พาแม่เที่ยวเชียงใหม่
สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แห่งการท่องเที่ยวโดยแท้ น้องชายคนเล็กรับปริญญา แม่จึงให้ของขวัญโดยการพาเขาขึ้นไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกสำหรับทุกคนที่เดินทางมาด้วย ยกเว้นผม แต่อย่างไรก็ตาม มันอบอุ่นกว่าเที่ยวกับใครอื่นอยู่ดี โดยเฉพาะว่าตอนนี้..เป็นหน้าหนาว
สองปีที่ผ่านมา พอถึงหน้าหนาว ผมจะหน้าลอกเป็นงูเหลือมเชียวละ มันเป็นอาการปกติของคนแอนตี้ครีมทาหน้า แต่ประสบการณ์ในสองฤดูหนาวที่ผ่านมา ช่วยให้ผมรับมือกับปัญหาอื่นๆ ในหน้าหนาวได้ดี แตกต่างกับหน้าหนาวคราวแรกในชีวิตแม่ เธอเตรียมพร้อมราวกับเชียงใหม่อยู่ในช่วงอุณหภูมิระดับติดลบ
ถ้าเป็นคนอื่นที่เตรียมตัวมาแบบนี้คนเห็นคงรู้สึกขำๆ แต่กับคนที่เป็นแม่ คนเป็นลูกกลับเห็นเป็นเรื่องน่ารักครับ ไม่น่าเชื่อว่าความเจริญเติบโตจะทำให้มองเห็นกันในมุมที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ นี่กล่าวเฉพาะในมุมของผมนะครับ ส่วนมุมของแม่ที่มองกลับมาน่ะ ลูกชายตอนหกขวบเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็อย่างนั้น
ที่สำคัญ เธอไม่เคยมองว่าเธอแก่ตัวลงหรอกครับ
เวลาอยู่ที่บ้าน ทุกวันแม่ออกกำลังกายโดยการเดินไปรอบหมู่บ้านในช่วงเย็นๆ วันละหกกิโลเมตร ผลลัพธ์ที่ได้เห็นชัดเจนมากเมื่อน้าสาวซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของแม่ที่ขึ้นมาเชียงใหม่พร้อมกันในคราวนี้ เธอเจ็บป่วย เหน็ดเหนื่อย และอาเจียน ในทริปท้ายๆ ของวันเสมอ แต่อาการดังกล่าวกลับไม่เกิดกับแม่ ผู้ซึ่ง..เอ้อ..ชรากว่า เธอเดินนำผมขึ้นดอยเสียด้วยซ้ำ ตื่นเต้นกับบรรยากาศแปลกตา และผู้คนต่างวัฒนธรรม
แม่ของผมเป็นครูสอนชั้นประถมศึกษา ซึ่งครูในระดับชั้นนี้มักถูกกำหนดให้สอนหลายวิชา ไม่รู้บางคนยังจำได้หรือเปล่า ว่าสมัยก่อนเราต้องเรียนรู้เรื่องพระธาตุดอยสุเทพ และพระธาตุหริภุญไชย กันด้วย พอได้พาแม่ไปเห็นของจริง ความตื่นเต้นของเธอจึงเป็นว่า นี่ไงละ พระธาตุที่อยู่ในหนังสือเรียน
จากดอยสุเทพขึ้นสู่ดอยปุย ที่นั่นเป็นสถานที่ตั้งของชุมชนชาวม้งที่เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ มีสินค้าหลากหลายเพื่อจำหน่าย มีพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติชุมชน และมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ทั้งการทดลองยิงหน้าไม้ ทดลองตำข้าว และการได้สวมเครื่องแบบชาวม้ง
การสวมเครื่องแบบชาวม้งดูจะเป็นกิจกรรมที่แม่สนุกสนานที่สุดสำหรับที่นั่น เธอกลายเป็นม้งปลอมๆ ที่เดินไปรอบหมู่บ้าน เพื่อไปถ่ายรูปกับสถานที่ต่างๆ เวลานักท่องเที่ยวผ่านไปมาก็บันทึกภาพเธอเก็บไว้ ด้วยคิดว่าม้งจริงๆ มีรูปร่างหน้าตาแบบแม่ของผม
อืม.. นั่นสินะ จริงๆ แล้วถ้าใส่เครื่องแบบเหมือนๆ กัน ชาวเอเชียโดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตา และอะไรอื่นๆ ที่แตกต่างกันนัก พวกที่ทะเลาะๆ กันอยู่ตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็เผ่าพันธุ์เดียวกันทั้งนั้น มีตำนานเรื่องพญาแถนเสียอีก ที่บอกว่าเราทั่วโลกล้วนมีจุดกำเนิดมาจากผลน้ำเต้าใบเดียวกัน คล้ายๆ ที่ฝรั่งว่าเราต่างสืบเชื้อสายมาจาก อาดัม กับ อีฟ นั่นแหละ
เอ ? หรือว่าเราทะเลาะกันมาตั้งแต่เรื่องตำนานการเกิดมนุษย์คนแรกแล้วหว่า..
