ช่วยขอที่อยู่ให้ผมหน่อยครับ

by ภู @27 ก.พ.51 19.37 ( IP : 58...186 ) | Tags : กระดานข่าว

มีคนเคยถามผมว่าเดินทางไปไหนไกลๆ คนเดียวไม่กลัวหรือ ? เมื่อถามกลับไปว่ากลัวอะไร...

“ก็กลัวคนไง” ผมจำได้ว่าตัวเองเพียงแต่ยิ้ม และไม่เคยตอบคำถามนี้เลย

ไม่กี่วันก่อน ตอนที่ผมตัดสินใจเดินทางสู่เชียงใหม่ ในภาวะที่อากาศกรุงเทพฯก็นับว่าหนาวแล้ว ผมเพิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังไม่สบาย ขณะที่รถไฟกำลังประกาศกำหนดเดินทางไปเชียงใหม่ในอีก 5 นาที

อากาศหนาวจัด เดินทางลำพัง ตั๋วรถไฟชั้น 3 ราคา 201 บาท คงไม่สามารถคุ้มครองความอบอุ่นไว้กับคนที่กำลังป่วยบนรถไฟได้มากนัก และมันอาจยิ่งซ้ำเติมให้ป่วยหนักเร็วขึ้นอีกเมื่อถึงเชียงใหม่

ผมคิดบวกลบว่าการนอนซมพิษไข้อยู่ที่กรุงเทพฯ กับนอนซมพิษไข้อยู่ที่เชียงใหม่ อย่างหลังน่าจะเลวร้ายกว่า เมื่อมองในมุมที่ว่าไปถึงเชียงใหม่ แล้วผมจะไม่มีเพื่อน

หากคำว่าเพื่อนที่ผมคิด คือเพื่อนที่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นที่ไหนก็ได้เสมอ ทั้งระหว่างทางบนรถไฟที่นั่งติดกัน หรือเพื่อนที่เจอกันในร้านขายโปสการ์ดริมทาง แล้วพบว่าหลงรักโปสการ์ดใบเดียวกัน นั่นจึงทำให้ความกังวลเรื่องจะไม่มีเพื่อน ไม่เคยเป็นที่วิตกจริตในกมลสันดานของผมเลย

ตัดการดูถูกคนที่ต่ำกว่าออกไป(ทั้งที่มันวัดเป็นความจริงได้เฉพาะกายภาพ) ตัดการดูถูกตัวเองออกไป ผมพบว่ามีเพื่อนอยู่ระหว่างทางเต็มไปหมด ทันทีที่เราพูดออกมาได้

แต่หลายคนก็ยังกลัวว่าอาจได้รับอันตรายจากคนแปลกหน้า กลัวถูกหลอก กลัวถูกฆาตกรรม

เป็นเรื่องตลกร้ายที่แสนขมขื่น ในเมื่อความเป็นจริงบอกกับเราว่า คนส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมนั้น ล้วนเกิดจากฆาตกรที่เป็นคนรู้จักกันเกินกว่าครึ่งเสียอีก!

ส่วนเรื่องถูกหลอกนั้น การเดินทางคนเดียวบ่อยๆ จะทำให้เราเติบโตขึ้นเอง

ผมไม่ได้ฝันหวาน ด้วยมีเหตุว่าการเดินทางที่ผ่านมาราบรื่นโรแมนติกเสียทุกครั้ง ตรงกันข้าม ไม่มีครั้งไหนในการเดินทางของผมเลยที่ไม่พบกับปัญหา เพียงแต่แต่ละปัญหามันจะเป็นเหมือนดินน้ำมัน ทำหน้าที่อุดช่องโหว่ไม่ให้เราต้องเพลี่ยงพล้ำกับปัญหาทำนองนั้นอีกในอนาคต ยกเว้นปัญหาเรื่องสุขภาพ นี่เป็นปัจจัยภายในที่ประสบการณ์รักษาตัวเองไม่ได้ แต่ก็พอช่วยดูแลตัวเองได้บ้างอยู่ดีนั่นแหละ

มองปัญหานั้นไม่ต้องมองย้อนไปไกล บนรถไฟที่ผมกำลังก้าวขึ้นไปขบวนนี้ นั่นไง พบกับปัญหาแล้ว...

ตั๋วเลขที่นั่งที่ผมถืออยู่ระบุหมายเลข 39 และที่ตรงนั้นมีชายรุ่นใหญ่ท่าทางนักเลงนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขานั่งผิดที่แน่ ทำอย่างไรดี ผมที่ไม่อยากมีปัญหา เอาตั๋วไปให้พนักงานรถไฟ ประกอบท่าเงอะงะไม่รู้ไม่ชี้ พอพนักงานรถไฟเดินมา เขาคนนั้นก็ถูกสั่งย้าย ผมไม่มีปัญหาอะไรกับเขาเลย ขออย่าลุกจากที่ระหว่างเดินทางเป็นพอ เพราะเก้าอี้ของคนที่เดินทางคนเดียว มันจะมีแม่เหล็กดูดก้นพิเศษ สำหรับดูดคนไม่มีที่นั่งเป็นของตัวเองให้มานั่งแทนที่เจ้าของเสมอ

