรักที่เคลื่อนผ่านในทุกขอดแว้งของเวลา ชายผู้นี้คือผลสะท้อนจากยุคบุพกาล ทวนทบด้วยกระแสเหวี่ยงของยุคหลังปรัชญาธิปไตย เขาผู้นี้ผนวกเส้นขนานแห่งกาลเวลา ขยอกเขย่าเข้ากับบางสิ่งภายใต้รอยทางชีวิต ฉันมองเห็นเขาจากความว่างเปล่าที่ปรากฏ เขามองเห็นฉันด้วยรักจากผลิตผลแห่งความบริสุทธิ์ เขาเรียนรู้ฉันจากเสียงสะท้อนของจิตวิญญาณ ในขณะที่ฉันเรียนรู้เขาจากรอยขบถแห่งยุคสมัย และเช่นกันในขณะที่ภายใต้แววตาแข็งกร้าวของเขา ทอดผ่านความปรารถนาดีมายังฉัน ซึ่ง ใจ เท่านั้นที่สามารถโอบอุ้มสิ่งที่เขาโหยไห้จะมอบแก่ฉันได้
อีกครั้งกับเสียงแว่วกังวาน ที่ลอดผ่านกรอบหน้าต่างไม้บานนั้น เป็นกระแสเสียงแห่งความจริงใจ แม้ไม่นุ่มหู แต่คุ้นใจอย่างลึกซึ้ง
" - - อาเน๊าะ เดาะ ตอเย๊าะ
ตีเดาะ อาเดาะ ตีเดาะ
โนย โนย เจ๊าะ มะกันบาดี
ตีเดาะ อาเดาะ ตีเดาะ - - "
ถ้อยลำนำภาษาพื้นถิ่นยังคงก้องกระทบในจิตโสตของฉันเสมอๆ นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อสิบหกปีที่แล้ว แม้ฉันจะไม่สามารถเข้าใจความหมายในตัวตนของอักษร แต่ฉันรับรู้ได้ถึงนัยของความรู้สึก มาวันนี้ ในห้วงหาวที่ฉันรู้สึกถึงความท้อแท้และโดดเดี่ยวที่คืบคลานเหมือนดั่งฝ่ายอักษะที่เยื้องกรายเข้าหาตัวตนพันธมิตรด้วยบางจิตที่หลอกลวง .. มีเพียงมือหยาบกร้านซึ่งบ่งบอกถึงความโชกโชนแห่งชีวิต และบางวาระแห่งความขัดแย้งที่กรรโชก ผ่านรอยริ้วแห่งกาลเวลา มือกร้านคู่นี้ ที่ปลอบประโลมคลายความเหงาหงอยให้ละจากใจฉันไปได้ และก็อีกเช่นกันกับมือคู่นี้ที่คอยสาละวนกับนานาพันธะ ทั้งเรื่องความจริงแห่งชีวิต และชีวิตบนความเป็นจริง เหมือนเช่นในครานั้น ข้าวก้นหม้อเหลืออยู่เพียงนิด พอประทังความหิวโหยไปได้แม้เพียงสักกระผีกเวลา ข้าวหย่อมเล็กๆและปลาตัวน้อย อาจดูไร้ค่าและขาดสีสันกระชากลิ้น แต่ในเวลานั้นกลับเป็นข้าวหอมกรุ่นในจานสังกะสีที่อร่อยหาที่เปรียบใดมิได้ เป็นข้าวซาวมือที่ครบองค์ทั้ง รสชาติ คุณค่า และอารมณ์ อย่างไรนั่น ? ชายคนนั้นบรรจงละเลียดนิ้วราวต้องการถ่ายทอดความรักและความหวังดีรวมถึงสิ่งที่ควรจะเป็นแห่งจิตวิญญาณสู่ข้าวแต่ละเมล็ด ฉันเคยถามเขาว่า อะไรคือเครื่องชูรสในข้าวจานนั้น เขาทุบลงตรงหว่างอกแล้วมิเอื้อนเอยถ้อยคำใดๆอีก
.
..
