ความรื่นรมย์อันขมขื่น
1.
ยินไหมเสียงสายลมกราวกรู
พัดจากฤดูความเหน็บหนาว
จากคลื่นภูเขาสลับยาว
กระซิบ เรื่องราวกับทะเล อ้างว้าง ณ บ้านเชิงภูเขา
ราตรีทอดเงาเข้ากล่อมเห่
บทเพลงเรไรได้ถ่ายเท
ความหวาน พเนจรไปไกล ไกลถึงที่ซึ่ง เธออ่อนไหว
หอมหมอกโมกไม้-ไปถึงไหม
เมื่อคืนฟ้าผลิดอก เป็นหมอกไอ
คลี่สไบแพรบางมาพรางเช้า ฉันเก็บโมกไม้อันกล่นเกลื่อน
หอมเหมือนบทกวีที่เธอเล่า
แตะกลีบโมกขาวละมุนเบา
กรุ่นกลิ่นคว้างเหงาเศร้าจางจาง
2.
เศร้าถึงทำนองของบางเพลง
บรรเลง จากนัยน์ตาอันเหินห่าง
บนบรรทัดย้ำเส้นเน้นรอยทาง
คั่นกลางนิ้วสัมผัสอยู่ชัดเจน เคยนานพอ เธอร้องไห้มิให้รู้
และนานพอ ฉันเศร้าอยู่มิให้เห็น
ลมแผ่วผ่าน ม่านน้ำตาอันเยียบเย็น
ก่อนทอเส้นสุดสายที่ปลายคาง หลับตา ฉันแค่เพียงหลับตา
ดับปรารถนา ณ รุ่งสาง
เพลงจะแผ่ว โมกสวยจะโรยราง
กรุ่นกลิ่นอ้างว้างตลอดเช้า ฟังสิ เสียงสายลมกราวกรู
พัดพรูหยาดน้ำตาคนเศร้า
เผลอกระซิบกระซาบกับไม้เงา
ฉันรักเธอ แม้ว่างเปล่ามายาวนาน 3.
นานพอ ฉันเศร้าอยู่มิให้เห็น
เก็บโศกซ่อนเร้นในยิ้มหวาน
เธอว่า รักหนอทรมาน
ชั่วกาล เช่นกันฉันปวดร้าว
ฉันรักเธอ ความรื่นรมย์อันข่มขื่น
รักเพื่อตื่น มองโลก โมกไม้โรยร่ำ
รักบทเพลงแห่งเธอรักลำนำ
จึงมาย่ำซ้ำรอยมาคอยเช้า เช้าที่เธออาจหอมหมอกห้อมเรือน
เช้าที่เหมือนลมพัดจากภูเขา
เช้าที่โมกลมปลิดลงเบาเบา
เช้าที่ฉันจูบเงา...เช้าของเธอ
บรรทัด แห่งเส้นสัมพันธภาพ
เราขนาบต่างเส้นเช่นที่ก้าว
ใกล้แทบชิด สนิทแนบในบางคราว
ไกลแทบมิได้ข่าว ..จนเช้าช้ำ
กวิสรา 25 มกราคม 2551