life is beautyful

by phu @29 ธ.ค.50 23.05 ( IP : 203...9 ) | Tags : กระดานข่าว

ผมจำไม่ได้ว่าเป็นปีไหน แต่น่าจะอยู่ในราว 8 ปีก่อนที่ผมได้ชมภาพยนตร์อิตาลีของ โรแบโต้ แบนินี่ ชื่อเรื่อง Life is beautiful การได้กลับมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งทางวีซีดีในอีก 8 ปีถัดมา ทำให้ผมสามารถเข้าใจความหมายของคำว่า “วุฒิภาวะ” ได้อย่างดี

เมื่อหลายปีผ่าน ในหลายเรื่องราว ผมรู้แล้วว่าเวลาจะสอนเราเอง

ภาพยนตร์อิตาลีไม่เคยได้ชื่อว่าเป็นกระแสหลักของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับแถวหน้า ทุกวันนี้ตลาดของผู้ชมแม้จะโหยหาความโรแมนติกสไตล์เกาหลี กับสเปเชียลเอฟเฟ็กแบบฮอลลีวูด แต่รายทางเรายังพอได้เห็นผลงานของจางอี้โหมว หรือร่องรอยอันรุ่งเรืองของหนังแก๊งสเตอร์ฮ่องกง กับเพลงรักอ้อมภูเขาแบบฉบับอินเดียอยู่บ้าง, การแทรกเข้ามาของภาพยนตร์อิตาลี โดยการกำกับของแบนินี่จึงนับเป็นของแปลก หากก็เป็นด้วยตัวเขาเองที่ทำให้เส้นทางเพื่อเปิดตลาดภาพยนตร์ในเอเชียและโลกล้มไม่เป็นท่า เมื่อเขากำกับเรื่องที่ 2 ออกมาชนิดไม่มีอะไรน่าจดจำ และไม่มีคนกล่าวถึง

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น Life is beautiful ก็ยังเป็นตำนาน

ผมอาจพอขยายความได้ว่า ปรากฏการณ์ “มือเทวดา” ของภาพยนตร์สักเรื่องในชีวิตผู้กำกับสักคนหนึ่งไม่ได้มีเฉพาะในกรณีของแบนินี่ชาวอิตาเลี่ยน กับราชาผู้กำกับชาวอินเดียอีกคนซึ่งให้กำเนิด Sixth sense หนังตราตรึงตลอดกาลในระดับเขย่าขวัญหักมุม และวรรคทอง “I see dead people” ก็เกิดและจบกับภาพยนตร์เรื่องต่อมาของเขาบนเวทีโลกเช่นกัน

ความน่าสนใจประการแรกของหนังอิตาลีเรื่องนี้ก็คือ การที่แบนินี่ผู้กำกับอาสารับบทนำในเรื่อง และให้ภรรยาของเขาในชีวิตจริงได้แสดงเป็นภรรยาของตัวเองในเรื่องนี้ด้วย โดยแบนีนี่รับบทเป็นหนุ่มอิตาเลี่ยนเชื้อสายยิวชื่อกุยโด ผู้ได้พบรักกับครูสาวแสนสวยเชื้อสายผู้ดีชาวอิตาเลี่ยนชื่อดอร่า ที่กำลังจะต้องถูกจับแต่งงานอยู่รอมร่อกับข้าราชการผู้ฉ้อฉลแม้กระทั่งเวลาทำงานของตน

ความต้อยต่ำและสูงส่งที่ขัดแย้งกันของตัวละครพระ-นาง เป็นสมการสูตรสำเร็จก็จริง แต่การดำเนินเรื่องอย่างมีชั้นเชิง โดยทิ้งระยะเวลาให้รายละเอียดเล็กน้อยที่ถูกนำเสนอไปก่อน ถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้วยศิลปะของความบังเอิญที่ลงตัวในฉากต่อๆ มา โดยเฉพาะเมื่อใช้ผ่านถ้อยคำอธิษฐานของฝ่ายหญิงที่ผนวกเข้ากับความเป็นผู้มีไหวพริบและช่างสังเกตของฝ่ายชาย อาทิ ฉากฝ่ายชายชอบเปลี่ยนหมวกใบเก่าของตนกับหมวกใบใหม่ของชายผู้หนึ่ง เมื่อหมวกบนหัวเปียกและเห็นเจ้าของหมวกกำลังปั่นจักรยานมาไกลๆ เขาก็เกริ่นอยากได้หมวกแห้งๆ สักใบ เพื่อชี้นำให้หญิงสาวลองอธิษฐาน พอเจ้าของหมวกเอาหมวกใบเก่ามาเปลี่ยนคืนหมวกใบใหม่(เปียก) คำอธิษฐานก็เป็นจริง

