อยู่ในความรัก
มีแหวนวงหนึ่งเคยอยู่กับนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวที่บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ และพอถึงวันหนึ่งมันก็หักเป็นสองท่อน ด้วยว่าเป็นแหวนหยก วันนั้นถ้าแหวนวงนั้นไม่หัก นิ้วน้อยๆ ก็คงหักแทนด้วยแรงกระแทกของโต๊ะที่หล่นลงมาทับนิ้วของเธอ สิ่งสำคัญอันเป็นตัวแทนของความรักคงไม่ได้อยู่ที่แหวนวงนั้นจะอยู่กับเธอตลอดไป แต่น่าจะอยู่ที่มันได้ช่วยปกป้องเธอคนนั้น
..เสมือนเป็นตัวแทนความรักจากคนอีกคน
Blood Diamond เป็นภาพยนตร์ที่เดินทางไปไกลมากกว่าความหมายของเพชรหลายกะรัตบนนิ้วนางแห่งความรักของหญิงสาวทั่วโลก โดยที่หนึ่งในสามเป็นหญิงสาวอเมริกัน ความรักไม่เคยเป็นเรื่องผิดร้าย แม้ต่อให้ดำรงอยู่ในความต่างสุดขั้ว คนบูชารักก็ไม่ใช่คนคลั่งบ้า แต่เหนือกว่าการให้สัญญาเป็นคู่ของกันและกันด้วยแหวนเพชรอมตะ มันก็เหมือนเรื่องราวของสิ่งอื่นๆ ในโลกนี้ ทุกอย่างแม้งดงามหยดย้อยยังต้องมีฉากหลังที่เรามองไม่เห็น
หนังเล่าถึงเรื่องของการต่อสู้ของกลุ่มอำนาจเถื่อนในแอฟฟริกา ทวีปแห่งโลกที่สามอันล้าหลัง และความตายเป็นเรื่องที่มีมูลค่าไม่กี่ดอลล่าร์ ขณะเดียวกันทวีปแห่งนั้นกลับซุกซ่อนความงามระยิบระยับที่แพงยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์หรืออื่นใดในโลกไว้ใต้ผืนดิน
เพชร!
ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าระหว่างเพชรดิบเม็ดเล็กๆ สักก้อน กับชีวิตชาวแอฟริกันคนหนึ่ง อย่างไหนจะถูกละทิ้งไว้ใต้ผืนดินที่คาวคลุ้งด้วยกลิ่นเลือด
มันไม่ใช่เฉพาะแต่ฉากหลังของเพชรเท่านั้นที่หนังเรื่องนี้เปิดเปลือยออกมา แม้แต่กับนักล่าเพชรหนังก็พยายามสะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้ต่างจากมนุษย์คนอื่นใดในโลก คือทุกคนมีที่มา และในลึกทุกคนบนโลกต่างปรารถนาจะเป็นคนดีด้วยกันทั้งสิ้น ต่างว่าเรามีแรงผลักดันให้ความดีงามมันงอกเงยขึ้นมาอย่างไร
ดังนั้น อย่าคิดว่าเราดีกว่าคนอื่นนักหนาแล้ว เพียงเพราะเราไม่ได้แนะนำทางที่ดีให้กับเขา
เพชรสีเลือดในระดับหนึ่งร้อยกะรัตคือเงื่อนปมของการดำเนินเรื่อง และนำไปสู่การค้นหาและค้นพบของชายสองคนที่มาผูกพันกันด้วยเพชรเม็ดนั้น ชายพื้นเมืองผิวดำคนหนึ่งยอมพาชายผิวขาวผู้เก่งกาจในการเอาตัวรอดแต่เต็มด้วยความละโมบ ไปตามหาเพชรที่เขาซุกซ่อนไว้ในป่า นั่นเพื่อว่าชายผิวขาวจะได้พาเขาไปตามหาลูกชายที่ถูกกลุ่มกบฏจับตัวไป แลกกัน-ระหว่างเพชรกับลูกชาย
