หายไปแล้วอีกหนึ่ง...
28 พฤษภา 2550
เมื่อฉันจัดกระเป๋าเดินทาง เธอก็คงเตรียมตัวเดินทางเช่นกันกระมัง
ฉันเตรียมตัวเดินทางไกล หากแต่กระเป๋าของฉันมีเสบียงไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับเสบียงที่จะไปในเส้นทางของเธอ
ฉันเดินทางออกจากบ้านไปยังสนามบินเพื่อจะข้ามน้ำข้ามฟ้าไปยังอีกปลายขั้วหนึ่งของประเทศนี้
เธอก็เดินทางออกจากบ้านไปโรงพยาบาลเพื่อจะข้ามความเจ็บป่วยและเจ็บปวดไปเช่นกัน
29 พฤษภา 2550
ทันทีที่ฉันถึงปลายทาง เธอก็ออกเดินทางไกลล่วงหน้าฉันไปก่อน
เช้าแรกที่ฉันตื่นขึ้น ณ ดินแดนห่างไกลบ้านเป็นเช้าเดียวกันที่เธอเดินทางไปถึงอีกโลกหนึ่ง..
โลกที่วิญญาณถูกแยกออกจากร่าง และถูกเก็บไว้ยังที่ที่หนึ่งก่อนจะถูกนำออกมาพิพากษา
หลังจากวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกและไม่เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่บนหน้าแผ่นดิน
ฉันคิดถึงเธอ..
คิดถึงโลกในหลุมฝังศพที่เธอมักจะเล่าให้ฟัง
ทันทีที่มนุษย์คนอื่น ๆ กลับไปหมด เราจะถูกปลุกขึ้นมาในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นเพื่อตอบคำถาม
ใครคือพระเจ้าของเรา
ใครคือนบีของเรา
ใครคืออิหม่ามของเรา...
ไม่มีตัวช่วยไหนประเสริฐไปกว่าความดี และคัมภีร์ที่เราพยายามร่ำเรียนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจะเป็นแสงสว่างให้เราในโลกอันมืดมิด
แสงสว่างของฉันจะเพียงพอไหมนะ
และคำถามที่ว่านั้นฉันจะตอบมันได้หรือเปล่า ?
วินาทีที่วิญญาณจะถูกดึงออกจากร่าง
บ้างจะถูกกระตุกอย่างรุนแรง.. ฉันนึกถึงอาการทุรนทุรายของคนใกล้ตายที่เคยดูในหนัง
บ้างก็จากไปอย่างสงบ.. ใช่ ! เธอบอกว่ามันขึ้นอยู่กับค่าความดีของเรา
และเธอกระตุกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น..
30 พฤษภา 2550
ฉันมองแคนตาลูปในรถขายผลไม้หน้าดอยสุเทพแล้วน้ำตาซึม..
ภาพเธอฉายขึ้นในตาเป็นระยะ ๆ
เธออยากกินสตอร์เบอร์รี่ในฤดูหนาวที่จะถึง
เธอจะมาเที่ยวเชียงใหม่ในวันที่ฉันรับปริญญา
ก่อนจะจากมา..
เธอบอกว่าเธอรักฉันที่สุด
หายไปแล้วอีกหนึ่งคน..
หายไปพร้อม ๆ กับคำถามหนึ่งที่กระแทกศีรษะอย่างจัง
พร้อมไหมสำหรับการหายไปจากโลกนี้ ??
แล้วคำพูดหนึ่งของแม่ก็ก้องแทรกเข้ามาในหัว
" แม่ไม่รอกอดตอนตายหรอกนะ "