ฤดูกาลในนรก ...
...
เสียงปลุกเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างหมอน ยังคงดังแผ่วเป็นจังหวะ หนิงค่อย ๆ หรี่เปลือกตาขึ้นก่อนจะค่อย ๆ
เอื้อมมือไปหยิบมันมาดู บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว เธอกดปุ่มปิดเสียงปลุกที่ดังแผ่ว ๆ นั้น พัดลมติดเพดานห้องยังคายไออ้าว
พ่นไปรอบห้อง มันสร้างอุณหภูมิที่ระอุอุ่นราวกับชายหาดยามบ่ายในฤดูร้อน ในขณะที่ท้องฟ้าบางส่วนเบื้องนอกกลับมีเงา
เมฆสีเข้มทาทาบอยู่ครึ่งค่อนฟ้า
หนิงขยับพลิกตัวนอนตะแคง แม้จะรู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องขับเคลื่อนกายไปทำสิ่งอื่นให้มากกว่านี้ แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกเสียดาย
กับการจากลาที่นอนนุ่ม ๆ บนโต๊ะญี่ปุ่นพับได้ตัวเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ถัดไปใต้วงกบหน้าต่างบานเกล็ด ปลาหางนกยูง 4-5 ตัวแหวก
ว่ายเกาะกลุ่มอยู่ภายในขวดกาแฟทรงกระบอก สาหร่ายหางกระรอกเส้นเล็ก ๆ สีเขียวแขวนตัวทิ้งปุยหางนุ่ม ๆ ราวกับจะ
หยอกล้อกับครีบหางสีน้ำเงินอมม่วงของฝูงปลาหางนกยูง หนิงนอนมองการไหวเคลื่อนของพวกมันอย่างเพลิดเพลิน วูบหนึ่ง
เธอรู้สึกอิจฉาปลาหางนกยูงฝูงนี้ที่ได้มาอยู่กับเจ้านายดี ๆ อย่างเธอ หน้าที่ของพวกมันมีเพียงประการเดียวคือแหวกว่ายไปมา
โบกสะบัดครีบหางสีสวยให้เธอชม ราวกับการเคลื่อนตัวอย่างงามสง่าของนางแบบบนแคทวอลค์ แลกกับอาหารที่เธอหยอด
โปรยให้ทุกเช้าค่ำ ผิดกับหน้าที่ของเธอที่กดทับอยู่บนสองบ่า หน้าที่ ๆ ไม่มีวันหยุดหย่อน ไม่มีวันหลบเลี่ยง และโบยฟาดแผ่น
หลังขาวละมุนของเธอให้ต้องลุกจากที่นอน
หนิงเอื้อมมือไปหยิบกระปุกอาหารปลา ก่อนจะเปิดฝาและโปรยอาหารเม็ดสีแดงสีเขียวเหล่านั้นลงไปในขวดใส่ปลาหางนกยูง
พวกมันพากันว่ายปรี่เข้ามาอย่างหิวโหย ครีบหางสะบัดโบกก็ยังไม่หยุดสั่นพริ้วแม้ถึงเวลากิน สิ่งมีชีวิตบางชนิดเกิดมาเพื่อ
ความงามแม้ยามแก่งแย่งดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด
บางที หนิงก็รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตไม่แตกต่างไปจากปลาหางนกยูง ...
...
