...อาลัย แด่ เดือนแรม ประกายเรือง ผู้ลาลับ...
** ๏ เดือน เสี้ยวเดือนดับแล้ว อำลา
แรม มืดอักษรา ส่องแจ้ง
ประกาย แห่งศรัทธา เธอมั่น คงเอย
เรือง อยู่มิรู้แล้ง ฝากฟ้าฝากดินฯ **
ได้รับแจ้งจาก มหา สุรารินทร์ ที่ขณะนี้ อยู่ในงาน โครงการค่ายเยาวชนสร้างสรรค์ผลงานร่วมสมัยสาขาวรรณศิลป์ ที่ จ.นครปฐม ว่า
เมื่อคืนที่ผ่านมา นักเขียน-กวี นาม "เดือนแรม ประกายเรือง" เจ้าของผลงานรวมเล่มหลายเล่มได้เสียชีวิตลง ด้วยโรคตับแข็ง ที่โรงพยาบาลจุฬา หลังจากที่ต้องเดินทางเข้ารักษาตัว ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา
เดือนแรม เป็นนามปากกาของ สุรชัย สุขจิตร ชาวจังหวัดพังงา อายุ 45 ปี เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2506 จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เขาถือเป็นหนึ่งในกลุ่ม "กวีหน้าราม" ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น
เดือนแรม ได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคตับ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา
เดือนแรม ได้เข้ารักษาตัวอย่างต่อเนื่อง และช่วงหนึ่ง ได้กลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดจังหวัดพังงา เมื่ออาการดีขึ้น
และต้องกลับเข้ารักษาตัว ที่โรงพยาบาลจุฬาอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทั่งเสียชีวิต
และญาติได้นำศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ที่บ้านเกิด ณ บ้านชายสวน ฝั่งทะเลอันดามัน จ.พังงา
เดือนแรม เป็นเจ้าของงานรวมเล่มมากมาย ทั้งบทกวี เรื่องแต่ง เรื่องแปล และในจำนวนนั้น ก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย ที่ได้รับรางวัลอย่างสม่ำเสมอ
โดยผลงานบางส่วน มีดังนี้
- รวมบทกวี "เรือน้อยรอยทราย" ได้รับรางวัลดีเด่น จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ปี 2536
- "เกลียวคลื่นคืนฝั่ง" ได้รังรางวัลชมเชย ปี 2540
- "ลายปีกผีเสื้อ" ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสือดีเด่นสำหรับเยาวชน
- รวมบทกวี "ดอกไม้ของแผ่นดิน" ได้รับการคัดเลือก ให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาภาษาไทย ได้รับรางวัลจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือ ปี 2543
- "แดดบ่ายระบายรุ้ง" ได้รับรางวัลชมเชย ปี 2544
- "มือใดดูแลแม่โพสพ" ได้รับรางวัลดีเด่น ปี 2549
และสำหรับ "มือใดดูแลแม่โพสพ" อาจถือได้ว่า เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของ เดือนแรม
เดือนแรม นอกจากจะทำงานเขียนในหลายรูปแบบอย่างสม่ำเสมอแล้ว เขายังทำหน้าที่ เป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน
โดยรับผิดชอบดูแลคอลัมน์ ร้อยกวีที่ปลายรุ้ง ด้วย
ครั้งหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในช่วงเวลา ของการสัญจร ในมหาวิทยาลัยแห่งชีวิต
ห้องเล็ก ๆ บนตึกกิจกรรม ชั้น 3 สถานที่ตั้ง ของชมรมศึกษาปัญหาแหลงเสื่อมโทรมฯ
เราจัดงานรำลึก "ลายจำแลง" อีกเพื่อนกวี ที่เลือกสายน้ำเป็นที่พักกายและหัวใจอันอ่อนล้า
เดือนแรม ที่สัญจรไปมา และแวะเวียนเสมอ ก็มาร่วมงานด้วย
เขาเขียนบทกวีไว้อาลัย และร่วมอ่านบทกวีนั้น
ครั้งหนึ่ง เคยมีคนถามถึงที่มาของนามปากกา
ทำไมต้อง เดือนแรม
และทำไมต้อง ประกายเรือง
กวีหนุ่มผู้นี้ ตอบสั้น ๆ ว่า เดือนแรม คือเดือนเสี้ยว คือคมเคียว
และประกายเรือง คือความหวัง
ความหวังของคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน
ขอแสดงความเสียใจ ต่อการจากไป ของมิตรกวี ในเส้นทางของอักษร
ภารกิจจบลง พร้อมกับลมหายใจที่สุดสิ้น
ทว่า ! เส้นทางนี้ ยังคงทอดยาวไกล
ด้วยหัวใจ และไฟฝันนิรันดร์..
หลับให้สบายเถิด เดือนแรม....
..............................................................
http://www.oknation.net/blog/naitiwa/2008/07/23/entry-1