คืนนี้ ภายใต้ความอ้างว้างของแสงจันทร์นวลตาดวงเดิมเดียวกันกับความทรงจำที่ผันผ่านมา ปลุกเร้าบางความรู้สึกให้ตื่นไหวขึ้น พร้อมภาพการณ์ในอดีตก็หวนกลับมา ภายใต้แววตาหม่นอันไร้ซึ่งนานาความรู้สึกนานนับปี ก็กลับมีเสียงหัวเราะเล็กๆสะท้อนผ่านดวงตาคู่หม่น ซึ่งบัดนี้เมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์แล้ว กลับส่องประกาย เร้าความฝันซึ่งยังคงความเดียงสาให้สั่นไหวเย้ยฟ้าท้าดาว แม้ฉันกับชายคนนั้นจะอยู่ห่างไกลกันสักเพียงใด แต่ฉันก็เชื่อเหลือเกินกว่า ความรักอันบริสุทธิ์ซึ่งก่อเกิดขึ้นด้วยความปรารถนาดีนั้น ย่อมเคลื่อนตัวแทรกผ่านธาตุอากาศท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ภายใต้ดาราจักรอันไพศาล แต่ไม่สามารถเทียบได้เลยกับความจริงใจของฉันและเขา .. อุกกาบาตที่พุ่งพรวดเข้ามาในบางวิถีโคจร ก็ไม่ต่างกันกับ ถ้อยผรุสวาทที่เกิดขึ้นภายใต้จิตใจต่ำโทรมของฉันในครั้งอดีต คงไม่มีสิ่งใด จะแทนทดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เท่ากับการสำนึกผิดและคำสัญญาที่มีขึ้นต่อหน้าฟ้าและดาวเบื้องหน้าว่า ในหนึ่งชีวิตเล็กๆของฉันนี้ สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างตามไฟฝันได้ไม่รู้จักจบสิ้น ตราบใดที่กำลังใจยังคงคุกรุ่น ไฟที่สามารถโชติช่วงอยู่ได้นั้น เป็นเพราะสิ่งใด ถ้ามิใช่ท่อนฟืน ที่อาจไร้ค่าในสายตาใครหลายคน
ฉันเชื่อและคารวะในถ้อยคำที่เขาเคยบอกแก่ฉันผ่านหน้ากระดาษบันทึก - -
" สิ่งที่มีค่าที่สุด มักด้อยค่าเสมอ - -
เพราะคนเรามักมองข้ามสิ่งใกล้ตัว
กระทั่งต้องสูญเสียมันไป อาจโดยถาวรหรือชั่วครู่
เช่นกันกับ - ตีน -
คนเรามักนึกไม่ถึงว่า .. เรายังมีมันอยู่
กระทั่งรองเท้ากัดนั่นล่ะ - - เมื่อนั้น
เราย่อมตระหนักว่า "ตีน" คืออีกหนึ่งอวัยวะสำคัญ
ที่ควรค่าแก่การถนอมยิ่ง - - "
มาวันนี้ และ วันต่อจากวินาทีนี้ ฉันก็ยังคงเชื่อมั่นในคำบันทึกข้างต้น ไม่เพียงแต่เท้าเท่านั้น ที่มีคุณค่า ทุกสิ่งทุกอย่างทุกคนทุกผู้ที่ใกล้ตัว บางครั้งอาจเป็นดั่งเงาตามตัวเรา .. มักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ .. หาคำตอบให้กับฉันหน่อยเถอะ ทำไมคนเรามักคิดว่าอะไรที่ได้มาจากที่ไกลๆหรือต้องเอื้อม ตะเกียกตะกาย ต้องเป็นสิ่งที่มีคุณค่า .. คิดในทางกลับกันบ้างเถอะนะ - -
แล้วจะรู้ว่า " รักชายคนนี้ เกินกว่าคำว่ารัก "
โดย..
นางสาวศุภวัลย์ ชูมี
ม.๕/๑๗ เลขที่ ๓๕
ปล - ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องสั้น"ข้าวซาวมือพ่อ" ในอุบัติการณ์ ของ วรภ วรภา
ปล อีกที - อาจารย์ให้เขียนเรียงความวันพ่อ
ปล อีกทีๆ - อาจารย์ที่สอนไม่ว่าที่เขียนไปแบบนี้ แต่อาจารย์โต๊ะข้างๆดันว่ารุนแรง!!~ ฮึ่มๆ