หนิงกดปุ่มเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญให้ทำงาน ก่อนจะหยิบตะกร้าใส่ผ้าให้ขยับไปติดที่หน้าเครื่อง ร้านขายอาหารตามสั่ง
ที่อยู่ถัดไปมีลูกค้าเพียงสองโต๊ะ ด้านในติดผนังเป็นร้านขายเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และเป็นเจ้าของเดียวกันกับร้านขาย
อาหารตามสั่งใต้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ เธอเดินเข้าไปสั่งกระเพราะหมูสับราดข้าวเหมือนเคย เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่นั่งโต๊ะแรก
สุดยังคงพูดคุยกับเพื่อน ๆ ของเขาอีกสองคน ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอที่เดินเข้าไปนั่งโต๊ะถัดไป หนิงคุ้นเคยกับเขาอยู่บ้างเพราะเขา
พักอยู่ห้องตรงกันข้ามกับเธอ และวันนั้นที่กาต้มน้ำร้อนสำหรับชงกาแฟในห้องพักของเธอเกิดช๊อต เพราะเธอไม่ระวังตอนเทน้ำ
เติมเข้าไปในกา ส่งผลให้เบรคเกอร์ในห้องพักของเธอตัดไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ เขายังกูลีกูจอเข้ามาช่วยเหลือให้ทุกอย่างมันเข้าที่
แต่นอกจากการเป็นเด็กนักศึกษาของเขาแล้วเธอก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรของเขามากนัก รู้แต่ว่ามีบ้างบางคืนที่เขาพาเพื่อน ๆ
2-3 คนกลับมานั่งดื่มต่อที่ห้องจนดึก หลังจากออกไปเมื่อตอนหัวค่ำ สังคมในเมืองใหญ่ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกับคนรอบข้าง
น้อยลง และให้ความสำคัญกับการเป็นไปของตนเพียงอย่างเดียว รูปแบบการใช้ชีวิตจึงเหมือนบีบให้ผู้คนทำถนนไปสู่ความฝันของ
ตนเองเพียงเฉพาะทางสายนั้น และถากถางหนทางเพื่อจะรุกคืบไปข้างหน้าอย่างเปลี่ยวเหงา
เมฆสีเทาบนท้องฟ้าเริ่มลอยตัวลงต่ำ อีกไม่นานฝนคงตก หนิงส่งข้าวคำสุดท้ายของจานเข้าปาก ก่อนจะบดกลืนทุกสิ่งอย่างรีบเร่ง
เธอดื่มน้ำแบบลวก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปจ่ายเงินค่าข้าว เธอไม่อยากไปถึงที่ทำงานของเธอในสภาพเปียกปอน เด็กหนุ่มนักศึกษา
ยังคงนั่งพูดคุยกับเพื่อน ๆ ของเขาและไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน หนิงเดินไปเปิดฝาเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ ก่อนจะทะยอย
หยิบเสื้อผ้าที่ถูกซักและปั่นหมาดออกมาเพื่อที่จะนำไปตากที่ระเบียงห้อง
ละอองน้ำเม็ดเล็ก ๆ เริ่มกระจายตัวคลี่คลุมแผ่นฟ้า ...
...
ความหวังสำหรับค่ำคืน ค่อย ๆ จางไปกับสายฝนที่เทกระหน่ำ ใครจะอยากออกมานั่งกินเหล้าที่ค๊อกเทลเลาจน์ในคืนที่ฝนตกราว กับฟ้าจะรั่ว ละอองน้ำที่พัดพริ้วผ่านตัวเธอไปดูเย็นยะเยียบ แต่เส้นใยความหวังกลับตึงเขม็งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อไฟกระพริบหน้า รถเก๋งคันนั้นปรากฎก่อนจะหักหัวรถปรี่เข้ามาจอดที่หน้าร้าน