หากแม้ภาพยนตร์จะสร้างเสน่ห์ขึ้นด้วยการเล่นกับรายละเอียดและความบังเอิญจนน่าประทับใจ แต่สิ่งที่ดีกว่าก็คือการสะท้อนความรักจริงใจที่ชายคนหนึ่งจะมีต่อหญิงสักคน กุยโด-ชายผู้ปลิ้นปล้อนและกะล่อน เป็นนักฉวยโอกาส ทั้งนี้เราสามารถเข้าใจพื้นฐานอุปนิสัยนี้ได้ในภายหลังว่าเพราะเขาเป็นยิว จึงไม่ได้รับการปฏิบัติตอบที่ดีมาก่อนนั่นเอง เช่นมีบางร้านค้าห้ามสุนัขและคนยิวเข้าร้าน ตัวเขาอยากจะเป็นกวีก็กลับเป็นได้แค่เจ้าของร้านหนังสือลดครึ่งราคา นั่นก็เพราะความเป็นยิวที่ได้ติดตัวมา

เลือดยิวไม่ได้ทำร้ายเฉพาะแต่กุยโด หากนั่นยังกระทำกับลูกชายและเมียของเขาด้วย บ่ายวันหนึ่ง ทหารเยอรมันที่จับมือกับมุสโสลินีแห่งอิตาลีบุกมาจับกุยโดและลูกชายของเขาไป ดอร่ากลับมาเห็นบ้านที่ถูกรื้อกระจุยและไม่เหลือทั้งแก้วตา-ดวงใจ เธอวิ่งตามไปหาสามีกับลูกที่สถานีรถไฟ รถไฟขบวนหนึ่งจอดอยู่ บรรทุกยิวเต็มทุกโบกี้ควบคุมโดยทหารเยอรมัน แน่นอนว่าสามีกับลูกชายของเธออยู่บนรถไฟขบวนนั้น กับชะตากรรมสถานีถัดไปชื่อทุกข์ยากและความตาย แต่ดอร่าเลือดผู้ดีอิตาเลี่ยนขอขึ้นโดยสารร่วมชะตากรรมไปกับลูกและสามีเชื้อสายยิวของเธอด้วย

นั่นช่างสมแล้ว ที่กุยโดมักจะเรียกภรรยาของเขาว่า “เจ้าหญิง” เขาย่อมเห็นมงกุฏในหัวใจอันงดงามของเธอ บรรทัดต่อจากนี้ มาติดตามถึงการถนอมรักที่ชายสักคนควรจะให้ได้ต่อภรรยาและลูก

ผมเรียกสถานที่แห่งนั้นว่าค่ายนรก ชาวยิวหญิงและชายถูกแยกออกจากกัน ที่เหมือนกันคือต่างถูกบังคับให้ทำงานหนัก และได้รับอาหารเพียงเศษขนมปังจืดชืด กุยโดอยู่กับลูกชาย เขาปลุกปลอบและพยายามทุกวิธีเพื่อให้ลูกเชื่อว่าสถานการณ์ที่ปรากฏตรงหน้าคือเกมฉลองวันเกิดของเด็กน้อย โดยผู้ชนะในเกมนี้จะได้รถถังเป็นของรางวัล

