พิพากษามาข้าก็อุทธรณ์
มาตรฐานของความหมกมุ่นอยู่ที่อะไร
ระยะเวลา หรือ ความถี่ ?
ถ้าระยะเวลา - สำหรับเราคงไม่ใช่
แต่ความถี่ก็ยอมรับ - ไม่อาจปฎิเสธ
ขณะที่คุณก็มีความต้องการสื่อผ่านเพื่อนบางคน
คุณก็อยากรู้เรื่องที่ยังไม่เคยมีใครรู้เหมือนกัน
มันเป็นพลังสร้างสรรค์ ??!!!
ขณะเดียวกันกับเรา - ชดเชยกับสิ่งที่ขาดหาย
ความเหนื่อย เครียด และทดท้อในบางครั้ง
จินตนาการเหล่านี้มันช่วยได้
เวลาวันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง
เราใช้มันไปกับการเรียนส่วนใหญ่ คุยกับที่บ้าน ปั่นจักรยานกับเพื่อน
เข้าเว็บบอร์ดตอบ-ตั้งกระทู้ เขียนงานเล็กๆน้อยๆ ถ่ายภาพ - ทำโปสการ์ดเพื่อหาตังค์
ตั้งกลุ่มช่วยเด็กเร่ร่อน โน้มน้าวเพื่อนให้มาตั้งกลุ่มด้วยกัน และรับฟังปัญหาชีวิตของเพื่อน
ทั้งเรื่องทางบ้าน แฟน และกับเพื่อนด้วยกันเอง คุยกับคนรัก ที่เหลือก็ออกค่าย โบกรถ
คุณพูดเสมอว่า เราต้องเข้าใจคนรอบข้าง ใส่ใจคนอื่นมากกว่าตัวเราเองด้วย
ในเมื่อเรายังไม่กระจ่างกับตัวเอง ยังไม่ได้สบตาทำความรู้จักกับเงาในกระจก แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในการที่เราไปโอบอุ้มความรู้สึกคนข้างๆ ขณะที่ในลึกของเรากำลังปวดร้าว ?!
ก็เรามันเป็นแค่คนเล็กๆบนโลกโตๆ จะทำอะไรได้มากไปกว่าที่เห็น
ที่ว่ามาทั้งหมด - ไม่ได้เถียงนะ
แต่มันอัดอั้นในทัศนะบางอย่างที่คุณกำลังเริ่มใช้มันพิพากษาตัวตนคนอื่น
บางอย่างที่เราทำ เราบอกคุณ แต่อีกหลายสิ่งอย่างที่ทำก็ไม่ได้บอก
หรือถ้าบอกก็แค่ไกด์ไลน์เล็กน้อย
คุณลองทบทวนดูนะว่า สิ่งที่คุณเคยเป็นในช่วงวัยหนึ่ง กับสิ่งที่เรากำลังเป็น หรือเริ่มเป็น หรือ อาจจะไม่เป็นแล้ว .. มันเหมือนต่างกันมากไหม ?
คำตอบอยู่ในช่วงวัยและวันเวลาของตัวมันเอง.. ไม่ต้องพยายามยกเหตุผลที่ถูกต้องมารองรับ เพราะมันถูกเสมอ ใช้ความรู้สึก - ตัวเอง ต่อ ตัวเอง
บางที คนรอบข้าง ก็เป็นแค่องค์ประกอบที่อาจจะไม่สำคัญสำหรับบางเรื่อง ตัวเองอาจเป็นศูนย์กลางของความรู้สึกก็ได้
เหมือนมีคนเคยถามว่า เขียนบทกวีเพื่ออะไร
สำหรับคนอื่นอาจบอก เพื่อปลอบประโลมโลกอันเหงาเศร้าให้เบิกบาน
หรือเพื่อนประคับประคองวิถีชีวิตอันโหดร้ายของมวลมนุษย์
ใดใดก็ตาม...
สำหรับเรา - เพื่อรับใช้ความรู้สึกของตนเอง!
ไม่จำเป็นต้องโกหก หรือตอบให้ดูยิ่งใหญ่
ชีวิตเกิดมาเพียงคนเดียว พระเจ้าจะจับคู่อีกคนนึงให้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของพระเจ้า
หน้าทีเรา คือ ทำตัวเองให้ดี มีความสุขกับทุกช่วงวัน
ก็พอ..