นิราศสุรินทร์ (4)
15 ตุลาคม 2535
เช้าสิบห้า พฤหัส นัดตั้งเสา รวมแรงเราชาวค่ายให้ยิ่งใหญ่ กว่าตระหง่านลานดินแทบสิ้นใจ เป็นหอไว้กระจายเสียงพร้อมเพรียงกัน พอตกบ่ายคลายเครียดที่เบียดเข้า ครูพาเราเอาแรงไปแข่งขัน เพลงปราชัยร้องดังฟังไม่ทัน ยิ่งผูกพันหัวใจให้คำนึง ตกค่ำมีดนตรีมาฉลอง เราต่างคล้องสายใจไว้เป็นหนึ่ง เสียงบายศรีสู่ขวัญพลันอื้ออึง ความรู้สึกลึกซึ้งติดตรึงแล้ว เรานั่งชิดติดเสื่อปูเผื่อไว้ รอยอาลัยน้ำตามาเป็นแถว ใจดวงหนึ่งรับได้ความพรายแพรว ปรากฏแววอำลาต้องลาไกล ไม่อยากให้พรุ่งนี้มีมาถึง เพราะเกรงห้วงคำนึงจะร้องไห้ พ้นพรุ่งนี้ผ่านมาเพื่อผ่านไป เราจะรอวันใหม่ได้พบกัน มือทั้งสองคล้องสายด้ายบายศรี รับวจีผู้ใหญ่ท่านให้ขวัญ คิดจะแบ่งพรไปใฝ่จำนรรจ์ สุขนิรันดร์สิ่งดีมีสู่เธอ พรสิ่งใดฉันได้ให้เธอด้วย พระจงช่วยปกปักรักษาเสมอ ความชั่วช้าอันใดอย่าได้เจอ พรประเสริฐเลิศเลอสู่เธอนาน พอเสร็จกิจบายศรีที่ผู้ใหญ่ ก็เข้าใกล้เวลาทานอาหาร ทุกคนล้วนอิ่มหนำสุขสำราญ เราค่อยวานเพื่อนหยิบสายด้ายมงคล เข้าอวยพรบายศรีให้พี่ก่อน แล้วค่อยย้อนเพื่อนมารับไม่สับสน พรประเสริฐจากใจหวังให้ดล ผ่านผจญหนทางที่สร้างรอ พอได้นั่งฟังบรรเลงบทเพลงแล้ว คนเดินผ่านถือแก้วมายื่นต่อ เราสู้รับกับจังหวะปะทะคอ สาโทกลั่นมารอ คอทองแดง ได้เวลาเข้านอนตอนตีสาม กลับเหลือความเศร้าใจไว้ทุกแห่ง ค์นนี้...มีลมพัดมาแรง เป่ากองไฟราแสงให้ลุกลาม พอข่มตาหมาเจ้าก็เฝ้าหอน ไม่กล้านอนค่อนมากว่าตีสาม เช้าสืบถามความนัยจึงได้ความ เจ้าที่ตามมาส่งจงอย่ากลัว