การที่บทภาพยนตร์ถูกเขียนขึ้นด้วยวิธีที่ให้กุยโดแสดงท่าทางชวนขบขันทุกครั้งต่อหน้าลูกชาย ภายใต้ฉากที่รายล้อมด้วยความสลดหดหู่ของชีวิตเชลยสงครามชาวยิวและกองซากศพรมแก๊ซ ขับอารมณ์ของผู้ชมให้ตื่นตะลึงงันในแบบร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก บอกได้แต่ว่ามีเพียงเด็กผู้บริสุทธิ์เท่านั้น จึงจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าสถานการณ์รอบด้านยังมีความสนุกสนานซุกซ่อนอยู่

ไม่เฉพาะกับลูกชาย ในทุกโอกาสที่เป็นไปได้ กุยโดยังพยายามจะสื่อสารกับภรรยาตลอดเวลาเพื่อให้คลายกังวลว่าตนและลูกยังไม่ได้ถูกรมแก็ซรวมกับศพยิวกองพะเนินเทินทึก เขาเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ยอมรับสถานการณ์อันเลวร้ายแล้วกลับแปลงมันออกมาเป็นแบบชวนหัว นั่นทำให้ผมต้องย้อนไปกล่าวถึงฉากหนึ่งที่กุยโดอาสาเป็นล่ามแปลภาษาของทหารเยอรมันให้บรรดาเชลยชาวยิวรับฟัง ทั้งที่เขาเองก็ไม่เข้าใจภาษาเยอรมันมาก่อนเลย เหตุผลเดียวที่กุยโดทำเช่นนั้น คือเขาอยากจะพูดในสิ่งที่อยากให้ลูกได้ยิน แล้วเขาก็ทำมันสำเร็จเสมอ

ภาพยนตร์เรื่องนี้กุยโดเสียชีวิตลงในวันสุดท้ายก่อนสงครามยุติ ทหารอเมริกันขับรถถังมารับตัวเด็กชายหลังคืนที่พ่อของเขาหายตัวไปพร้อมกับเสียงปืนของทหารนาซีเยอรมัน เหตุการณ์คืนนั้นกุยโดสั่งให้ลูกชายซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะไม่เห็นใครอยู่แถวนั้นอีก แล้วตัวเขาก็ปลอมเข้าไปตามหาภรรยาที่เกรงว่าจะถูกทหารนาซีขนขึ้นรถยีเอ็มซีไปสังหาร นั่นเป็นคราวเคราะห์ที่แท้จริงของกุยโด เพราะนอกจากจะตามหาภรรยาไม่เจอแล้ว ตัวเขาเองยังถูกทหารนาซีจับได้ ผลลัพธ์ก็อย่างที่ได้กล่าวแล้ว เขาถูกสังหาร

ในภาพยนตร์ ความโหดร้ายของสงครามถูกลดทอนเป็นความบันเทิงด้วยฉากจบที่แม่กับลูกได้กลับมาเจอกัน ดูจบแล้วผมคิดถึงกุยโด คิดถึงอุดมคติที่ผู้ชายสักคนหนึ่งจะสามารถเป็นทั้งพ่อและสามีแบบเขาได้ อันที่จริง ประสบการณ์ถัดจากการดูครั้งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน ทำให้ผมแลเห็นหลายอย่างซึ่งเป็นสาระซุกซ่อนอยู่ในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการเยาะเย้ยอัตตาในเรื่องชาติพันธุ์ของมนุษยชาติ การทำงานของพวกข้าราชการต่อประชาชนฐานราก และการชอบคุยโตโอ้อวดของบรรดานักการเมืองทั้งหลายแหล่

เรื่องนี้ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้หากคิดตามเงื่อนไขเหตุผลแล้วเวลาในเรื่องอาจไม่สัมพันธ์กับความเป็นจริง แต่มันจะมีความหมายสักเท่าไร กับการที่เราต้องรับรู้ความหมายของสงครามมากขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่ทำให้เราตราตรึงอยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือความเป็นพ่อที่ดีและสามีที่น่ารักของกุยโดต่างหาก

พ่อแบบนี้ สามีแบบนี้ ภรรยาแบบนี้ หรือเด็กฉลาดๆ แบบนี้ สงครามพรากไปเท่าไรแล้ว?