ใครไม่เคยเห็นดอกฝิ่น ตอนนี้สามารถไปหาดูได้ที่ดอยปุย เขายังปลูกโชว์ไว้เป็นหย่อมๆ แต่ก็พบว่าหลายกระเปาะมีรอยแอบกรีดเอายางฝิ่นไปบ้าง พวกที่ทำแบบนี้ภาษาเศรษฐศาสตร์เรียกว่าเติบโตแต่ไม่พัฒนา นอกจากดอกฝิ่นแล้ว ที่นั่นยังมีขายดีหมี และที่แม่ของผมเห็นแล้วรู้สึกขำๆ ก็คือ กระเจี๊ยวเสือโคร่ง เธอว่าพวกผู้ชายบนโลกนี้ชอบสรรหาของกินแปลกๆ แม่เข้าใจได้แต่ว่าที่แม่แข็งแรงกว่าน้าสาว เพราะเธอออกกำลังกายสม่ำเสมอ
..มิได้เกิดจากการเบียดเบียน ดี อุ้งตีนหรือ กระเจี๊ยวสัตว์ป่าชนิดใดในโลก
ลงมาจากดอยปุย ผมพาแม่ไปเที่ยวพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ แม่เป็นคนชอบจัดดอกไม้ เธอจึงมีความสุขอย่างมากกับพรรณไม้งามนานาชนิดในสถานที่แห่งนี้ ที่นั่น แม่ชอบพระตำหนักของสมเด็จพระศรีนครินทร์มากที่สุด เพราะเป็นจุดที่อยู่สูงขึ้นไปบนเนินเหนืออ่างน้ำพุเต้นระบำตามบทเพลง แม่ของผมรักสมเด็จย่า จึงรู้สึกดีที่ว่าได้เห็นพระองค์ท่านอยู่ในสถานที่สงบงาม ในช่วงที่ยังมีพระชนม์ชีพ
กับลูกของแม่เอง ที่แม่เดินทางมาเชียงใหม่คราวนี้ ผมก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าเธอมิได้เดินทางเพื่อมาท่องเที่ยวเป็นจุดประสงค์หลัก แต่เป็นการหาเหตุผลเพื่อได้มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของผมที่เชียงใหม่ ว่าอยู่อย่างไร กินอย่างไร และใช้ชีวิตอย่างไร
เมื่อเธอได้เห็น จะได้สบายใจ ว่าลูกแม้อยู่ไกล แต่ก็ได้อยู่ในที่ที่ดีแล้ว แม้เมื่อรู้สึกห่วงใยขึ้นมาก็จะได้มีภาพจำแต่สิ่งดีๆ
วันต่อมาของการเดินทาง ผมพาแม่ไปเที่ยวบ้านถวาย ที่นั่นเป็นศูนย์รวมสินค้าหัตถกรรมนานาชนิด ทั้งเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน และงานศิลปะอื่นๆ แน่นอน แม่ตื่นตากับบ้านถวายมาก เธอว่าประหลาดใจที่ช่างฝีมือในภาคใต้ไม่สามารถประดิษฐ์สินค้างดงามแบบทางนี้ขึ้นมา แม่มีพื้นฐานของความเป็นครู จึงมีความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อศักยภาพของมนุษย์เสมอ เธอว่าถ้าคนที่บ้านเรามีโลกทัศน์ที่เปิดรับมากกว่านี้ ก็คงไปได้ไกลในตลาดโลก แต่คนใต้ภาคภูมิใจในตนเองบนความว่างเปล่ามากเกินไป การมัวแต่ชื่นชมกันเองจึงทำให้ไม่เกิดการพัฒนา
