นิราศสุรินทร์ (จบ)
17 ตุลาคม 2535
ก๊อปปวดท้องร้องว่าจะกลับบ้าน เรากลับค้านว่าอยู่ต้องอยู่หมด ถ้าจะกลับกลับกันวันนี้งด เพื่อนจึงอดทนไปไม่ทิ้งกัน เดินทางมาปราสาทพนมรุ้ง มองผ่านทุ่งข้ามฟ้าฝ่าหมอกกั้น พฤกษาหอมล้อมรายหลากหลายพันธุ์ ออกประชันความงามยามแสงไล้ เข้าปราสาทราชฐานชั้นในสุด ต่างยืนหยุดชมราชปราสาทใหญ่ แท่นศิวลึงค์ตั้งอยู่ข้างใน มีบ่อไว้ใช้สร้างอ่างน้ำมนต์ หยุดชมนารายณ์บรรทมศิลป์ เคยจากถิ่นที่ทางไปต่างหน ขอรับขวัญนารายณ์กลับมณฑล ประชาชนทั้งแผ่นดินล้วนยินดี เพราะไม่รู้อะไรในปราสาท ร่ายนิราศมากไปก็ใช่ที่ เอาแค่ภูมิปัญญาพอจะมี บรรยายชี้ตามสภาพที่ทราบมา พนมมืออำลาไหว้ปราสาท ขออำนาจบุญกรรมนำรักษา ให้เพิ่มพูนสมบัติวัฒนา และเลิศล้ำปัญญาสถาวร จะรักใครให้เสร็จสำเร็จสม ได้ชื่นชมสมบรรลุอนุสรณ์ ให้ได้เคียงคู่กันนิรันดร อำนาจพรแห่งพรหมจงสมใจ จะทำการสิ่งใดให้พร้อมพรั่ง ผู้ใดชังเกลียดหน้าจงอย่าใกล้ จากปราสาทห่างมายิ่งอาลัย เดินทางไป เมืองต่ำ เพื่อนนำทาง ผ่านมาดูรู้เห็นเป็นปราสาท เพียงเพ่งผาดพินิจพิศห่างห่าง แล้วอำลาตามองจ้องดูพลาง จนถึงกลางพรมแดนแกนเขากัน ชื่อพนมดงรักจักแถลง เพื่อนแสดงชื่อประเทศเป็นเขตกั้น ไทยเขมรพี่น้องคล้องสัมพันธ์ แนวเขานั้นมิอาจตัดขาดใจ มองไปรอบขอบปรกวิตกนัก ไม่เห็นรักสักดงหลงอยู่ไหน ไม่พบดงพงรักชักอาลัย เสร็จแล้วไยให้ชื่อพงว่าดงรัก อธิษฐานจิตมั่นฉันก็ซื่อ ให้ยึดถือชื่อดงจงประจักษ์ คนอยู่ไกลใจห่างจืดจางนัก กลับมาหักห่างเร้นไม่เว้นวาย พอค่ำขึ้นเขากระโดงโยงชื่อเขา ให้พวกเราอกสั่นหวั่นใจหาย ถึงเวลาลาแล้วแววดาวพราย นึกเสียดายน่าจะมาก่อนฟ้าดำ แล้วขึ้นไหว้พระหินสีนวลขาว นัยน์ตาวาวเนตรกลมดูคมขำ พระองค์ใหญ่ตระหง่านผลงานทำ ผ่องผิวล้ำเด่นเลอเสมอจันทร์ รอยพระบาทประดิษฐานอยู่ พอเรารู้เร่งชวนมาเชิญขวัญ แล้วก้มกราบประนมกรขอพรพลัน ขอให้ฉันเป็นสุขทุกเวลา อีกพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องญาติ ได้ประสบครบอำนาจวาสนา หากคิดหวังสิ่งใดในโลกา ขอจงมาบังเกิดกำเนิดคุณ ศรัตรูร้ายใดกล้ามาคิดคด จงพ่ายหมดสิ่งรั้งพลังหนุน กราบพระบาทเพียรพรตกำหนดบุญ ไว้เป็นทุนเมื่อสิ้นชีวินลง ขอผลบุญทำมาจงมาช่วย ให้เปี่ยมด้วยผลาอานิสงส์ คนที่รักหนักนั้นจงมั่นคง และซื่อตรงต่อกันตราบวันตาย เสน่ห์ชื่นดื่นชมพอสมรัก น้ำต้มผักกลิ่นดมขมยังหาย อนาถรักหักสิ้นสวาทวาย น้ำตาลทรายยังขม ลมยังร้อน เกิดเป็นชายได้ชื่อคือบุรุษ มักม้วยมุดด้วยสตรีที่ไหวอ่อน ลาพระบาทกล่าวจบแล้วนบกร กราบลงก่อนลากลับค่อยลับลา จึงขอจบเรื่องราวมาเล่าขาน แต่งเป็นสารกลอนงามตามประสา ถ้วนสองวันสองคืนยืนอัตรา ใช้เวลาเร่งจดแล้วรีบจาร อยู่ระหว่างเฝ้าไข้เอาใจย่า ได้เวลาพอว่างก็ร่างสาร เขียนเล่นเล่นไปตามความสำราญ ไร้คนอ่านช่างเขา-เราไม่แคร์ ขอผลบุญอุทิศนิมิตผล มาช่วยดลกุศลไว้ให้พ่อแม่ ทั้งปู่ย่าตายายไม่ผันแปร ครูอาจารย์ มิตรหรือแม้แต่ศรัตรู จงย้อนมาเป็นมิตรมาชิดชอบ ตามระบอบครรลองของการอยู่ ให้บทเรียนมีราคามาเป็นครู ประดับชูสังคมให้สมควร หมั่นเอาใจใส่ใจให้ความรัก และรู้จักผ่อนตามความปั่นป่วน ปลดปล่อยใจให้ร้างห่างโซ่ตรวน ทุกชีพล้วนผูกมั่นเป็นหนึ่งเดียว บุญสวัสดิ์รัตนะประจงรับ ละสำทับปล่อยใจไปประเดี๋ยว ชมใบข้าวยาวรี เม็ดที่เรียว รวงรอเคียวเกี่ยวเสร็จสำเร็จงาน พอแดดอ่อนลมเย็นฟ้าเป็นเหลือง สำเร็จเรื่องร่วมชีวิตผลิตผสาน ในชีวิตได้พบประสบการณ์ เป็นพื้นฐานสร้างหลักรักษาตน ได้สำเร็จเสร็จสมอารมณ์แล้ว ประกายแววแจ่มจ้าไปทุกหน ดาวสว่างพร่างฟ้าเจิดสกล ขอทุกคนจงสวัสดิ์ขจัดภัย คิดสิ่งใดได้ดีสมที่คิด ในดวงจิตเรืองรองงามผ่องใส ได้ประสบพบรัตนตรัย บันดาลให้สู่สถานนิพพานเอยฯ
<strong>22-23 ตุลาคม 2535</strong>
ช่วงการออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท วันที่ 11-16 ตุลาคม 2535 ที่ร.ร.ห้วยจริงวิทยา จ.สุรินทร์
ก่อนจะแยกย้ายจากชาวค่ายเพื่อไปเที่ยวต่อบ้านเพื่อนที่บุรีรัมย์ในวันที่ 17 ตุลาคม
เขียนขณะที่เฝ้าย่าในโรงพยาบาลเจ้าพระยา 2 คืน (22-23 ต.ค. 35)