ผมขอบคุณแบนินี่ สำหรับภาพยนตร์ที่อาจจะดีที่สุดในชีวิตของเขา ซึ่งได้กำกับและแสดงร่วมกับภรรยาผู้เป็น “เจ้าหญิง” ในชีวิตจริง บางทีการที่ภาพยนตร์อีกเรื่องและหลายเรื่องต่อมาของเขาไม่ประสบความสำเร็จนัก ก็คงเพราะโลกอยากจะจดจำเขาเอาไว้ในบุคลิกของผู้ชายน่ารักชื่อกุยโดก็เป็นได้

คงไม่มีใครในโลกนี้ อยากให้กุยโดตายไปจากความทรงจำ และคงมีบ้างที่ใครสักคนในโลกจะเป็นได้อย่างกุยโด เราคงรู้ๆ กันอยู่ว่ากุยโดของตัวเองเป็นใคร โดยไม่จำเป็นที่เขาจะต้องสร้างภาพยนตร์ให้คุณร่วมแสดงนำ และเรียกคุณตลอดเวลาว่า “เจ้าหญิง” เหมือนแบนินี่

รูปแบบและการแสดงความรักของทุกคน นั่นแหละครับคือ Life is beautiful.

Comment #1
Posted @29 ธ.ค.50 23.08 ip : 203...9

ถูกแบนมาจากเว็ปหนึ่ง พร้อมกับคำปรามาสฐานผู้โพสต์งานเขียนเน่าๆโดยนักเขียนผูยิ่งใหญ่ แหะ จึงขออาศัยเว็ปพี่หมี่เป็นที่โพสงานเน่าๆ สักระยะหนึ่งนะครับ

Comment #2
นางสมทรงรักฟัก (Not Member)
Posted @31 ธ.ค.50 0.01 ip : 76...185

ทำไมโดนแบน ออกจะเขียนดี มีเรื่องเช่นนี้ด้วยฤา

เรื่องนี้ดูสามรอบ เป็นอีกเรื่องที่รักมาก ชอบหนังสงครามที่ทำออกมาแล้วอบอุ่นละมุนละไม แต่โหดแบบเชือดลึก ไม่โฉงฉางเหมือนหนังมะกัน  เอ๊ะ ยังไง

นางสมทรงอยู่ว่างๆ เลยนั่งไล่ลำดับญาติฝั่งคนข้างเคียง เลยได้พบความจริงว่า

เอ่อ ตายหมดแล้วค่ะ ในค่ายกักกันยุคนั้น โดนรมควันตายไปปานหมูรมควัน

เศร้าเหลือหลาย ไอ้ที่ยังไม่ตายก็ลี้ภัย เปลี่ยนศาสนา หนีตายไปประเทศต่างๆ

ยิวที่กลายพันธุ์ช่วงนั้นมีเยอะนะคะ เพราะหนีตายมาประเทศอื่นและเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์

เวบตาหมี่นี่แปลกแท้ มีแต่ไทยมุง ไม่มีคนมือคัน งั้นขอเป็นคนมือคันแล้วกัน

Comment #3
eric (Not Member)
Posted @31 ธ.ค.50 21.11 ip : 124...23

ตอนนั้นดูจบแล้วบอกกับตวเองได้คำเดียวเลยฮะ

"สุดตีน" จริงๆสำหรับหนังเรื่องนี้ โคตรสวยเลย !!!

Comment #4
เดอะแหลม (Not Member)
Posted @8 ม.ค.51 14.01 ip : 203...129

ฟังแค่คำบอกเล่า ผมก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่  เห็นทีต้องไปแสวงหามาดูเสียแล้ว โอ้..ผมปล่อยหนังดีๆ แบบนี้ผ่านสายตาไปได้อย่างไร

เขียนมาอีกนะครับ บอกเล่าเรื่องราวของหนังดีๆ สู่กันฟัง  เอาไว้โอกาสหน้าผมจะนำเสนอเรื่องที่ผมชื่นชอบบ้าง มันช่างได้อรรถรสแท้....

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 30 user(s)

User count is 2418800 person(s) and 10092001 hit(s) since 5 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).