...ร่ายคำ งำเมือง .....
กระแสสร้างทางลวงห้วงกระแส
โลกรึแปรไปตามความประสงค์
ชั่วอัปรีย์ใดค้ำการดำรง
ผิดเผ่าพงษ์วงศาอนาจาร
วจีเภทเศษซากในฝากฝัน
ไหวชีวันจำเรียงแค่เพียงผ่าน
ใครสิหวนซาบซึ้งคำนึงกาล
เขาสราญสาธกดั่งพกลม
ผิดแต่ผู้กรำกร้านในการก่อ
ผิดแต่หนอแต่เชื้ออันเรื้อข่ม
เขามากอบโกยไปใครสิจม
ทุรคมดักดานมิบานเบา
ผู้บำเทิงเริงจิตกลับผิดผู้
ประหนึ่งกูต้องทนในหนเก่า
อยู่แต่เถื่อนระทมพนมเนาว์
ประดุจเงาไร้ค่าคนวาโมร
แถนผีเมืองเรืองงามอร่ามแสง
บัดถึงช่วงแสดงมาแต่งโขน
เข้ามากรานกราบซึ้งถึงทะโมน
บดคราบโจรในซากด้วยปากดี
เอยกู
บัดสิกู่ร่ายคำโยงย้ำที่
ปรารถนาแห่งหนอันคนมี
มาแต่เมืองชีวีอันโสมม
สรดื่นดาษยลคนขยะ
สรณะแห่งเงินตราสิมาถม
พักตร์ผันแปรแลไปกระไรชม
ยลมิต่างอาจมแล้วชีวิต
นับประสาอะไรใจมนุษย์
น้ำเงินยุดศรีศักดิ์ให้รักผิด
สำนึกใดไหนย้อนสะท้อนคิด
วิปริตในหนพ้นษมา
เมืองจึ่งรุ่มในร้อนสะท้อนเรื่อง
มรรคาเนื่องล้นหลากมากปัญหา
ใครสิปลดไหลหลงในศงกา
เปลี่ยนหางมาเปลี่ยนหัวไปรึใช่ที
ศฐเย่อกำแหงมาแต่งฤกษ์
โจราเบิกม่านฟ้าสร้างราศี
คนพึลึกฤาตรึกย้ำพระคำภีร์
คนอัปรีย์จึงรวมมาอาสานำ
จนอาเพศประเทศชาติอนาถจิต
ชั่วสถิตแต่หนคนใจต่ำ
ต่างสิกอบโกงโกยอยู่โดยกรรม
ผิดในธรรมอันแจ้งแสดงนัย
จึงกำพรืดมืดบอดตลอดย่าน
ชั่วสันดานต่างชิงความยิ่งใหญ่
บโทนแห่งทุรชนลี้พลไป
หวังแต่ชัยชำนะอันระราน
กูสิบนข้าวผีตีข้าวพระ
วิสาสะแห่งมนต์ไหววนผ่าน
เสียงสาปแช่งแรงร้อนสะท้อนกาล
จารึกวารจัญไรใครอัปรีย์
วิสารส่งแต่คำอันล้ำเลิศ
จริงมิเกิดอันใดในวิถี
ยังแต่ลวงเล่ห์ร้อยถ้อยวลี
อันอ้างมีนโยบายมาขายคำ
กี่สมัยในหนพะพ้นผ่าน
แลกี่กาลใจปลื้มไปดื่มด่ำ
เห็นแต่หนทนทุกข์คลุกระกำ
เขายังนำเภทภัยมาให้ทน
นายเอย
ข้าไม่เคยได้ยิ้มอิ่มสักหน
กับคำถ้อยร้อยร่ายดั่งสายมนต์
ประชาชนที่เห็นนั้นเช่นกัน
----------------------------
ลานเทวา