แม้จะชอบสินค้าที่บ้านถวายมาก แต่แม่ก็อยู่ที่นั่นไม่นาน เธอบอกว่ามีแต่ของที่ยั่วให้เกิดกิเลส ซื้อไปแล้วจะเสียใจทีหลัง ถ้าไม่ได้ใช้
..แต่แม่บอกว่า ไปที่นั่นก็ดีแล้ว เวลาที่ผมมีเงินมากๆ จะได้จำไว้ ว่ามีอะไรบ้างที่แม่อยากได้ นี่ไม่รู้เธอพูดเล่นหรือเปล่า แต่สักวันผมสัญญาว่าผมจะทำมันจริงๆ และไม่นานนักหรอกครับ..แม่
ช่วงบ่ายแก่ๆ ผมพาแม่ไปเที่ยวชมงานราชพฤกษ์ 2549 หรืองานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ์ ตรงหน้างานมีบัตรลดราคาสำหรับนักศึกษาและผู้สูงอายุ ผมถามแม่ว่า แม่จะใช้สิทธิ์ของบัตรผู้สูงอายุหรือไม่ เธอตอบ
แม่ยอมจ่ายเต็มราคาลูกเอ้ย อย่าให้แม่เป็นผู้สูงอายุเลย แม่ไม่ปลื้ม
คิดว่าแม่พูดเล่นนะครับตอนนั้น แต่พอถึงช่วงกลางคืนที่ผมพาแม่ไปทานอาหารที่ร้านเฮือนสุนทรี ของสาวเจียงใหม่ สุนทรี เวชานนท์ และแม่ได้มีโอกาสถ่ายรูปคู่กับเจ้าของร้าน พอได้ยินคำหวานจากเจ้าของเสียงหวานกังวานแห่งเมืองเชียงใหม่ ว่า คุณแม่ยังดูเป็นสาวอยู่เลยนะคะ แม่ก็ยิ้มแป้นไม่หุบ และหลงรักเจ้าของร้านเสียเต็มเปา
เป็นเครื่องยืนยันว่าสำหรับบัตรลดราคาของผู้สูงอายุนั้น แม่ไม่ปลื้ม..จริงๆ
แม่เพิ่งกลับบ้านไปเมื่อวานนี้เอง และเป็นผมที่ยังต้องอยู่เชียงใหม่ต่อไป ทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จ ผมวาดหวังเอาไว้แล้วว่า กลับบ้านไป จะต้องซื้อของที่บ้านถวายไปฝากเธอด้วย เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าเธอชอบอะไร
และสำคัญกว่านั้น มันเป็นขั้นตอนของการทำให้แม่เลิกเป็นห่วงลูกที่อยู่ไกลๆ ว่าได้เติบโตขึ้นขนาดไหนแล้ว
ไม่ใช่วันแม่หรอกครับ แต่อยากบอกว่า รักแม่ และขอบพระคุณที่ทำให้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับผม เหมือนทุกความทรงจำเกี่ยวกับแม่ ..ที่มีค่าเหลือเกิน
คราวหลังมาเที่ยวอีกนะครับแม่