แต่ปัญหานี้ก็แก้ไม่ยากหรอก ถ้าเรารู้จักทำความสนิทกับคนที่นั่งด้วยกัน แบ่งปันน้ำใจ ขนมขบเคี้ยวให้เขาบ้าง ถึงเขาอาจไม่รับ แต่เขาจะปกป้องสิทธิ์ของเราไว้ให้อย่างดีทีเดียว หากเราจำเป็นต้องลุกไปไหน

ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นั่งเลขที่ 39 ตอนที่ชายหน้าแป้นคนหนึ่งเดินเข้ามา เขายื่นบางอย่างส่งให้ดู

“ช่วยผมหน่อยเถอะพี่ ผมไม่มีค่ารถกลับพิษณุโลก นี่ไม่อยากปล่อยเลยนะ ร้อยห้าสิบเท่านั้นแหละ” ตาคู่นั้นโรยลงริบหรี่ เหมือนว่าผมจะเป็นความหวังสุดท้ายในการเดินทางกลับบ้านของชายที่จากครอบครัวไปทำงานกรุงเทพฯนานแสนนาน ผมรับวัตถุชิ้นนั้นมาเพ่งดูใกล้ พบว่ามันเป็นของขลังที่ไม่ใช่เรื่องถนัดของผมเลย จึงถามเขาไปว่าสิ่งนี้มันคืออะไร

“ขุนแผนพี่” เขาตาลุกวาว ผมยิ้มและส่ายหน้าพร้อมกับส่งคืนขุนแผน ขณะเขาดูจะยังได้ใจในอันที่ว่าผมคงเป็นชายที่ชอบแนวนี้ จนเมื่อประเมินแล้วว่าสถานการณ์อาจไม่จบลงง่ายๆ ถ้าเราไม่หาวิธีจบ เพราะฝ่ายนั้นเขามี 150 บาท เป็นเป้าปลายทางอยู่แล้ว ผมจึงบอกกับเขาไป

“เอ่อ คือผมนับถือคริสต์น่ะครับ” จบคำพูดเขาก็ชักมือกลับ พร้อมกับสีหน้าบอกบุญไม่รับ ความหวังของเขากลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์

“นึกว่านับถือพุทธ” เขาสบถออกมาให้ผมได้ยิน ความจริงก็คือนับถือพุทธนั่นแหละพี่ชาย แต่มันเกี่ยวอะไรกับขุนแผนล่ะ

เรื่องอย่างนี้กลับเป็นเรื่องสนุกเวลาที่ปัญหาลุล่วงไปได้ เช่นเดียวกับในเช้าที่รถไฟพาผมถึงเชียงใหม่ ท่ามกลางอายหมอกหนาว ถึงจะกำลังไม่สบาย แต่ความเข้าใจที่ว่าทุกเมืองท่องเที่ยวจะมีนักแสวงประโยชน์คอยเคี้ยวนักเดินทางหน้าใหม่อยู่เสมอนั้นยังแจ่มชัด และมันก็เป็นจริงเมื่อตุ๊กๆ เมืองเชียงใหม่พากันมาหอมล้อมหนุ่มใต้ ท่าทางละล้าละลัง ผู้ไม่มีทางเลือกในการเดินทางไปในเมืองมากนัก

“ไปกาดสวนแก้ว” หญิงร่างท้วมเจ้าของรถพยักหน้า กวักมือให้ตามไป ผมถามราคาว่าเท่าไหร่ ๆ อยู่สี่ครั้ง เธอจึงหลุดออกมาว่าแปดสิบบาท

ผมส่ายหัว เดินไปอีกทางขณะราคาค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนถึงสุดเธอถึงกับง้อถามว่าเคยไปเท่าไร แต่เมื่อผมบอกว่าสี่สิบบาท เธอก็ถอยทัพกลับ เราเดินกันไปคนละทาง และผมเกือบจะไปขึ้นรถสองแถวอยู่แล้วตอนที่พ่ออุ๊ยผิวหย่อนร่างผอมบางปรากฏกายขึ้นจากเบื้องหลัง และพูดเสียงสั่นๆ ด้วยน้ำเสียงประหม่า

“ไปคนเดียวคิดห้าสิบบาทนะ” ผมหันกลับไปยิ้มกับแก พยักหน้า กำลังหนาวอยู่ทีเดียว ราคาห้าสิบบาทไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับการเดินทางครั้งที่แล้วที่แพงกว่านี้

กาดสวนแก้วอยู่ไกลจากสถานีรถไฟพอสมควร เสื้อกันหนาวของพ่ออุ๊ยดูมอซอ อากาศก็หนาวจับใจ ขณะมีเพื่อรถตุ๊กๆ ที่ขับเลนเดียวกันแซวแกตลอดทาง บอกให้แกพักเสียได้แล้ว แกก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ มองจากข้างๆ ผมเห็นฟันไม่ครบซี่