หนิงรีบคว้าร่มที่ข้างตัวออกมากาง ก่อนจะเดินไปรับลูกค้าที่ข้างประตูรถฝั่งคนขับ ชายหนุ่มคนหนึ่งขยับประตูรถให้เปิดอ้าใต้เงา ร่มของเธอ ก่อนจะออกมาจากภายในรถและปิดประตูรถ กลิ่นแอลกอฮอลล์บางเบากระจายผ่านลมหายใจเป็นการยืนยันว่าเขา ดื่มมาบ้างแล้ว และในวินาทีที่เธอสบตาเขา หนิงกลับใจหายวูบราวกับถูกฟาดที่หัว
ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ ชายหนุ่มกระซิบเบา ๆ ในขณะที่หนิงใจเต้นโครมคราม เสียงภวนาเพียงอย่าเดียวที่ดังกึกก้อง
ไปในสมองของเธอก็คือขอให้เขาจำเธอไม่ได้ เธอพยักหน้าก่อนจะพาเขาเดินผ่านเข้าประตูร้าน แม้ระยะทางมันจะเพียงแค่ 5 เมตร
แต่กลับดูเหมือนเหยียดยาวไปสุดขอบโลก เธอแทบอยากจะอุ้มเขาแล้วพาวิ่งเข้าไปสู่เงามืดภายในร้าน ใต้แสงสลัวภายในที่น่าจะ
บดบังใบหน้าบางส่วนของเธอเพื่อที่จะไม่ให้เขาจดจำเธอได้
บนเวทียังคงมีเสียงเพลง Still loveing you ดังแผ่วราวกับเสียงกระซิบภายในใจของหนิง ในขณะที่ท่วงทำนองยังกรีดหัวใจ
ของเธออย่างหนักหน่วง ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหนานุ่มที่แทบจะโอบกอดเขาไว้ ก่อนจะบอกให้เธอสั่งไฮเนเก้นให้เขา
สองขวด และผ้าเย็นอีกหนึ่งผืน เขาดูเหนื่อยอ่อนกับการถอนหายใจอย่างยาวยืด เสื้อเชิ๊ตสีขาวถูกพับแขนขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ
และกางเกงแสล็คกับรองเท้าหนังสีดำมันวับ หนิงนั่งลงข้าง ๆ เขาก่อนจะค่อย ๆ รินเบียร์เย็นฉ่ำลงในแก้วและส่งให้
ท่าทางเหนื่อย ไปทำอะไรมาคะ หนิงเอ่ยถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่เริ่มมั่นใจแล้วว่า เขาจำเธอไม่ได้ ชายหนุ่มยกแก้วเบียร์ ขึ้นจิบเบา ๆ ก่อนจะหยิบผ้าเย็นที่เธอฉีกจากซองขึ้นเช็ดถูไปทั่วใบหน้าและรอบ ๆ ลำคอ
เพิ่งกลับจากเลี้ยงลูกค้าครับ ผมไม่ค่อยชอบซูชิ แต่ก็ต้องไปนั่งกินตามคำสั่ง เลยกดสาเกไปหลายขวด ชายหนุ่มโยนผ้าเย็น
ผืนนั้นลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นซด จากสิ่งที่เขาบอกเล่าหนิงคิดว่าเขาคงทำงานบริษัทไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ดูแล้วสภาพ
การทำงานของเขาและเธอคงแตกต่างกันในสภาวะอย่างสิ้นเชิง คนที่ใช้ชีวิตทำงานตอนกลางวัน และพักผ่อนยามค่ำคืน
เหมือนเส้นขนานกับชีวิตของคนที่ทำงานตอนกลางคืน แล้วนอนพักผ่อนตอนกลางวัน ในขณะที่ความคาบเกี่ยวของรูปแบบทั้งสอง
ทาบทับตรงกันเพียงชั่วครู่ เธอกลับอยากหยุดเวลาช่วงนี้ไว้ให้นานที่สุด ในขณะที่คำอธิฐานในใจของหนิงยังไม่จบสิ้น
ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
ออกไปข้างนอกกับผมได้มั้ย ?
หนิงพยักหน้าเบา ๆ ในขณะที่หัวใจเต้นกระแทก เธอขอบคุณพระเจ้าทุกองค์ที่ทำให้เขาจำเธอไม่ได้ และพาเธอไปสู่ความฝัน
อันหิวกระหายที่เธอทิ้งมันไว้เบื้องหลังนานมาแล้ว ...
...
อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศเย็นยะเยือกราวกับอยู่ในฤดูหนาว ในขณะที่ความเร่าร้อนแผ่ซ่านไปในเส้นเลือดของเธอ
เธอปล่อยให้เขาดูดแทะไปทั่วเรือนร่างขาวละมุนราวกับปากของปลาหางนกยูงที่รุมกินอาหารเม็ดในขวดกาแฟ เธอบิด
กายอย่างซ่านเสียวพลางส่งเสียงร้องครางเบา ๆ ความฝันแสนหวานที่เธอเคยจินตนาการตอน ม.3 กำลังเป็นจริง เมื่อพี่
ม.5 นักกีฬาของทีมบาสเก็ตบอลขวัญใจของสาว ๆ ทั้งโรงเรียนในวันนั้น กำลังซุกไซร้ใบหน้ากับเนินเนื้อเนียนละเอียด
ตรงหว่างขาของเธอตอนนี้ หนิงกดคอของเขาให้โลมเลียร่องหลืบของเธอที่เยิ้มฉ่ำ เขาตวัดปลายลิ้นขึ้นลงอย่างชำนาญ
เกมส์เสียจนเธอแทบจะคลั่ง
บนถนนของคนกลางวัน กับถนนของคนกลางคืน เกี่ยวทาบกันด้วยช่วงเวลาที่แสนสั้น แม้กระนั้นสำหรับชีวิตของคน
อย่างหนิง ความหมายของการมีชีวิตอยู่เป็นเพียงภาระหน้าที่ประการหนึ่ง หน้าที่ ๆ กดทับอยู่บนสองบ่า หน้าที่ ๆ ไม่มี
วันหยุดหย่อน ไม่มีวันหลบเลี่ยง และโบยฟาดแผ่นหลังขาวละมุนของเธอให้ต้องออกเดินทางถางถากเส้นทางไปเบื้องหน้า
อย่างไม่มีวันถอยกลับหลัง และบังคับให้เธอทำบางสิ่งบางอย่าง โดยไม่เปิดทางเลือก แต่การมาถึงของเขากลับเติมเต็ม
ความสุขบางประการที่หายขาดไปในห้วงเวลาที่ผ่านมา แม้มันจะเป็นเพียงเสี้ยวเศษของความสุขยามที่เขาดันท่อนเนื้อ
ผ่านเข้าออกในเรือนกายของเธอ เธอก็ยังโอบกอดมันไว้อย่างปิติ และขอบคุณพระเจ้าทุกองค์ที่ดลบันดาลให้เขาจดจำเธอไม่ได้
...
หนิงเดินขึ้นบันไดอพาร์ทเมนต์ทีละขั้น เธอรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว เธอจะเดินถึงหน้าประตูห้องบนชั้นสาม ห้องที่มีเพียงแต่เธอและ
ปลาหางนกยูงฝูงนั้น ห้องที่โอบกอดเธอไว้อย่างเดี่ยวโดดมาหลายปี และวันคืนที่ดูเหมือนฤดูที่แตกต่างยังคงดำเนินต่อไป
อย่างนั้น แต่ความอบอุ่นที่เธอได้จากเขาในวันนี้จะยังคงหล่อเลี้ยงความฝันของเธอไปอีกนานแสนนาน
เธอสอดลูกกุญแจเข้ากับลูกบิดประตู และในขณะที่เธอผลักมันให้เปิดอ้า วงแขนที่แข็งแกร่งก็โอบรอบเข้าที่เอว และดันตัวเธอ
ผ่านประตูเข้าไปในห้อง หนิงขยับปากหมายจะกรีดร้อง แต่มืออีกข้างก็ผวามาปิดปาดเธอแนบสนิท เธอส่งเสียงอึกอักในลำคอ
ขณะที่ถูกผลักให้นอนหงายลงบนเตียงภายในห้องพักของเธอ ในเงามืดเธอเห็นเด็กหนุ่มนักศึกษาที่พักอยู่ห้องตรงข้ามของเธอ
กับเพื่อนของเขาอีกสองคนที่เธอเจอในร้านขายอาหารตามสั่งใต้อพาร์ทเมนต์เมื่อตอนเย็น ประตูห้องพักของเธอถูกปิด
และพวกเขาก็ถลาเข้ามาหาเธอเหมือนกับฝูงปลาหางนกยูงที่รุมกัดกินอาหารเม็ด
น้ำตาร้อนผ่ะผ่าวค่อย ๆ ไหลผ่านสองพวงแก้ม มันเป็นน้ำตาของสิ่งมีชีวิตบางชนิดเกิดมาเพื่อความงามแม้ยามดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด ...
ผ่านฤดูกาลในนรก
...