หนังพาเราไปสู่เรื่องราวแห่งการต่อสู้และเผชิญอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน ความรักต่อลูกชายของชายพื้นเมืองค่อยๆ กล่อมเกลาชายผิวขาวผู้ละโมบให้รู้จักรักคนอื่นเป็นทีละน้อย ขณะเดียวกันหนังก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในความรักที่พ่อคนหนึ่งมีต่อลูกชาย มันเป็นรักที่บริสุทธิ์อันไม่อาจถูกสั่นคลอน โดยเฉพาะตรงที่ชายผิวดำมักบอกอยู่เสมอว่า ..เขายอมตายเสียดีกว่า ถ้าต้องอยู่ต่อโดยไม่สามารถช่วยให้ลูกกลับมาอยู่กับเขาและเป็นเด็กดีเช่นเดิมได้
นอกเหนือจากการกล่อมเกลาคนอีกคนที่รู้จักแต่ความรักตัวเองด้วยรักที่แท้แล้ว หนังยังสะท้อนถึงมุมหนึ่งซึ่งเป็นสะพานความรักระหว่างหญิงและชาย ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นนักข่าว เก่งกาจ มีเสน่ห์ และเป็นมิตรพอๆ กับความกระหายใคร่รู้ตามแบบวิชาชีพ เมื่อเธอและเขาได้พบกัน มันไม่ใช่รักแรกพบ ออกจะเกลียดขี้หน้ากันด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเหตุการณ์และก้นบึ้งที่สัมผัสถึงกันก็ค่อยๆ ถักร้อยความรักให้เกิดกับคนทั้งสอง
สะท้อนให้เห็นว่า แม้คนที่ดีที่สุด ก็อาจรักคนที่ไม่รักดีเอาเสียเลยได้เหมือนกัน แต่เมื่อความรักเกิดขึ้น เราทุกคนล้วนอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดี
ที่สำคัญ เธอรักเขาโดยที่ไม่ได้ใส่ใจว่าเขามีเพชรอยู่ในครอบครองมากขนาดไหน
ฉากจบของหนังคือความตายของนักล่าเพชรผิวขาว และการที่เขาได้ละทิ้งเพชรร้อยกะรัตให้กับเพื่อนผิวดำ ขณะเดียวกัน เขากลับไม่ยอมละทิ้งโอกาสที่จะได้สารภาพรักเป็นครั้งสุดท้าย
ในส่วนของหญิงสาว เมื่อสิ้นชีวิตของชายคนรัก เธอก็ช่วยเหลือเพื่อนของเขาเป็นอย่างดีดังที่ได้รับปากกับเขาไว้ เธอเขียนถึงเขาในชิ้นงานสำคัญของเธอ และแม้ไม่ได้เขียนถึงเขา ใครจะเชื่อบ้างเล่าว่าเธอลืมเขาได้ เพชรมันงดงามอาจถึงเป็นอมตะได้ก็จริง แต่ความรักเท่านั้นที่สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจนิจนิรันดร์ได้
ออกมาจากโรงหนัง คิดถึงแหวนหยกที่หักวงนั้น และคิดถึงเธอ ความทรงจำยังงดงามมากกว่าที่จะเอื้อนเอ่ย เรายังไม่ได้จากกันไปอยู่คนละโลก แต่ก็ไม่ได้ดำรงสถานะเช่นที่เป็นมา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นหรือ ก็อย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ..ทุกอย่างมีเบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม ผมยังคงเก็บแหวนหยกที่แตกหักวงนั้นไว้ในสถานที่ซึ่งดีที่สุด และยังคงเก็บเธอที่เป็นเจ้าของแหวนไว้ลึกสุดใจ และจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมเชื่อว่าเรายังปรารถนาดีต่อกันและกันเสมอ ยังห่วงใยกันเสมอ
ไม่จำเป็นว่าจะมีแหวนอยู่ที่นิ้วนางของกันและกันหรือไม่
ผมเรียกสิ่งนี้ว่า อยู่ในความรัก