หลังจากที่เวลาผ่านมานาน พอๆ กับระยะทางที่ไม่ใช่น้อยๆ เมื่อมาถึงกาดสวนแก้วพ่ออุ๊ยแกก็ถามผมว่าจะเข้าไปจอดข้างในไหม ผมรีบตอบว่าเข้าไป ไม่รู้ว่าข้างในที่แกว่าคือโรงแรมปางสวนแก้ว ซึ่งต้องขับรถวนเข้าไปอีกระยะหนึ่ง และนั่นเลยจุดหมายของผมไปแล้ว

พ่ออุ๊ยแกคงสังเกตเห็นกระเป๋าใบยักษ์ที่ผมแบกมาด้วย ก็จึงคิดว่าผมจะเข้าไปพักที่โรงแรมนี้ ไม่มีตังค์หรอกครับพ่ออุ๊ย จริงๆ ผมก็จน แต่ในวินาทีนั้นผมคิดว่าควรจะเพิ่มค่าโดยสารให้กับแก แม้ว่าแกจะทำให้ผมต้องเดินย้อนกลับไปอีกไกล(ความจริงมันก็ความผิดผมเองนี่แหละ)

“ผมให้พ่ออุ๊ยหกสิบบาทนะครับ” ผมบอกตอนที่แบกกระเป๋าลงจากรถ มองเห็นแกยิ้มน้อยๆ หนังแก้มย่นเป็นริ้วๆ ผมล้วงแบงค์ร้อยส่งให้แก ขณะแกดึงมือออกมาจากเสื้อพร้อมกระเป๋าตังค์ ที่อยู่ในมือแกนั้นมีแบงค์ห้าสิบหนึ่งใบ ยี่สิบหนึ่งใบ กับมือสองข้างที่เหมือนกัน ซึ่งผมเพิ่งสังเกตเห็นในตอนนั้นว่าพ่ออุ๊ยแกมีแต่ฝ่ามือ มือทั้งสองข้างของแกไม่มีนิ้วเลยสักนิ้ว

ราคาค่าโดยสารห้าสิบบาท ถูกอย่างเหลือเชื่อ หมุนเอาหลักการและเหตุผลประมวลเข้ามาในสมอง ผมรู้สึกว่าที่พ่ออุ๊ยแกบอกราคาค่าโดยสารถูกกว่าคนอื่น ก็เพราะแกรู้สึกว่าราคาของตัวแกมีค่าไม่เท่าคนขับตุ๊กๆ อื่นๆ โอกาสที่แกจะได้ลูกค้าก็ต่อเมื่อมีคนที่หลุดจากวงจรอุบาทว์ปากทางสถานีออกมาได้ และที่สำคัญแกต้องเข้ามาบอกราคาเบาๆ จากด้านหลังผู้โดยสารเสมอ

เหตุก็เพื่อผู้โดยสารจะได้ไม่ทันเห็นมือที่กุดด้วนทั้งสองข้างของแก!

ผมไม่รู้ว่าระหว่างเวลาที่ผ่านมา มือของแกทำให้ถูกปฏิเสธมาแล้วกี่ผู้โดยสาร แต่ภาพที่เห็นคือ ขณะนั้นแกกำลังพยายามเอามือของแกคีบแบงค์ยี่สิบอีกฉบับจากในกระเป๋าออกมาทอนให้ผม มันไม่ใช่ภาพที่น่ารื่นรมย์นักหรอก แต่เมื่อแกคีบแบงค์ทอนออกมาสำเร็จ และยื่นให้ผมพร้อมกับคำขอบคุณ ผมก็บอกตัวเองได้ว่านี่แหละ คนอย่างนี้แหละที่ผมต้องเดินทางไปเจอะเจอ

ไม่ได้โฆษณานะครับ แต่อยากจะบอกว่าพ่ออุ๊ยแกขับรถได้นิ่มมาก และถ้าใครไปเชียงใหม่แล้วได้เจอกับแก ขึ้นรถแกไปเถอะครับ คุณจะได้นั่งตุ๊กๆ ราคาถูกและปลอดภัยตลอดการเดินทางแน่นอน ผมขอเอานิ้วมือสิบนิ้วของตัวเองเป็นประกันเลยล่ะ

ที่สำคัญ อย่าลืมน้ำใจให้ทิปแกบ้างนะครับ แต่ถ้าใครใจดีกว่านั้น ขอความกรุณาจดชื่อและที่อยู่ของพ่ออุ๊ยส่งไปให้ผมด้วย...

เพราะนอกจากเงินค่าโดยสาร 60 บาทในวันนั้นแล้ว ในปีที่เชียงใหม่หนาวจัดขนาดนี้ ผมคิดว่าพ่ออุ๊ยแกควรจะได้มีเสื้อกันหนาวใหม่ๆ และหนาๆ ไว้ใช้สักตัวก็ดีเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 29 user(s)

User count is 2417304 person(s) and 10080676 hit(s) since 3 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).